ตอนที่29. ข้าจะไปเดี๋ยวนี้
ชายหนุ่มเห็นนางเริ่มนิ่งไป พอก้มลงมองก็เห็นเพียงนางก้มหน้าอยู่ จึงปล่อยนางออกจากวงแขนแล้วยกมือขึ้นประคองใบหน้าเล็กให้เงยหน้าขึ้น เพียงชั่วพริบตานางกลับจับมือใหญ่ของเขาแล้วงับเข้าไปเต็มแรง
“โอ๊ย!” จ้าวจิ่นสือถึงกับร้องเสียงหลง
มู่ฟางเหนียงอาศัยจังหวะที่เขาปล่อยนาง รีบผละออก หมุนตัวรีบก้าวเร็วๆ จะออกไปจากห้องนี้ ทว่า ข้อมือถูกกระชากไว้พร้อมกับร่างของนางที่ถูกหมุนกลับไป รวดเร็วจนไม่ทันกะพริบตา ริมฝีปากของนางก็ถูกประกบด้วยริมฝีปากของเขา ดวงตาสีนิลเบิกกว้างอย่างตกใจ ร่างเล็กถูกรวบมากอดแน่น แต่กระนั้นสองมือเล็กๆ ก็ทุบรัวกับแผ่นอกแข็งแกร่งดุจกำแพงหินผา เท้าของนางลอยจากพื้นได้แต่เตะไปมา แต่เพราะถูกกอดรัดแน่นทำให้นางขยับตัวแทบไม่ได้
มันไม่ใช่จุมพิตอ่อนหวานแต่เป็นการลงโทษ! ริมฝีปากบดขยี้จนนางเจ็บต้องกลั้นน้ำตาแต่ก็ไม่ยอมร้องขอความเมตตาให้เขาปล่อยนาง!
ลมหายใจร้อนระอุและเรือนร่างอ่อนนุ่มกลับจุดให้ร่างกายบางส่วนแข็งแกร็งขึ้นมา เมื่อรู้ตัวก็รีบผละนางออก เห็นแววตาฉ่ำน้ำตาของนางแล้วหัวใจของตนเองกลับเหมือนถูกบีบเค้น เขาอ้าปากกำลังจะพูด... แต่...
เพียะ!!!
ฝ่ามือเล็กตบไปที่ซีกหน้าของชายหนุ่มเต็มแรง เพราะเขาไม่ทันตั้งตัวจึงรับฝ่ามือนั้นไปเต็มๆ จนใบหน้าสะบัดไป นางกัดริมฝีปากตนเอง ไม่ส่งเสียงใดออกมาทั้งสิ้น แววตาเต็มไปด้วยความเคืองโกรธ ก่อนจะหมุนตัวแล้ววิ่งออกไปอย่างรวดเร็ว
จ้าวจิ่นสือยืนนิ่งไปครู่หนึ่งก่อนจะยกมือขึ้นแตะแก้มข้างที่ถูกตบ เขาถูกตบหน้า! เป็นครั้งแรกที่ถูกผู้หญิงตบหน้า! เขาเพียงแค่อยากสั่งสอนนางที่ ‘ปากดี’ กับเขา แต่ไม่คิดว่านางจะจ้องมองเขาด้วยแววตาชิงชังขนาดนั้น เขาหลุบตามองหนังสือสามเล่มที่ตกอยู่บนพื้น ก้มหยิบขึ้นมาแล้วพลิกดู หนังสือแต่ละแผ่นไม่มีรอยยับ แทบไม่เหมือนว่าเคยถูกเปิดเลยด้วยซ้ำ แต่เขารู้ว่านางต้องอ่านวนกลับไปกลับมาหลายรอบเป็นแน่
ความเจ็บแปลบแล่นเข้าสู่หัวใจ ไม่ใช่เจ็บเพราะถูกตบ ทว่า...เขากลับอธิบายไม่ได้ว่าเพราะอะไร
มู่ฟางเหนียววิ่งออกมา เท้าเล็กๆ สะดุดก้อนหินจนเซถลาไปชนกับเสากลมของเรือน โชคดีที่นางหยุดได้ทันไม่อย่างนั้นหน้าคงกระแทกเสา แต่หญิงสาวก็หยุดยืนยกมือที่สั่นระริกขึ้นดู มันชาเสียจนนางไม่รู้สึกเจ็บ แต่ที่เจ็บคงเป็นที่ใจ เพราะนางไม่เคยถูกใครรังแกถึงเพียงนี้ นางเกลียดตัวเองที่อ่อนแอเหลือเกิน
“แม่นางมู่”
หญิงสาวตื่นจากภวังค์ แล้วหันไปตามเสียงที่ได้ยิน เป็นชุนเอ๋อร์ สาวรับใช้ของเคอหลิ่งหลินเดินมาหาพอดี นางฝืนยิ้มทั้งที่มือยังสั่นอยู่
“มาอยู่นี่เอง คุณหนูให้ข้ามาตามหาเจ้า”
“มีเรื่องอะไรรึ”
“คุณหนูเป็นห่วงกลัวเจ้าหลงทาง” ชุนเอ๋อร์ส่งยิ้มให้ แต่เห็นอีกฝ่ายหน้าซีดก็อดถามไม่ได้ “เจ้าเป็นอะไรหรือเปล่า”
“เปล่า “ นางสั่นหน้าไปมาแล้วเดินตามชุนเอ๋อร์กลับไปหาเคอหลิ่งหลิน เพียงก้าวเข้าไปในห้อง พ่อบ้านตู้เดินเร็วๆมาหาแล้ว
“แม่นางมู่ มีคนจากบ้านเศรษฐีกู่หลินมาเชิญท่านไปดูอาการลูกชายของเขาโดยด่วน”
“ได้ๆ ข้าจะไปเดี๋ยวนี้” มู่ฟางเหนียงพยักหน้ารับ แล้วหันไปทางเคอหลิ่งหลินที่กึ่งนั่งกึ่งนอนบนเตียง
“พี่สาว ข้าขอตัวก่อน ท่านพ่อเขียนเทียบยาให้แล้ว ท่านให้คนไปเจียดยาที่ร้านได้ เทียบยานี้ท่านกินตามวันที่ระบุไว้ ท่านพ่อจัดยาสำหรับหนึ่งเดือนให้ท่านบำรุงตัวเอง จะได้ฟื้นคืนแรงในเร็ววัน”
“ข้าติดหนี้บุญคุณเจ้ากับพ่อเหลือเกิน” เคอหลิ่งหลินยิ้ม เข้าใจความหมายที่ทั้งสองพ่อลูกจะออกเดินทางเป็นอย่างดี นางหันไปทางชุนเอ๋อร์ เพียงมองตาก็เข้าใจ ชุนเอ๋อร์รีบเดินไปหยิบกล่องเครื่องประดับแล้วส่งให้ผู้เป็นนายทันที
“ข้าไม่มีอะไรจะตอบแทน ข้าให้กำไลหยกวงนี้ก็แล้วกัน” เคอหลิ่งหลินหยิบกำไลหยกสีเขียวเนื้อสวยส่งให้มู่ฟางเหนียง
“ของแพงเช่นนี้ ข้ารับไม่ไหวหรอก” นางสั่นหน้าปฏิเสธ แต่ข้อมือถูกดึงไปสวมกำไลให้เสียแล้ว
“เด็กโง่ผู้ใหญ่ให้ก็รับไปซะ ยามที่เจ้าเดินทาง หากจำเป็นก็เอาไปขายได้ ข้าทำบ่อยไป เจ้าเก็บไว้เถอะ”
“ถ้าเช่นนั้น ข้าขอบคุณพี่สาวมาก” นางรับไว้แล้วพยายามยิ้ม โชคดีที่เคอหลิ่งหลินไม่ถามอะไรอีก นางจึงถือล่วมยาออกไปหน้าจวน ก็เห็นรถม้ากับคนของเศรษฐีกู่หลินยืนรอด้วยท่าทางกระวนกระวาย
“นายน้อยไม่สบายเป็นอะไรรึ” นางเอ่ยถามทันที
“ไม่ทราบขอรับ ขอเชิญแม่นางมู่รีบเดินทางเถิด”
“ได้ๆ รีบไปเถอะ”
มู่ฟางเหนียงก้าวขึ้นไปในรถม้า หญิงสาวสะบัดศีรษะไปมา พยายามไม่คิดถึงเรื่องในจวนแม่ทัพจ้าวอีก นางบีบมือข้างขวาของตัวเองกระตุ้นให้เลือดไหลเวียน นางเป็นหมอ นางคือหมอ นางต้องมีสมาธิที่จะดูแลคนป่วย หญิงสาวเริ่มสงบใจได้ แต่อดเหลือบมองไปด้านหลังไม่ได้ จวนแม่ทัพจ้าวอยู่ห่างสายตาของนางไปทุกที
นางจะไม่คิดถึงชายคนนั้นอีก เขาไม่สำคัญกับนาง และที่สำคัญนางจะไม่กลับมาที่นี่อีกแล้ว
....ไม่กลับมา...
