บท
ตั้งค่า

Chapter 13 หน้าเลือดไม่มีใครเกิน

มายาวีย์คำนวณนับตัวเลขในใจ หากคูณจำนวนเงินเดือนที่เธอได้รับก็มากมาย เธอไม่มีทางหาเงินจำนวนนั้นมาจ่ายให้เขาแน่

“นี่เป็นสัญญาทาสชัดๆ ฉันไม่ยอมให้บริษัทของคุณเอาเปรียบแน่ ฉันจะฟ้อง”

“ฟ้องที่ไหนไม่ทราบ ที่นี่เกาะกงนะไม่ใช่เมืองไทย คิดว่าผู้หญิงตัวเล็กๆ อย่างเธอ จะงัดข้อกับเจ้าของบริษัทใหญ่อย่างฉันได้เหรอ” เขาถามเสียงต่ำเป็นการบีบบังคับเธอ

‘ก็จริง เธอมีอะไรไปสู้กับเขาได้ล่ะ คนที่ทำธุรกิจสีเทาแบบนี้ก็ต้องเขี้ยวลากดินเป็นปกติอยู่แล้ว เขาคงไม่มีทางเสียเปรียบเด็ดขาด’ หญิงสาวคิดอย่างหมดหัวใจ

“ถ้าคิดดีแล้วว่าจะยกเลิกสัญญาแน่ หาเงินมาจ่ายแล้วก็ว่ายน้ำกลับไปเองก็แล้วกัน” ชายหนุ่มล้วงมือเข้ากระเป๋ากางเกงในท่าสบายๆ ยักไหล่อย่างไม่แยแส

“ถ้าไม่ทำตามข้อตกลงที่ฉันบอก ก็พาวิญญาณออกไปได้เลย ส่วนร่างของเธอฉันจะโยนให้ปลากินแถวนี้ รับรองว่าไม่มีใครตามกลิ่นเจอ เธอจะหายสาบสูญจากโลกนี้ไปอย่างถาวร” เขาขู่ก่อนจะหมุนตัวกลับเดินเข้าไปข้างใน

“นี่คุณ!” มายาวีย์ร้องตาม

“จะเอายังไง! ฉันเสียเวลากับเธอมามากพอแล้วนะ” ชายหนุ่มถามด้วยน้ำเสียงกระด้าง

“ฉันขอเวลาติดต่อกลับไปที่บริษัทอีกครั้งได้ไหม อาจจะมีการเข้าใจอะไรที่ผิดพลาด ฉันยืนยันว่าไม่ได้มาทำงานในตำแหน่งที่คุณว่าแน่นอน”

“ฉันไม่รู้ว่าเธอได้ข้อมูลอะไรมาบ้าง แต่สำหรับฉัน ฉันไม่ต้องการผู้ช่วย ฉันต้องการแค่เซ็กซ์ ไม่มีการผูกมัด หลังจบ Holiday จ่ายเงินแล้วก็จบกัน ถ้าจะทำงานก็ตามมา” ลีอาห์บอกยาวแล้วหันหลังเดินออกไปทันที ทิ้งให้อีกคนยืนอึ้งอยู่อย่างนั้น ความมั่นใจที่เคยมีลดลงไปกว่าครึ่ง เขาไม่แยแสต่อความสวยของผู้หญิงอย่างเธอเลยสักนิด

“ฉันไม่ใช่ผู้หญิงขายตัว”

“ฉันก็ไม่ได้บอกว่าเธอเป็นผู้หญิงขายตัว ฉันแค่ต้องการ Holiday Girlfriend อยู่ด้วยกันเหมือนแฟนทดสอบผลิตภัณฑ์ทุกแบบของบริษัท แต่ไม่ผูกมัดใดๆ”

ชายหนุ่มหันกับมามองหญิงสาวอีกครั้ง สายตาของเขาโลมเลียจาบจ้วงบนอกอิ่มของเธออย่างเปิดเผย พร้อมกับทิ้งรอยยิ้มเยาะที่มุมปาก

“ทำงานบนเตียง งานง่ายๆ ไม่เหนื่อยมากหรอก”

คนฟังกำหมัดแน่น ถึงเธอจะไม่เคยต้องมือชาย แต่ความรู้ทางทฤษฏีแน่นเปรี้ยะ ยิ่งแววตาหยามหยันนั่นยิ่งทำให้อารมณ์อยากเอาชนะพุ่งโชน แต่เมื่อจะตอบโต้เขาก็เดินออกไปไกลเกินกว่าที่จะพูดด้วย ได้แต่เก็บงำความโกรธไว้ในใจ

“ไม่มีทาง...ฉันไม่ขายศักดิ์ศรีกินแน่” มายาวีย์ลากกระเป๋าของตัวเอง จะเดินออกจากห้องไป ตอนนี้ไม่รู้จุดหมายหรอกนะ รู้เพียงแค่ว่าจะต้องเดินออกไปจากตรงนั้น

“ฉันบอกเธอแล้วนะ เธอจะออกจากเกาะนี้ได้แค่เพียงวิญญาณ ถ้าเธอไม่มีเงินมาคืนให้ฉัน” ชายหนุ่มบอกตามหลัง

“หน้าเลือด โหดร้าย ป่าเถื่อน แบบนี้เหรอที่สมควรจะเรียกตัวเองว่าคนมีอารยธรรม” หญิงสาวตะโกนใส่หน้าเขาด้วยความโกรธและอัดอั้น คงอย่างนี้สินะที่เขาเรียกว่าหนีเสือปะจระเข้

“แล้วแต่เธอจะคิดแล้วกัน แต่นักธุรกิจอย่างฉันจะไม่มีวันทำอะไร เมื่อรู้ว่าจะขาดทุนหรือไม่มีกำไร”

“ถึงแม้ว่าจะออกไปแค่วิญญาณ ฉันก็จะไป ไม่มีวันขายศักดิ์ศรีเด็ดขาด”

“อย่าเดินซมซานกลับมาล่ะ เพราะถ้าเธอกลับมาอีกรอบ ค่าของเธอจะลดลงทันที” เขาบอกตามหลัง ในขณะที่อีกคนลากกระเป๋าเดินเร็วโดยไม่หันกลับมามอง

ชายหนุ่มหัวเราะในลำคอมองตามหลัง เขาเริ่มรู้สึกชอบผู้หญิงคนนี้ขึ้นมาแล้วสิ ถือดี รักศักดิ์ศรี มั่นใจในตัวเองและไม่ยอมก้มหัวให้ใคร

ลีอาห์ยักไหล่เล็กน้อยก่อนจะเดินกลับไปที่ห้องของตัวเอง เพราะรู้ดีว่า...ไม่มีใครหน้าไหนกล้าให้ความช่วยเหลือกับเธอแน่ สุดท้ายผู้หญิงคนนั้นก็จะต้องกลับมาขอความช่วยเหลือจากเขาอยู่ดี เขาจะเฝ้ารอเธอกลับมาอย่างใจเย็น

มายาวีย์เดินออกมาขอความช่วยเหลือจากพนักงาน ขอกลับไปที่ฝั่งของประเทศไทย แต่ทุกคนก็ปฏิเสธเป็นประโยคเดียวกันทั้งหมด แม้ว่าเธอจะเสนอเงินให้มากแค่ไหนก็ตาม

“ให้มันได้อย่างนี้สิว่ะนังเปรี้ยว ชีวิตของแกมันช่างรันทด น่าเอาไปสร้างละครหลังข่าวจริงๆ”

มายาวีย์เริ่มลังเล เมื่อเห็นว่าท้องฟ้าเริ่มมืด มือเล็กถูลากถูกังหอบหิ้วกระเป๋าคู่ใจออกไปริมหาด จากตอนแรกที่เธอหิ้ว จนกระทั่งผ่านไปนานความเหนื่อยล้าก็เข้ามาเยือน

“ฉันจะไม่มีทางออกจริงๆ เลยใช่มั้ย”

มายาวีย์ย่อตัวลงนั่งบนขอบกำแพงปูน ทอดสายตามองท้องทะเลเวิ้งว้าง เปิดโทรศัพท์มือถือของตัวเองมองข้อความตอบรับของมิราเคิลคอมเพล็กซ์ สลับกับมองตึกที่อยู่เบื้องหน้า

เขาเป็นเจ้าของอสังหาริมทรัพย์และคอมเพล็กซ์ครบวงจรชื่อดังของสเปน จำได้ว่าตอนนั้นเธอดีใจแค่ไหนที่บริษัทยักษ์ใหญ่สนใจเด็กจบใหม่ที่ไม่มีประสบการณ์อย่างเธอ แถมยังจ่ายค่าจ้างสูงลิบที่เพียงพอจะทำให้ก้าวเดินออกจากบ้านที่เธอเรียกว่านรกบนดิน มาอยู่ลำพังโดยไม่เดือดร้อน แต่เหมือนว่าเธิกำลังหนีเสือปะจระเข้ หนีขุมนรกมาเจอขุมนรกที่ใหญ่กว่า เพราะงานที่ได้รับมาในตอนนี้มันไม่แตกต่างกับงานที่แม่ของเธอสั่งให้ไปทำเมื่อก่อนหน้าเลยแม้แต่น้อย

โชคชะตามันช่างเล่นตลก ไม่รู้ว่าต้องทำอย่างไรถึงจะหลีกหนีเรื่องทุเรศๆ นี้ได้พ้นสักที

ความมืดเริ่มปกคลุม หญิงสาวไม่รู้ตัวว่านั่งอยู่ตรงนี้นานแค่ไหนแล้ว จนกระทั่งน้ำเสียงทุ้มถามขึ้นมาจากทางด้านหลัง

“ไง...คิดตกหรือยัง จะว่ายน้ำกลับไป หรือจะไปทำงานง่ายๆ กับฉันบนเตียง ถ้าลีลาดีหน่อย บริการจนฉันติดใจก็สามารถตั้งตัวได้เลยนะ ฉันจ่ายไม่อั้น”

“หยาบคาย! ฉันจะไม่ยอมได้ชื่อว่าใช้เรือนร่างแลกเงินเด็ดขาด แล้วผู้ชายอย่างนายก็จะไม่ได้เห็นแม้แต่ขนขาฉัน”

“น่าสนุกแล้วสิ อยากรู้ว่าขนขาผู้หญิงอวดดีอย่างเธอจะเป็นทองหรือเปล่า หรือจะมีแค่ดอกอย่างเดียวที่เป็นทอง” ประโยคของเขาทำให้คนฟังโมโห ผู้ชายคนนี้คงจะรู้ภาษาไทยเป็นอย่างดี จนใช้สำบัดสำนวนแบบนี้ด่าผู้หญิงได้

“ไอ้บ้ากาม! ปากหมา กล้าดียังไงมาว่าฉันดอกทอง”

ชายหนุ่มยักไหล่ “ประโยคไหนไม่ทราบ”

“ก็ประโยคที่นายว่าเมื่อกี้”

“ฉันหมายถึงจี้ดอกไม้ที่อยู่บนสร้อยคอของเธอต่างหาก เธอกำลังหมายถึงอะไร” เขายียวนถามกลับ มายาวีย์ได้แต่จิ๊จ๊ะในลำคอ เถียงไม่ออก

“ต่อให้ฉันต้องตายที่นี่ ฉันก็ไม่มีวันยอมทำงานแบบนั้นเด็ดขาด”

“อย่ามาทำเป็นเล่นตัวหน่อยเลย ฉันรู้ประวัติของเธอดี มืออาชีพอย่างเธอ ก็แค่สะบัดสะบิ้งเพื่อโก่งค่าตัวเท่านั้นแหละ ข้างในคงกลวงเป็นโพรงแล้ว”

“นั่นปากเหรอ! ได้รับการอบรมมาแบบไหนถึงได้ดูถูกเพศแม่แบบนี้ ถ้าคุณไม่ให้เกียรติฉัน ก็ให้เกียรติเพศแม่ของคุณบ้าง”

“ผู้หญิงอย่างเธอไม่ควรได้รับเกียรติ แม้กระทั่งแม่ของเธอด้วย” ประโยคของเขาทำให้มายาวีย์ฉุกคิด ผู้ชายคนนี้เป็นใคร ทำไมทำท่าทางเหมือนจะรู้จักครอบครัวของเธอดีพอสมควร

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel