ชดใช้ยังไง
ตอนที่ 4 จะชดใช้ยังไง
หลังจากงานศพของกันตาเสร็จสิ้นไปได้สองอาทิตย์ กนกรดาต่างก็ดำเนินชีวิตเป็นไปตามปกติอย่างเช่นทุกวัน ต่อศักดิ์พี่ชายเพียงคนเดียวของเธอได้ติดต่อมาหาเธอเพียงแค่หนึ่งครั้ง เพื่อส่งข่าวมาบอกน้องสาวว่าตอนนี้เขาได้ขายทอดตลาดกิจการทั้งหมดด้วยราคาที่ถูก ๆ ให้กับคุณอาดนัย ซึ่งเป็นเพื่อนสนิทของพ่อเธอ ตอนนี้บริษัทของพ่อแม่เธอที่สร้างขึ้นมาได้ตกไปเป็นของคนอื่นแล้ว แต่ถึงกระนั้นก็ยังไม่พอใช้หนี้ทั้งหมดเลยด้วยซ้ำ เพราะหนี้นอกระบบที่ต่อศักดิ์ไปกู้ยืมมาจากพวกมาเฟียนั้นมากกว่าห้าสิบล้านบาท จนถึงตอนนี้เขาเองก็ยังต้องหนีหัวซุกหัวซุน ทางด้านตัวของกนกรดาเองเธอก็ต้องดิ้นรนเพื่อหางานพิเศษทำ เพราะเธอไม่มีที่พึ่งอีกแล้ว พี่ชายเพียงคนเดียวที่เธอมีอยู่ก็ไม่สามารถที่จะอยู่กางปีกปกป้องน้องสาวเช่นเธอได้อีกต่อไป เงินที่ต่อศักดิ์โอนมาให้เธอจำนวนห้าแสนบาท เพื่อให้เธอเก็บไว้ใช้จ่าย เธอเองก็ไม่กล้าที่จะเอามันออกมาใช้เลยด้วยซ้ำ เพราะเธออยากจะเก็บเอาไว้เพื่อใช้ในคราวจำเป็น เธอเองจึงต้องหางานพิเศษทำช่วงหลังเลิกเรียน
สายฝนที่กระหน่ำโปรยปรายลงมาอย่างหนักเป็นเวลากว่าชั่วโมงแล้ว ทำให้ร่างเล็กบอบบางของกนกรดาในชุดนักศึกษาต่างเร่งฝีเท้าให้เร็วขึ้น มือเรียวบางต่างยกขึ้นมาป้องกันสายฝน ที่สาดเทกระหน่ำลงมาอย่างไม่ขาดสายใส่ใบหน้าเนียน ในขณะที่กำลังไขประตูรั้วบ้านอย่างเร่งรีบ ก่อนจะก้าวขาเรียวยาวเข้าประตูบ้านไป โดยไม่ลืมที่จะปิดประตูลงล็อกตามหลัง พร้อมกับสายฟ้าแลบแปลบ ๆ ที่มาพร้อมกับเสียงฟ้าที่ร้องกระหน่ำดังครืน ๆ
ลมหายใจอุ่น ๆ ถูกพ่นออกมาจากริมฝีปากอวบอิ่มที่ดูซีดเซียว ร่างบอบบางรีบถอดรองเท้าผ้าใบ และรีบเดินตรงดิ่งเข้าไปภายในบ้านเพื่อจะอาบน้ำชำระร่างกาย และเปลี่ยนเสื้อผ้าที่เปียกปอนให้ตัวเองสบายตัว
กนกรดาเดินไปพลางปลดกระดุมเสื้อนักศึกษาสีขาวสะอาดตาออกอย่างรีบร้อน ร่างเล็กบอบบางเดินก้าวผ่านห้องรับแขกเพื่อขึ้นไปยังห้องนอนส่วนตัว แต่เธอก็ต้องชะงักท้าวไปในทันทีที่ก้าวขาเข้ามาในห้องนอน ก่อนมือเรียวบางจะขยุ้มอกเสื้อที่เพิ่งจะถอดกระดุมออกให้แนบชิดกันทันที
หญิงสาวหัวใจหล่นไปอยู่ที่ตาตุ่ม เมื่อร่างสูงใหญ่ที่เธอคุ้นตากำลังก้าวเท้ายาว ๆ ตรงดิ่งเข้ามาหาเธอ ร่างบางยืนนิ่งราวกับโดนสาปอยู่แบบนั้น นัยน์ตาสีน้ำตาลอ่อนเบิกกว้างอย่างตะลึงงัน จ้องกับนัยน์ตาสีดำขลับของชายหนุ่มหน้าตาหล่อเหลาในชุดสูทสีดำสนิท เช่นเดียวกับสีของดวงตาคมกริบคู่นั้น ที่กำลังจดจ้องมองมาอย่างโกรธเคืองราวกับว่าเธอคือศัตรูคู่อาฆาตของเขา
“คะ คุณ อาชะ!!” เสียงของเธอหายวูบลงไปในลำคอ เมื่อฝ่ามือหนาแข็งแกร่งคว้าหมับเข้าที่ข้อมือเล็ก ๆ ก่อนจะออกแรงกระชากจนมือเธอหลุดออกจากอกเสื้อที่ขยุ้มไว้ เธอกำมืออีกข้างที่จับเสื้อนักศึกษาเอาไว้แน่น เวลานี้เธอหวาดกลัวผู้ชายตรงหน้า จนยากเกินกว่าที่จะบรรยายออกมาเป็นคำพูดได้
“ไอ้ต่อศักดิ์มันอยู่ไหน!!” อาชาไนยถามขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นยะเยือก ในขณะที่เธอเองนิ่งอึ้งไปด้วยอาการเหมือนคนที่สมองได้หยุดสั่งการไปชั่วขณะ
(พี่ต่อ… เขามาถามหาพี่ต่อทำไมกัน)
“คะ คุณมาถามหาพี่ต่อทำไมคะ ละ แล้วคุณ ขะ เข้ามาในบ้านของฉันได้ยังไงกัน” เสียงแหบพร่าเอ่ยถามขึ้นมาอย่างตะกุกตะกัก ก่อนจะพยายามสะบัดมือให้ออกจากการเกาะกุมแต่ก็หาได้มีผลไม่ เพราะมือของเขามันแน่นราวกับคีบเหล็ก
“ปล่อยนะคะ ไม่งั้นฉัน จะ แจ้งตำรวจ”
“หึ ตำรวจคนไหนล่ะ ไอ้ผู้กองปริญนั่นเหรอ เธอคิดว่าคนอย่างฉันจะกลัวมันหรือไง!!” น้ำเสียงเกรี้ยวกราดตวาดกลับมาจนกนกรดาถึงกลับสะดุ้งโหยงด้วยความตกใจ
“คุณต้องการอะไร!”
“ไอ้ต่อศักดิ์พี่เธอ มันมุดหัวอยู่ที่ไหน”
“คุณมาถามหาพี่ฉันทำไม พี่ชายฉันทำอะไรให้คนอย่างคุณโกรธนักหนา คุณถึงต้องบุกเข้ามาในบ้านของฉันในเวลากลางค่ำกลางคืนแบบนี้คะ”
“เธอคิดว่าตัวต้นเหตุอย่างมัน ที่ทำให้น้องสาวเพียงคนเดียวของฉันต้องมาตายอย่างอนาถ แล้วคนอย่างพวกเธอสองพี่น้องจะได้อยู่กันอย่างเป็นสุขงั้นเหรอห้ะ!! ในขณะที่ครอบครัวของฉันต้องมานั่งเป็นทุกข์ แต่พวกเธอกลับไม่รู้ร้อนรู้หนาว ทั้ง ๆ ที่สาเหตุมันเกิดจากไอ้พี่ชายระยำของเธอ ถ้าคนอย่างฉันไม่ได้ฆ่ามัน หรือลากคอมันมาขอขมาต่อหน้าอัฐิยัยกวาง อย่ามาเรียกฉันว่าอาชา!!”
น้ำเสียงเข้มดุดันสบถขึ้นมาอีกครั้ง สีหน้าและแววตาของเขาตอนนี้มันช่างน่ากลัวจนเธอเริ่มรู้สึก ร้อน ๆ หนาวๆ ขึ้นมา เธอเองกลับพูดไม่ออกแม้แต่ประโยคเดียว เพราะมันจริงอย่างที่เขาว่า ถ้ากันตาไม่ขับรถออกมาหาพี่ชายของเธอในคืนนั้น กันตาเองคงไม่ต้องมาตายอย่างน่าอานาถเช่นนี้
“ฉันเองก็เสียใจ ที่เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น แต่ไม่มีใครอยากจะให้มันเกิดเลยนะคะ ถ้าพี่ชายฉันเป็นต้นเหตุ ฉันขอโทษจริง ๆ ฉันขอโทษแทนพี่ต่อ ฉันเองก็เสียใจมากเหมือนกัน ที่ต้องสูญเสียเพื่อนดี ๆ อย่างกวางไป”
อาชาไนยแค่นยิ้มดุดันให้กับคำพูดที่แสนจะใสซื่อ เพื่อให้คำพูดของตัวเองดูดีซะเหลือเกินของเด็กสาวตรงหน้า
“ขอโทษแล้วน้องสาวของฉันฟื้นคืนชีพขึ้นมาได้ไหมล่ะ!!”
“ถะ ถ้าพวกเราผิดนักหนา ละ แล้วคุณจะให้พวกเราชดใช้ให้ยังไง คุณถึงจะยกโทษให้”
อาชาแสยะยิ้มมุมปากอย่างเจ้าเล่ห์ เขากวาดสายตาคมกริบไปทั่วร่างบอบบางของวัยสาวอย่างแม่กระต่ายน้อยคนนี้ และพินิจพิจารณาตั้งแต่หัวจรดเท้า เสื้อนักศึกษาสีขาวสะอาดตาที่เปียกปอนซึ่งตอนนี้แนบไปกับทรวงอก ภายใต้ซับในสีดำที่เปียกน้ำ จนแทบจะไม่ปกปิดความงามของหน้าอกอวบใหญ่ที่บดเบียดชิดกันอยู่ในบราเซียตัวจิ๋วได้ ก่อนเขาจะลากสายตาคมกริบมองลงมาถึงกระโปรงทรงเอรัดรูปสีดำ ที่เผยให้เห็นส่วนเว้าส่วนโค้งของเธอได้เป็นอย่างดี กนกรดาดึงขาขาว ๆ หลบจากสายตาของเขาที่จ้องมองอยู่ พร้อมกับยกมือเรียวที่ถูกพันธนาการไว้ขึ้นปิดอกด้วยใบหน้าที่ร้อนผ่าวลามไปถึงใบหู เมื่อถูกอีกฝ่ายจ้องมองด้วยสายตาแทะโลมแบบนี้
“ชดใช้ยังไงดีล่ะ ด้วยตัวของเธอดีไหม!!”
“คุณพูดอะไรของคุณ” น้ำเสียงสั่นคลอนถูกพ่นออกมาจากริมฝีปากอวบอิ่มได้อย่างยากลำบากยิ่งนัก เธอกำลังกลัว และลนลานจนอาชาสัมผัสได้
“หึ”
อาชาแค่นหัวเราะออกมาเบา ๆ ในลำคอ เธอคงจะคิดว่าคนอย่างเขาจะเชื่อผู้หญิงอย่างเธอสินะ ว่าเธอบริสุทธิ์อย่างที่เธอพยายามแสดงออกมา ในเมื่อพี่ชายของเธอมันชั่วช้า ไม่มีทางที่คนอย่างเธอมันจะใสสะอาดเหมือนเพชรที่เจียระไนได้หรอก เมื่อคิดได้เช่นนั้น มือหนาของชายหนุ่มก็กระชากร่างบอบบางเข้าหาตัวจนปะทะกับอกแกร่งของเขา คนที่ร่างเล็กกว่าต่างตกใจและสะดุ้งตกใจกลัว น้ำใส ๆ ที่กลอกกลิ้งไปมาต่างรินไหลลงมาอาบแก้ม
“ปะ ปล่อยนะ!” น้ำเสียงแหบพร่านั้นหายเข้าไปในลำคอปนกับเสียงสะอื้นไห้
“อย่าทำอะไรฉันเลยนะคะ ปล่อยฉันไปเถอะ”
“ปล่อย..? ปล่อยให้โง่สิ!!”
อาชาสบถออกมาเบา ๆ ทำให้เธอถึงกับขวัญกระเจิง มือน้อย ๆ ผลักอกแกร่งของชายหนุ่มเต็มแรง จนทำให้ร่างหนาของคนตัวโตเซถลาไปนิด ร่างบอบบางพยายามถัดกายไปประชิดกำแพงด้วยความหวาดกลัว ก่อนร่างสูงโปร่งกำยำจะก้าวยาว ๆ พรวดเดียวก็ถึงตัวเธอ มือหนากระชากร่างของเธอเข้าหาตัวอีกครั้ง ชายหนุ่มอุ้มร่างที่เบาเหมือนปุยนุ่นขึ้นพาดบ่า ก่อนจะโยนร่างของกนกรดาลงไปกระแทกกับเตียงนอน
ตุ๊บ!!!
“โอ้ย!!”
กนกรดากรีดร้องออกมาด้วยความจุก เนื่องจากแรงเหวี่ยงของเขาเมื่อสักครู่ ก่อนจะยกมือขึ้นผลักเขาให้ออกห่างด้วยตัวสั่นงันงก เมื่อร่างหนากำยำขึ้นมาคร่อมร่างของเธอ ร่างบางผลักไสเขาออกเป็นพัลวัน ก่อนจะได้จังหวะยกขาขึ้นถีบร่างหนาของอาชาเต็มแรงจนเขาหงายหลัง กนกรดาตะเกียกตะกายเพื่อจะหลบหนีแต่ก็ยังช้ากว่าอีกคน มือหนาจับข้อเท้านวลขาวกระชากลงมาทีเดียวเข้าหาตัว จนเธอเสียหลักไถลกายลงมาตามแรงฉุด เพียงไม่นานร่างเล็กบอบบางก็ถูกตรึงกายไว้บนที่นอนอย่างแน่นหนา อาชาไนยไม่แม้แต่จะสนใจเสียงร้องห้ามปรามที่ปนกับเสียงสะอื้นไห้ของคนใต้ร่าง มือหนาจับข้อมือเล็ก ๆ ของเธอทั้งสองข้างตรึงไว้เหนือศรีษะ ก่อนจะเลื่อนลูบสะเปะสะปะไปตามเนื้อตัวเนียนนุ่ม ราวกับจงใจจะให้เธอนั้นหวาดกลัว
“เธอจะชดใช้ยังไง หืม” น้ำเสียงทุ้มต่ำพ่นออกมาจากริมฝีปากหนา ในขณะที่ผิวกายอ่อนนุ่มหอมกรุ่นนั้นจะติดตรึงอยู่บนฝ่ามือ และปลายจมูกขณะโน้มใบหน้าคมคายเข้าใกล้นวลเนื้อสาว จนกระทั่งไอร้อนหลั่งไหลไปกระจุกตัวอยู่กลางกายตามสัญชาตญาณ แต่อาชาไนยกลับต้องรีบสลัดมันออก ตอนนี้มันยังไม่ใช่เวลาที่เขาจะมานึกพิศวาสหลงใหลในตัวของเธอ มันก็เป็นเพียงแค่อาการทางร่างกายที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติก็แค่นั้น
“ปล่อยนะคะ ฉัน ไม่ได้ทำอะไรผิด ทำไมคุณต้องมาทำร้ายฉันด้วย!”
“เธอผิด!! ผิดที่เธอเป็นน้องของไอ้ต่อไง ในเมื่อมันหนีหน้า และไม่กลับมายอมรับในความผิดของตัวเอง แม้กระทั่งงานศพยัยกวางมันก็ไม่เสนอหน้ามาให้เห็น เพราะฉะงั้น..คนที่จะชดใช้ความผิดนี้ก็คือเธอ!!”
ร่างบอบบางที่อยู่ใต้ร่างของคนที่ตัวโตกว่าและสูงกว่า กนกรดาเองเธอแทบจะขยับตัวไม่ได้ สายตาคมกริบที่มีแต่ความโกรธได้แสดงออกมาผ่านแววตา เขาจ้องเข้าไปในดวงตากลมโตที่มีแต่แววหวาดกลัวจนแทบจะสิ้นสติ ก่อนเขาจะเลื่อนระดับสายตาลงไปถึงเนินเนื้ออวบอิ่มนุ่มนิ่ม ที่กำลังกระเพื่อมขึ้นลงตามแรงหายใจ และบดเบียดอยู่ภายใต้บราเซียตัวจิ๋วสีดำที่ตัดกับสีผิวขาวเนียนของเธอ
“ถ้าเธอบอกว่าไอ้ต่อศักดิ์มันมุดหัวอยู่ที่ไหน ไม่แน่..ฉันอาจจะใจดีปล่อยเธอไปก็ได้!”
“ฉันไม่รู้จริง ๆ ค่ะ ว่าพี่ต่ออยู่ที่ไหน…แต่ถึงฉันรู้ฉันก็ไม่บอกเพื่อให้คุณไปฆ่าพี่ชายฉันหรอก!” น้ำเสียงสั่นคลอนพูดขึ้นมาอย่างกล้า ๆ กลัว ๆ
“หึ ดี! ฉันก็ชอบที่จะได้ฟังประโยคระคายหูแบบนี้แหละ ในเมื่อเธอไม่อยากให้ไอ้พี่ชายชั่วของเธอรับกรรม เพราะฉะนั้นคนที่จะต้องรับกรรมแทนพี่ชายก็คือเธอ หวังว่าเธอพอจะเดาออก ว่าตัวเธอเองจะต้องชดใช้และต้องเจอกับอะไรบ้าง!!”
