บท
ตั้งค่า

เจอหน้ากัน

ตอนที่ 2 เจอหน้ากัน

เมื่อเดินทางจากสวิตเซอร์แลนด์มาถึงมาตุภูมิ อาชาไนยให้ลูกน้องเอากระเป๋าเดินทางใบโตขึ้นไปเก็บในเพ้นท์เฮ้าส์จนเสร็จสรรพ ก่อนจะรีบเดินทางไปที่ศาลาตั้งศพและบำเพ็ญกุศลที่วัดทันที

@ศาลาบำเพ็ญกุศล

ริสาเห็นกระต่ายเพื่อนสาวยังคงนั่งเศร้าซึม เธอจึงรู้สึกเป็นห่วงเลยพลอยไม่สบายใจและเป็นทุกข์ไปด้วย ดวงตากลมโตสีน้ำตาลอ่อนจ้องมองไปยังภาพถ่ายของกันตาเพื่อนรักของเธอ ซึ่งตอนนี้ต่างล้อมรอบและประดับประดาไปด้วยดอกไม้หลากหลายสีสัน เธอดำดิ่งอยู่ในห้วงความคิดยาวนานจนน่ากังวล สายตาเหม่อลอยยังคอยจดจ้องมองหน้าเพื่อนรัก ผ่านภาพถ่ายอยู่แบบนั้นเป็นเวลานานหลายนาทีแล้ว

“ต่าย กินอะไรสักหน่อยเถอะ สาไม่เห็นต่ายทานอะไรเลยตั้งแต่เช้าเลยนะ เดี๋ยวก็ป็นลมเป็นแล้งไปอีกคนหรอก ถ้าต่ายเป็นอะไรไปอีกคนสาจะทำยังไง สาไม่มีเพื่อนที่ไหนอีกแล้วนะ”

ริสายื่นแซนด์วิชกับนมให้กนกรดาด้วยความเป็นห่วง เพราะเห็นเพื่อนเอาแต่นั่งจ้องภาพถ่ายของกันตาอยู่แบบนี้นานหลายนาทีแล้ว

“ขอบใจมากนะริสา แต่ต่ายทานไม่ลงจริง ๆ พูดตรง ๆ เลยว่าตอนนี้ต่ายยังทำใจไม่ได้ ต่ายไม่อยากจะเชื่อเลยว่ากวางจะทิ้งพวกเราไปเร็วขนาดนี้ และที่กวางต้องเป็นแบบนี้ก็เพราะพี่ต่อพี่ชายของต่าย” น้ำเสียงสั่นเครือถูกพ่นออกมาจากริมฝีปากอวบอิ่ม น้ำตาเม็ดใส ๆ ที่เอ่อคลอต่างกลิ้งลงมาอาบแก้มเนียนใสอีกครั้งอย่างห้ามไว้ไม่ได้

“โธ่ ต่าย คิดซะว่ายัยกวางทำบุญมาแค่นี้ กวางมันไปสบายแล้ว ไม่มีใครอยากจะให้เรื่องแบบนี้มันเกิดขึ้นหรอก มันคืออุบัติเหตุนะต่าย ถ้าต่ายมัวเอาแต่เศร้าซึมข้าวปลาก็ไม่ยอมทานเลยแบบนี้ วิญญาณยัยกวางอาจจะทุกข์ใจก็ได้นะ ที่ต้องเป็นต้นเหตุให้เพื่อนรักอย่างเธอไม่ยอมทานอะไรเลยแบบนี้ ทานหน่อยเถอะ เชื่อฉัน นิดนึงก็ยังดี”

ดวงตากลมโตที่ต่างเต็มไปด้วยน้ำตาคลอเบ้าหันไปมองหน้าเพื่อนเพียงนิด ก่อนจะเอื้อมมือเรียวบางไปรับแก้วนมขึ้นมาดื่ม พร้อมกับแซนด์วิชที่เธอแทบจะกลืนมันไม่ลง แต่ก็ต้องฝืนกิน

“ว่าแต่คุณแม่ท่านว่ายังไงกับต่ายบ้างไหม” ริสาถามถึงมารดาของกันตาเพื่อนสนิท ก่อนกนกรดาจะส่ายหน้าเบา ๆ

“คุณแม่ไม่พูดอะไรเลย ต่ายถึงต้องเป็นทุกข์อยู่แบบนี้ไง คุณแม่พูดให้ต่ายฟังเพียงคร่าว ๆ ว่าวันนั้นกวางร้องไห้ฟูมฟาย และรีบร้อนบอกจะไปหาพี่ต่อ คงเป็นเพราะเรื่องที่พี่ต่อหนีไป กวางเลยต้องรีบร้อนจะมาหา จนตัวเองต้องมาประสบอุบัติเหตุเสียชีวิตแบบนี้ คุณแม่ท่านก็คงจะคิด ว่าฝ่ายเราเป็นต้นเหตุให้ยัยกวางลูกของท่านต้องมาตาย”

“บ้าแล้วแก ใครเขาจะไปคิดแบบนั้นกัน ทุกอย่างมันคืออุบัติเหตุ และไม่มีใครที่จะอยากให้เรื่องแบบนี้มันเกิดขึ้นมาทั้งนั้น”

กนกรดานั่งฟังที่ริสาพูด ก่อนจะเหลือบสายตามองไปยังคุณหญิงมณีผู้เป็นมารดาของเพื่อนรัก เธอเองก็ได้แต่แอบหวังว่าท่านคงจะเข้าใจ และเมตตาเธอกับพี่ชายอย่างเสมอต้นเสมอปลายต่อไป แม้ว่าจะไม่มีกันตาลูกสาวของท่านแล้วก็ตาม

“ต่าย สาว่าเราไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้ากันก่อนเถอะ อีกเดี๋ยวก็เย็นแล้ว เดี๋ยวเราจะได้รีบกลับมาช่วยคุณแม่ท่านรับแขกที่มาฟังพระสวดคืนนี้” กนกรดายกแขนขึ้นมาดูเวลาจากนาฬิกาที่ข้อมือ ก่อนจะพยักหน้าตอบรับเบา ๆ

“งั้นต่ายไปบอกคุณหญิงแม่ก่อนนะ”

“งั้นเราก็ไปด้วยกันนี่แหละ” ริสาว่าพลางลุกขึ้นยืนก่อนจะก้าวไปด้วยกันกับกนกรดา

“คุณหญิงแม่คะ หนูขอตัวกลับไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนนะคะ แล้วเดี๋ยวจะรีบกลับมาค่ะ”

“ดีเลยลูก จะได้มาช่วยกันรับแขกเหรื่อที่มาฟังพระสวดอภิธรรม เอ่อ ..ว่าแต่ พวกหนูจะกลับกันยังไงล่ะลูก”

“เดี๋ยวสาจะไปส่งยัยต่ายเองค่ะคุณแม่” คุณหญิงมณีพยักหน้ารับอย่างเป็นเชิงเข้าใจ ก่อนสองสาวจะรีบเดินปรี่ไปที่รถทันที แต่ในระหว่างที่กำลังจะเดินไปที่รถ กนกรดาสังเกตเห็นผู้ชายรูปร่างสูงโปร่งกำยำใส่แว่นสีชาในชุดสูทสีดำ เดินสวนทางเข้ามาใกล้ ๆ เขาหยุดชะงักไปเพียงนิด ก่อนจะถอดแว่นออกมาแล้วจ้องมองเธออย่างไม่มีความเกรงใจ ใบหน้าหล่อเหลาคมคายจ้องหน้าเธอนิ่งด้วยดวงตาแข็งกร้าว ราวกับว่าโกรธแค้นอะไรเธอมาก่อน กนกรดารู้สึกราวกับว่าถูกดวงตาคมกริบคู่นั้นสะกดเอาไว้ และรู้สึกคลับคล้ายคลับคลา ว่าเธอเคยเห็นผู้ชายคนนี้ที่ไหนมาก่อน

“หน้าตาคล้ายกวาง หรือว่า..ผู้ชายคนนั้นจะเป็นพี่ชายของกวาง คุณอาชาไนย”

กนกรดาเอ่ยชื่อเขาออกมาอยู่ในใจ เธอเคยเห็นภาพเขาในโทรศัพท์ของกวาง ซึ่งกวางมักจะแอบถ่ายพี่ชายตัวเองบ่อย ๆ และกวางเคยบอกว่าพี่ชายของเธอเป็นคนที่ไม่ชอบถ่ายรูป อีกทั้งพี่ชายของเธอยังไม่เคยมีแฟน แต่มีผู้หญิงอีกเพียบที่พร้อมจะขึ้นเตียงกับพี่ชายของเธอ และเธอกับพี่ชายไม่ค่อยได้เจอกันเท่าไหร่นัก เพราะเขาเลือกที่จะอยู่เพ้นท์เฮ้าส์ส่วนตัว มากกว่าที่จะอยู่บ้าน และนาน ๆ ครั้งพี่ชายของเธอถึงจะกลับมานอนบ้าน ที่สำคัญกวางยังเคยบอกอีกว่าพี่ชายของเธอเป็นผู้ชายที่ใจดี และอบอุ่นมาก แต่ทำไม..เธอถึงรู้สึกว่าเขาเป็นผู้ชายที่ดูน่ากลัว มากกว่าจะเป็นผู้ชายอบอุ่นอย่างที่กวางเคยบอกซะอีก เพราะแววตาที่เขามองมา ทำให้เธอรู้สึกร้อน ๆ หนาว ๆ ราวกับคนกำลังจับไข้ จนเธอเองต้องชะงักไปทันทีที่เจอแววตาคู่นั้นของเขา

“ต่าย ต่าย มีอะไรหรือเปล่า หยุดทำไม?” เสียงเรียกของริสาเพื่อนสนิททำให้กนกรดาตื่นออกจากภวังค์ความคิด

“เอ่อ ปะ เปล่าหรอก ไม่มีอะไร เรารีบไปกันเถอะ!”

อาชาไนยขบกรามแน่น เมื่อเห็นน้องสาวของไอ้สารเลวที่เป็นตัวต้นเหตุ ให้กันตาน้องสาวเพียงคนเดียวของเขา ต้องมาตายอย่างอนาถเช่นนี้

“หึ สวยไม่เบา ยัยกวางถึงได้พูดถึงบ่อย ๆ และชมนักชมหนาว่ามีเพื่อนสวย แต่ต่อจะให้เธอสวยยังไง เธอก็เป็นน้องของไอ้ชั่วนั่น เพราะฉะนั้นเธอเองก็คงไม่ต่างอะไร กับไอ้ตัวต้นเหตุที่พาน้องสาวของฉันไปพบกับจุดจบแบบนี้ ทั้งหมดมันเป็นเพราะคนอย่างพวกเธอ”

อาชาไนยสบถออกมาเบา ๆ พร้อมย้ำคิดย้ำแค้น ก่อนจะพาร่างสูงโปร่งเดินเข้าไปหาผู้เป็นแม่ ที่กำลังต้อนรับแขกเหรื่อ

“สวัสดีครับคุณแม่” เสียงทุ้มนั้นทำให้คุณหญิงมณีถึงกับสะดุด และรีบผละออกจากแขกตรงหน้า คุณหญิงมณีหันกลับไปมองลูกชายที่เหลืออยู่เพียงคนเดียวแล้วยิ้มออกมาทั้งน้ำตา ก่อนจะอ้าแขนกอดบุตรชายคนโตพลางลูบแขนลูบไหล่เบา ๆ ตอนนี้เธอเหลือลูกชายอยู่เพียงคนเดียวแล้วจริง ๆ

“อาชา กลับมาถึงตั้งแต่เมื่อไหร่ลูก”

“ผมมาถึงสักพักแล้วครับคุณแม่ พอเอาของไปเก็บที่เพ้นท์เฮ้าส์ผมก็รีบมาที่นี่เลย”

“งั้นลูกก็ไปจุดธูปก่อนเถอะ และบอกน้องให้ไปดี จะได้ไม่ต้องห่วงใยอะไรกัน”

ชายหนุ่มละออกจากมารดาก่อนจะเข้าไปนั่งคุกเข่ากราบพระประธานที่ตั้งอยู่บนโต้ะหมู่บูชา และจุดธูปหนึ่งดอกพนมมือสงบจิตสักพัก ชั่วอึดใจก็เงยหน้าขึ้นไปมองภาพถ่ายครึ่งตัวของน้องสาวเพียงคนเดียวด้วยสีหน้าเศร้าสลด

“พี่ไม่คิดเลย ว่าพี่จะต้องมางานศพของน้อง แทนที่จะเป็นงานมงคลอย่างที่น้องเคยเล่าความใฝ่ฝันที่อยากจะใส่ชุดเจ้าสาวสีขาวบริสุทธิ์ให้พี่ฟัง” อาชาไนยนั่งลำลึกถึงความหลังอยู่ตรงหน้าภาพถ่ายของผู้เป็นน้องสาวอยู่พักใหญ่

~สองชั่วโมงต่อมา~

“คุณหนูคะ คุณผู้หญิงให้นมมาเชิญค่ะ”

นมพรผู้ที่เป็นแม่นม และคอยเลี้ยงดูอาชาไนยมาตั้งแต่เล็ก ๆ เรียกขึ้น

“ครับนม” ชายหนุ่มลุกขึ้นยืนเต็มความสูง ก่อนจะเดินตามนมพรไปหาผู้เป็นมารดา ซึ่งกำลังนั่งคุยอยู่กับเด็กผู้หญิงคนนั้น คนที่เป็นเพื่อนรักของน้องสาวเขา และยังเป็นน้องสาวของไอ้ต่อศักดิ์พี่ชายสารเลวนั่น เมื่ออาชาไนยเดินเข้าไปใกล้ คุณหญิงมณีจึงได้แนะนำให้รู้จัก

“อาชา นี่คือหนูต่าย และนี่คือหนูริสา เพื่อนของยัยกวางน้องสาวของลูก ส่วนนี่คือผู้กองปริญพี่ชายของหนูริสา” ทั้งสามคนยกมือขึ้นเพื่อทำความเคารพ ในขณะที่ริสาทักทายพี่ชายของเพื่อนขึ้นมาอย่างเป็นกันเอง

“สวัสดีค่ะ เรียกว่าสาเฉย ๆ ก็ได้นะคะพี่อาชา”

อาชาไนยได้แต่พยักหน้าเบา ๆ ก่อนจะปรายสายตาคมกริบมองไปยังน้องสาวของไอ้ผู้ชายชั่วคนนั้นเพียงแว้บเดียว แล้วจึงหันกลับมามองทางมารดา

“พระสวดกี่โมงครับคุณแม่”

“ทุ่มตรงจ้ะ”

“งั้นผมไปยืนรับแขกตรงโน้นก่อนนะครับ”

กล่าวเพียงแค่นั้นชายหนุ่มก็ลุกขึ้นแล้วก็เดินจากไป ปล่อยให้ทั้งสามคนมองตามอย่างไม่เข้าใจว่าทำไมเขาถึงได้ดูเย็นชา และไม่ทักทายปราศรัยอะไรพวกเธอสักนิดเลย

อาชาไนยเดินออกมาต้อนรับแขก และในขณะนั้นก็เหลือบไปเห็นคีตภัทรและเจไดซึ่งเป็นเพื่อนสนิท อีกทั้งยังเป็นหุ้นส่วนธุรกิจ ที่มาร่วมฟังสวดพระอภิธรรมในคืนนี้ด้วย

“เสียใจด้วยนะเว้ยไอ้ชา” คีตภัทรพูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง ก่อนใบหน้าหล่อคมคายของอาชาจะพยักหน้าตอบรับเบา ๆ

“อืม ขอบใจมากที่มา”

“งั้นเราเข้าไปสวัสดีคุณแม่กันก่อนเถอะ” เจไดพูดขึ้นมาบ้าง ก่อนชายหนุ่มหล่อทั้งสามคนจะเดินตามกันเข้ามาในศาลา เพื่อทักทายคุณหญิงมณี และแสดงความเสียใจกับท่าน

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel