บทย่อ
”ชดใช้ยังไงดีล่ะ…ด้วยตัวของเธอดีไหม ?“
ข่าวร้าย
ตอนที่ 1 ข่าวร้าย
ครืด ครืด ครืด !!
เสียงโทรศัพท์มือถือเครื่องหรูซึ่งถูกวางไว้อยู่บนหัวเตียง ได้แผดเสียงดังขึ้นมาอย่างยาวนาน เพื่อบีบบังคับเร่งเร้าให้คนที่กำลังหลับสนิทจำต้องงัวเงีย และฝืนเปิดเปลือกตาอันหนักอึ้งขึ้นมาอย่างขุ่นเคือง ด้วยความที่ชายหนุ่มเพิ่งจะล้มตัวลงนอนเมื่อสักประมาณหนึ่งชั่วโมงที่แล้ว หลังจากเผด็จศึกบนเตียงกับคู่ขาคนใหม่ด้วยความเหนื่อยล้า อาชาแข็งใจเอื้อมมือหนาไปคว้าเอาโทรศัพท์มือถือขึ้นมากดรับสาย ก่อนจะหยิบยกขึ้นมาแนบหูทันทีที่หน้าจอปรากฏชื่อของผู้เป็นมารดา
อาชา : (ครับคุณแม่…มีอะไรหรือเปล่าครับ) น้ำเสียงทุ้มต่ำปนงัวเงียเอ่ยถามออกไป พร้อม ๆ กับรอฟังคำตอบจากผู้เป็นมารดา
คุณแม่ : (อาชา…ยัยกวาง ฮึก ยัยกวางเสียแล้วลูก)
เขาชะงักและนิ่งงันไปทันที มือไม้ที่ยกโทรศัพท์แนบหูอยู่กลับอ่อนแรงลง จนแทบจะปล่อยให้โทรศัพท์มือถือล่วงลงพื้น เขาไม่อยากจะเชื่อหูตัวเอง ในประโยคที่ผู้เป็นแม่พูดกรอกปลายสายว่า… กันตา หรือ กวาง น้องสาวเพียงคนเดียวของเขา เธอจะจากเขาไปรวดเร็วได้ถึงเพียงนี้
อาชา : (อะไรนะครับคุณแม่)
คุณแม่ : (น้องเสียแล้วลูก ฮือ..น้องเสียแล้ว)
อาชา : (มันเกิดขึ้นได้ยังไงกันครับ วันก่อนยัยกวางก็เพิ่งคุยกับผมหยก ๆ ไม่อยากจะเชื่อเลย)
น้ำเสียงที่มีแต่ความกังวลถูกพ่นออกมาผ่านรอดไรฟัน ตอนนี้เขาแทบไม่อยากจะเชื่อว่าทั้งหมดนี้มันคือเรื่องจริง
คุณแม่ : (แม่ก็ไม่อยากจะเชื่อ ก่อนจะเกิดเรื่องน้องร้องไห้ฟูมฟายวิ่งออกมาจากห้อง และบอกกับแม่ว่าจะออกไปหาต่อศักดิ์ น้องคงทะเลาะกับแฟนเลยต้องรีบร้อนออกไปแบบนั้น แม่พยายามห้ามน้องแล้ว แต่น้องไม่ฟัง ฮึก จากนั้นไม่นานแม่ก็ได้รับโทรศัพท์จากตำรวจว่า...
น้ำเสียงอันสั่นเครือของผู้เป็นมารดาพูดออกมาอย่างยากลำบาก ก่อนจะฝืนเล่าต่อให้ผู้เป็นลูกชายได้ฟังจนจบ
...ตำรวจบอกว่าน้องขับรถมาด้วยความเร็ว ช่วงประคองรถเข้าโค้งได้มีรถยนต์คันหนึ่งพุ่งแซงปาดหน้ารถของน้องขึ้นมา จนยัยกวางต้องหักหลบอย่างกระทันหัน เลยพุ่งเข้าชนเสาไฟฟ้าจนน้องเสียชีวิตคาที่)
ผู้เป็นมารดาพูดออกมาได้เพียงเท่านั้น ก็ร่ำไห้สะอึกสะอื้นออกมาปานจะขาดใจ ไม่ต่างจากเขาผู้ซึ่งเป็นลูกชายที่ต้องนิ่งอึ้งไปนานพอสมควร ก่อนจะพยายามรีบตั้งสติ และปลอบโยนผู้เป็นแม่ที่กำลังร้องไห้ฟูมฟาย
อาชา : (ไอ้ผู้ชายคนนั้น มันคือพี่ชายของเพื่อนสนิทยัยกวางใช่ไหมครับคุณแม่)
น้ำเสียงเข้มปนขุ่นเคืองได้พ่นคำถามออกมาจากริมฝีปากหนาอีกครั้ง ประกอบกับแววตาดุดันแข็งกร้าว ที่แสดงออกมาผ่านทางใบหน้าคมคาย
คุณแม่ : (ใช่ลูก ต่อศักดิ์เป็นพี่ชายของหนูต่าย ฮึก อาชารีบกลับมานะลูก แม่… แม่ใจจะขาดอยู่รอมร่อแล้ว…ฮือ…)
อาชา : (ผมจะรีบกลับครับ คุณแม่ใจเย็น ๆ นะครับ ถ้าตอนนี้คุณแม่เป็นอะไรไปอีกคน ผมคงรับมันไม่ไหวแน่ ๆ ผมเป็นห่วงคุณแม่มากนะครับ)
คุณแม่ : (จ้ะลูก)
หลังจากวางสายชายหนุ่มจึงรีบลุกขึ้นมาจัดการตัวเองทันทีอย่างรีบร้อน ในขณะคู่ขาสาวสวยที่ผ่านศึกหนักบนเตียงมาด้วยกันยังคงนอนสลบไสลไม่รู้สึกตัว เนื่องจากสูญเสียพลังงานในช่วงก่อนหน้านี้ไปเยอะพอสมควร
ในใจของชายหนุ่มตอนนี้กลับนึกทบทวนไปถึงเรื่องราวของน้องสาวเพียงคนเดียว ที่มักจะพูดคุยกับเขาเสมอ โดยเฉพาะเรื่องราวของต่อศักดิ์ ที่เธอคุยนักคุยหนาว่าไอ้ผู้ชายคนนั้นมันดีแสนดี อีกทั้งเพื่อนสาวคนสนิทที่น้องสาวของเขาอยากจะให้เขาได้สนิทสนมกับเพื่อนรักของเธอ และอยากจะให้เพื่อนของเธอได้ทำความรู้จักกับเขา แต่ตลอดเวลาที่ผ่านมาเขาไม่เคยเลยสักครั้งที่จะไปเจอ หรือแม้แต่ทำไปความรู้จัก จะเห็นเพียงแค่รูปถ่ายที่น้องสาวถ่ายคู่กันกับเพื่อน แล้วลงอัพลงโซเชียลเพียงแค่นั้น
“คุณอาชา นั่นคุณจะเก็บเสื้อผ้าไปไหนคะ”
“เราจะกลับเมืองไทยกัน”
“อะไรกันคะ ไหนบอกว่าจะพาพลอยเที่ยวให้ทั่วสวิตไง นี่เรามาได้เพียงสองวันคุณก็จะพาพลอยกลับ มันหมายความว่ายังไงคะ” เสียงบ่นเล็กแหลมจนแสบแก้วหู ถูกพ่นออกมาจากริมฝีปากบางของหญิงสาวคู่ขาคนใหม่
อาชา หรืออาชาไนย วัชรโชติ ชายหนุ่มรูปหล่อผู้แสนจะอบอุ่นและใจเย็น อีกทั้งยังพ่วงมาด้วยตำแหน่งเจ้าของโรงแรมหรูระดับห้าดาว และยังมีรีสอร์ตอีกหลายแห่งตามต่างจังหวัดที่เขาเป็นเจ้าของ อดีตเขาเคยเป็นถึงอาจารย์สอนสาขาบริหาร การจัดการโรงแรมของมหาวิทยาลัยเอกชนชื่อดัง แต่ตอนนี้ผันตัวมาเป็นผู้บริหารโรงแรมดังอย่างเต็มตัวหลังจากผู้เป็นพ่อเสียชีวิต นอกเหนือจากธุรกิจสีขาวที่เขาต้องดูแลแล้ว ยังมีธุรกิจสีเทาที่เขากับบรรดาเพื่อนสนิทได้เป็นหุ้นส่วนร่วมกันอีกด้วย นั่นก็คือค้าอาวุธสงคราม ด้วยความที่เป็นผู้บริหารหนุ่มไฟแรง อีกทั้งยังเพียบพร้อมไปด้วยฐานะหน้าตาทางสังคม เขาก็ย่อมที่จะเนื้อหอม และเป็นธรรมดาที่จะมีหญิงสาวมากหน้าหลายตา ที่พร้อมจะพลีกายถวายตัวให้กับเขา และหนึ่งในนั้นก็คือคู่ขาคนใหม่ที่มีนามว่าพลอยใส ซึ่งชายหนุ่มพามาท่องเที่ยวไกลถึงประเทศสวิตเซอร์แลนด์
“น้องสาวผมประสบอุบัติเหตุเสียชีวิต แล้วคุณคิดว่าผมจะมีกะจิตกะใจเที่ยวต่ออยู่ไหมล่ะ!”
อาชาสบถออกมาอย่างหัวเสีย เมื่อหญิงสาวเริ่มที่จะพูดจาเอาแต่ใจจนน่ารำคาญ
“อะไรนะคะ”
“ถ้าหูตึงก็ควรไปพบแพทย์ให้เขาตรวจเช็คดูบ้างนะ หรือถ้าคุณยังอยากจะเที่ยวต่อก็ตามสบาย แต่ผมต้องกลับเมืองไทยเดี๋ยวนี้!!”
สิ้นประโยคชายหนุ่มก็รีบจัดเตรียมข้าวของของตัวเองเพื่อที่จะเดินทางกลับประเทศไทยทันที โดยที่ไม่สนใจหญิงสาวตรงหน้า ว่าเธอจะกระฟึดกระฟาดเพราะโดนขัดใจแค่ไหน เพราะผู้ชายอย่างอาชาไนยไม่เคยที่จะแคร์ผู้หญิงคนไหนเลยสักนิด ผู้หญิงพวกนี้เป็นได้มากสุดก็แค่คู่นอน ที่เอาไว้สนองความใคร่เพียงเท่านั้น
“ทำไมคุณพูดกับพลอยแบบนี้คะ” หญิงสาวพูดขึ้นอย่างกระเง้ากระงอด เพราะที่ผ่านมาไม่เคยเลยสักครั้งที่ผู้ชายที่ดูใจเย็น แถมยังเย็นชาอย่างอาชาไนยจะพูดจาไม่ดีกับเธอ แต่เวลาที่เขาไม่พอใจ ไม่รู้ว่าคำพูดร้ายกาจพวกนี้เขาไปสรรหามาจากไหน
@บ้านเดชากุล
“ทางแบงค์เขาว่ายังไงบ้างคะพี่ต่อ” กนกรดาถามคำถามออกไป พร้อมกับจ้องหน้ารอฟังคำตอบจากผู้เป็นพี่ชาย ซึ่งมีอายุห่างจากเธอถึงสิบปีอย่างใจจดใจจ่อ
กนกรดา เดชากุล หรือกระต่าย สาวน้อยวัยยี่สิบเอ็ดปี เธอเป็นคนเรียบร้อย พูดน้อย อ่อนหวาน สดใสร่าเริง และมองโลกในแง่ดี หลังจากพ่อและแม่ของเธอประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์จนเสียชีวิต เธอก็ต้องอยู่กับพี่ชายตามลำพังเพียงสองคน แต่ช่วงสองปีมานี้บริษัทของพ่อแม่ที่พี่ชายเธอดูแลอยู่เริ่มมีปัญหาด้านการเงินเข้ามา จนต่อศักดิ์ผู้เป็นพี่ชาย และเป็นที่พึ่งเพียงคนเดียวของเธอจำต้องไปกู้หนี้ยืมสินมามากมาย
“ไม่อนุมัติ” เสียงทุ้มต่ำตอบกลับมาพร้อมกับแววตาที่ดูเหนื่อยล้าเต็มที
“เครดิตเราไม่ดีพอเพราะทางเราขาดส่งดอกเบี้ยหนี้มาเกือบจะห้าเดือนแล้ว ตอนนี้พี่มึนไปหมดแล้วต่าย พี่เครียดจนเส้นเลือดในสมองพี่จะแตกออกมาอยู่แล้ว ตอนนี้พี่ก็ไม่รู้เลยว่าจะทำยังไงดีจึงจะสามารถฟื้นฟูบริษัทของพ่อแม่เราให้กลับคืนมาได้ นอกจากเราจะต้องยอมขายทอดตลาดกิจการทั้งหมดในราคาที่ถูก ๆ แต่ถึงกระนั้นต่อให้ขายได้พี่ก็ไม่รู้เลยว่ามันจะพอสำหรับใช้หนี้ทั้งหมดหรือเปล่า”
สีหน้าเคร่งเครียดของชายหนุ่มผู้เป็นพี่ชายแสดงออกมาผ่านทางใบหน้าคมสันอย่างเห็นได้ชัด
“พี่ต่อใจเย็น ๆ ก่อนนะคะ” น้ำเสียงอ่อนหวานพูดขึ้นเพื่อปลอบพี่ชาย หลังจากที่เธอนิ่งเงียบไปชั่วขณะ
“ภายในอาทิตย์นี้ถ้าพี่ไม่สามารถหาเงินไปคืนไอ้พวกเจ้าหนี้ที่พี่ไปกู้เงินพวกมันมา พี่คงต้องตายสถานเดียว ต่ายไปอยู่ที่อื่นกับพี่นะ พี่คงจะอยู่ที่นี่ไม่ได้แล้วเพราะมันอันตรายเกินไป”
“อย่าเพิ่งคิดในทางร้ายนักสิคะ บางทีเราอาจจะมีทางออกก็ได้ ถึงแม้ตอนนี้เราจะไม่สามารถทำให้ทุกอย่างมันกลับมามั่งคงเหมือนเดิมได้ในทันที แต่บางครั้งมันอาจจะมีอะไรดี ๆ ที่ทำให้เราได้หายใจหายคอคล่องขึ้นก็ได้นะคะ” ต่อศักดิ์ถอนหายใจออกมาพรืดยาว เมื่อจบประโยคของน้องสาวเพียงคนเดียวของเขาได้พูดจบ
“ต่ายคิดว่ามันยังจะมีอะไรดี ๆ ที่พอจะเป็นทางออกสำหรับเราอยู่อีกเหรอ?”
“ตราบใดที่ตอนนี้เรายังมีลมหายใจอยู่กับตัว เราก็อย่าเพิ่งท้อแท้ และสิ้นหวังสิคะ” น้ำเสียงอันแน่วแน่ประกอบกับแววตาที่มาดมั่นของน้องสาวตัวเล็กของเขา บ่งบอกได้เป็นอย่างดีว่ากระต่ายตัวน้อย ๆ ได้โตเป็นผู้ใหญ่แล้ว
“แต่พี่ต้องไป พี่ไม่อยากจะเอาชีวิตไปเสี่ยงกับไอ้พวกมาเฟียนั่น ต่ายอย่าห้ามพี่เลยนะ”
“อย่าไปเลยนะคะ” มือเรียวเล็กบอบบางเอื้อมไปจับแขนแข็งแกร่งของผู้เป็นพี่ชาย พร้อมกับเขย่าไปมาด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ และขอร้องอ้อนวอนอีกฝ่าย
“แต่พี่ต้องไป และพี่ก็อยากให้ต่ายไปกับพี่ด้วย”
“ไม่ค่ะ ต่ายจะไม่ไปไหนทั้งนั้น ต่ายจะอยู่ที่บ้านของเรา ทำไมเราต้องหนีด้วยคะ ในเมื่อพี่ต่อเป็นหนี้เขา เราก็ควรจะเจรจากับเขาดี ๆ เพื่อขอผ่อนปรนหนี้สินไปอีกซักหน่อยไม่ได้เหรอคะ ทำไมพี่ต่อต้องหนีด้วยคะ”
“ต่ายจะไปรู้อะไร เงินที่พี่ไปกู้มามันเป็นหนี้นอกระบบ พวกมันไม่ให้พี่ผ่อนปรนได้อีกแล้ว ถ้าไม่หนีตอนนี้พวกมันเอาพี่ตายสถานเดียว ต่ายอยากให้พี่โดนพวกมันฆ่าตายหรือไง!!”
น้ำเสียงเข้มพูดขึ้นด้วยความวิตกกังวล น้องสาวเขายังเด็ก และอ่อนต่อโลกจนเกินไป เธอมองโลกในแง่ดีมากซะจนมองข้ามภัยที่กำลังจะมาถึง ชายหนุ่มกระชากแขนให้หลุดพ้นจากมือเรียวบางของน้องสาวที่รัดกุม และรีบเดินปรี่ขึ้นไปยังชั้นบนเพื่อเก็บเสื้อผ้าของใช้ที่จำเป็นใส่กระเป๋าเดินทาง ก่อนจะพาร่างสูงโปร่งเดินลงมาข้างล่างด้วยความรีบร้อน
“ต่ายดูแลตัวเองด้วยนะ พี่ต้องหลบไปอยู่ที่อื่นสักพัก ถ้าพี่หาทางออกได้ พี่จะกลับมาหาต่าย และพี่สัญญาพี่จะกอบกู้บริษัทของพ่อกับแม่ให้กลับมาเป็นเหมือนเดิม”
พอจบประโยคชายหนุ่มร่างสูงโปร่งก็เดินลิ่วออกไปทันที เขาไม่แม้แต่จะหันกลับมามองน้องสาวเพียงคนเดียวของเขา ว่าเธอจะร้องไห้ฟูมฟายมากมายแค่ไหน ถึงแม้ว่าเธอจะเหนี่ยวรั้งยังไงก็ไม่อาจจะห้ามพี่ชายของเธอได้เลย
“ฮึก! แล้วต่ายจะอยู่ยังไงถ้าต่ายไม่มีพี่ ฮือ!!”
น้ำตาหยดแล้วหยดเล่าต่างไหลรินลงมาอาบสองแก้ม เพราะตอนนี้เธอรู้สึกว่ากำลังโดดเดี่ยว เท่าที่จำได้เธอร้องไห้ครั้งล่าสุดคือตอนที่เธอเสียพ่อกับแม่ไปอย่างกระทัน แต่มาคราวนี้เธอกลับต้องมาเสียพี่ชายเพียงคนเดียวไปอีกคน เพราะนอกจากพี่ชายเธอก็ไม่มีใครอีกแล้ว คำว่าจากลา ไม่ว่าจะจากเป็นหรือจากตาย ต่างก็ย่อมเจ็บปวดด้วยกันทั้งนั้น
ครืด ครืด ครืด !!
เสียงโทรศัพท์มือถือแผดเสียงดังขึ้น ก่อนมือเรียวบางจะรีบยกขึ้นมาปาดคราบน้ำตา ที่รินไหลลงมาอาบแก้มเนียนใสอย่างลวก ๆ ดวงตากลมโตจ้องมองชื่อที่โชว์อยู่บนหน้าจอสักพัก เมื่อรู้ว่าเป็นเพื่อนสนิทโทรเข้ามา กนกรดาจึงรีบกดรับสายทันที
กระต่าย : (ฮัลโหล ว่าไงแก)
ริสา : (ต่าย ฮือ..!!)
กระต่าย : (ริสา แกเป็นอะไร ร้องไห้ทำไม)
ริสา : (กวาง ฮึก ยัยกวางเสียแล้วต่าย กวางเสียแล้ว ฮือ!!)
กระต่าย : (อะไรนะ!!)
มือเรียวบางที่จับโทรศัพท์มือถือต่างก็สั่นเทา สิ่งที่ริสาเพื่อนสนิทในกลุ่มเดียวกันพูดกรอกผ่านสายโทรศัพท์ ทำให้กนกรดาชะงักนิ่งไปทันทีราวกับโดนสาปเมื่อได้ทราบข่าวร้าย มือเรียวบางกำโทรศัพท์เอาไว้แน่นจนสั่น ในชีวิตของเธอต้องมาเจอเรื่องแย่ ๆ อะไรพร้อมกันแบบนี้ด้วยนะ แล้วผู้หญิงตัวเล็ก ๆ เช่นเธอจะรับมันให้ไหวได้ยังไงกัน เมื่อต้องมาสูญเสียคนที่รักและสำคัญในชีวิตของเธอแบบนี้ไปอีกคน กนกรดารีบกดวางสายทันที ก่อนจะรีบกดโทรออกหาผู้เป็นพี่ชาย เพื่อที่จะแจ้งข่าวร้ายให้พี่ชายเพียงคนเดียวของเธอได้ทราบ แต่ทว่าเธอกลับไม่สามารถที่จะติดต่อพี่ชายของเธอได้เลย