บท
ตั้งค่า

บทที่ 1 ตอนที่ 2

เสียงประตูปิดบอกให้รู้ว่าในห้องนี้ไม่มีใครหลงเหลืออยู่แล้ว ร่างน้อยในซอกตู้เก็บเครื่องมือทำความสะอาดซึ่งอยู่มุมสุดของระเบียงค่อยๆ พาตัวเองออกมาด้านนอกอย่างทุลักทุเล เธอต้องนั่งคุดคู้เบียดทั้งถังขยะและเครื่องไม้เครื่องมือทำความสะอาดหลายชิ้นอยู่ในช่องตู้แคบๆ จนเหน็บกินช่วงขา แทบขยับไม่ได้เลยด้วยซ้ำ

เมื่อสักครู่พอได้ยินว่าสองแม่ลูกจะเข้ามาในห้อง เธอก็รีบออกไปยืนหลบนอกระเบียงเพราะคิดว่าปลอดภัยที่สุดแล้ว ตอนหฤทชนันท์เปิดม่าน เธอก็หลบตรงเสาพอให้พ้นสายตา ไม่นึกว่าเจ้าของตัวจริงคนนั้นจะไม่ยอมรามือง่ายๆ ยังออกมาดูนอกระเบียงด้วย ตอนนั้นตัวเธอสั่นเทาด้วยความกลัว หันมองซ้ายขวาอย่างสิ้นหวัง ด้านล่างก็สูงลิบด้วยชั้นที่ยืนอยู่นี้คือชั้นสิบของตึกบริษัทที่เธอทำงานอยู่ น้ำตาแห่งความอับยศและขลาดกลัวไหลจนแทบเป็นสายเลือดเมื่อคิดว่ากรรมคงตามมาทันเธอแล้ว แต่สายตาที่พร่าไปด้วยหยาดน้ำก็เผอิญมองข้ามเสาด้านข้างไปเห็นช่องเก็บของเล็กๆ นี่เสียก่อน เธอรีบเดินเลียบพื้นระเบียงไปหลบซ่อนตัวในนั้นทันที สองมือกอดเข่าตัวสั่นงก ทั้งกลัว เสียใจ อนาถใจและเวทนาสภาพของตัวเองที่แทบไม่หลงเหลือศักดิ์ศรีความเป็นคนให้เห็น ถูกเปรียบเปรยเสมือนเป็นเดรัจฉานสัตว์เสียด้วยซ้ำ...ทำไมหนอ ชีวิตของเธอถึงอัปยศอดสูได้ถึงเพียงนี้

หญิงสาวพาร่างและใจที่บอบช้ำกลับไปยังที่ทำงานแผนกของตัวเองหลังจากสำรวจความเรียบร้อยเป็นอย่างดีแล้ว ตอนนี้เป็นเวลาใกล้เลิกงาน พนักงานทุกคนในแผนกบัญชีรู้ว่าเธอถูกประธานบริษัทเรียกพบเรื่องเรียบเรียงงบประมาณประจำปีผิดพลาด แต่...เบื้องลึก หลายคนก็จับตามองความสัมพันธ์ลับๆ ของเธอกับเหมราชด้วยความอยากรู้อยากเห็น แม้จะไม่เคยทำอะไรให้ใครจับได้ไล่ทัน แต่ด้วยเหมราชนั้นขึ้นชื่อลือชาเรื่องความเจ้าชู้มักมาก การที่เธอเป็นพนักงานใหม่แต่กลับถูกเรียกใช้งานบ่อยๆ มันก็เป็นที่น่าสงสัย และต่างก็ฟันธงกันไปแล้วว่าเธอก็เหมือนผู้หญิงง่ายๆ ทั่วไปเหมือนหลายๆ คนที่ผ่านมาของเขา

ซึ่ง...มันก็ไม่ได้แตกต่างอะไรกันเลยจริงๆ

เสียงจากข้อความโทรศัพท์ทำให้หญิงสาวที่กำลังหย่อนตัวนั่งบนเก้าอี้ประจำตำแหน่งต้องรีบหยิบมันขึ้นมาจากกระเป๋าแล้วเปิดดู เป็นอย่างที่คาดเอาไว้ ข้อความนี้มาจากคนที่ทำให้เธอต้องอยู่ในสถานการณ์เลวร้ายที่สุดในชีวิต

‘หกโมงเย็นต้องถึงคอนโดฯ นะ ห้ามไปไหนเด็ดขาด ถึงแล้วโทร.กลับมาบอกด้วย...’ ข้อความสั้นๆ ที่ทำให้เธอต้องกลืนน้ำตาอีกครั้ง เขาไม่เคยปล่อยให้เธอเป็นอิสระ ทุกย่างก้าวต้องอยู่ในสายตาตลอด ต้องทำตามที่เขาสั่ง เดินในเส้นทางที่เขาขีดให้ ชีวิตไม่ได้ต่างอะไรกับอยู่ในการจองจำที่ไม่มีวันหลุดพ้น ตราบใดที่เขายังไม่เบื่อหน่ายปล่อยเธอให้ไปเสียเอง

“เจ้าขา...คุณเหมราชว่าไงบ้าง เห็นไปตั้งนานสองนานแน่ะ” เสียงของเพื่อนร่วมงานทำให้โทรศัพท์ในมือถูกเก็บเข้ากระเป๋าดังเดิม หญิงสาวฝืนยิ้มให้ผู้ที่เข้ามาทักทาย

“ก็...โดนตำหนินิดหน่อย แล้วบอกให้ทำใหม่ค่ะ”

“หือ...ไปเป็นชั่วโมงแค่นี้เองเหรอ แล้ว...เอ่อ...เจอคุณหฤทชนันท์ไหม” พนักงานรุ่นพี่มองอย่างจับผิดพร้อมถามด้วยความอยากรู้อยากเห็น

“ไม่...ไม่เจอค่ะ ความจริงเจ้าขาออกมาจากห้องท่านประธานตั้งนานแล้ว แต่รู้สึกปวดหัวเลยแวะไปหายาทานที่ห้องพยาบาลเท่านั้นเองค่ะ”

“อ๋อ...เป็นอย่างนี้นี่เอง มิน่าตาแดงๆ หน้าซีดๆ งั้นพี่ขอตัวก่อนแล้วกันนะ เลิกงานพอดี นัดกับเพื่อนๆ จะไปหาอะไรทานกัน เจ้าขาไปด้วยกันไหม”

“ขอบคุณค่ะพี่มล เจ้าขารู้สึกไม่ค่อยสบายจริงๆ อยากกลับไปพักค่ะ” หญิงสาวตอบเลี่ยง เธอรู้ว่าทุกคนในที่นี้อยากรู้อยากเห็นแค่ไหนที่เธอถูกเรียกเข้าพบด้วยเหตุผลเล็กๆ น้อยๆ ซึ่งความจริง หัวหน้าแผนกก็จัดการเองได้ และโดยปกติ จันทิมันต์แทบไม่เคยทำงานบกพร่อง แต่มาช่วงหลังๆ นี้ เธอมักจะทำอะไรผิดพลาดและถูกเรียกไปตำหนิอยู่เสมอ หรือกระทั่งเรียกหาแบบไม่มีเหตุผล เธอรู้สึกอึดอัดกับชีวิตแบบนี้ไม่น้อย เพราะไม่ว่าเดินไปทางไหน หันไปทางไหนก็มักพบเจอกับสายตาดูแคลน เสียงซุบซิบนินทาให้ได้ยินอยู่เสมอ แต่จะให้ทำเช่นไร...ในเมื่อเธอไม่อาจลิขิตชีวิตตัวเองได้อีกแล้ว

“เออ นั่นสิ...ยังไงก็ขอให้หายเร็วๆ นะ เพิ่งเข้ามาทำงาน หยุดบ่อยๆ มันไม่ดี”

บอกเหมือนหวังดีแต่ที่จริงหมั่นไส้เสียเต็มประดา อิงอรหรือพี่มลตามที่จันทิมันต์เรียกขานหันหลังกลับแล้วแบะปาก จิกหางตาใส่คนที่เพิ่งคุยด้วยเมื่อสักครู่ หญิงสาวหลายคนในแผนกต่างก็ไม่ได้ชอบขี้หน้าจันทิมันต์เป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ด้วยรูปร่างหน้าตาที่โดดเด่น ความสามารถเกินตัวเป็นที่ถูกใจของหัวหน้าแผนก เธอมักได้รับคำชมบ่อยๆ ถึงความขยันและรับผิดชอบงานที่ได้รับมอบหมายตั้งแต่แรกเริ่มเข้ามาทำงานใหม่ๆ

และอีกประการหนึ่งที่สำคัญมากคือ จันทิมันต์เคยทำให้พนักงานในแผนกสองคนซึ่งเป็นคู่รักแตกหักกันตั้งแต่เดือนแรกที่เข้ามาทำงาน ถึงขั้นทั้งคู่ทะเลาะกันและฝ่ายหญิงประสบเหตุตกตึกของโรงแรมแห่งหนึ่งจนเสียชีวิต และเธอ...อยู่ในเหตุการณ์กับผู้ตายด้วย จึงตกเป็นผู้ต้องสงสัยอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยง มีคดีความกันจนถึงบัดนี้ก็ยังไม่สิ้นสุด

แม้หลังจากนั้นทุกอย่างจะเคลียร์ว่าเธอกับแฟนหนุ่มของผู้ตายไม่ได้คิดอะไรเกินเลยอย่างที่เข้าใจผิดกัน แต่เพื่อนสนิทหลายคนของผู้ตายก็ยังชังว่าเธอคือต้นเหตุของเรื่องราวทั้งหมด ซ้ำร้าย...ภายหลังเกิดเรื่องเพียงไม่นานก็มีเรื่องประธานหนุ่มเนื้อหอมเข้ามาพัวพันอีก ในสายตาใครๆ เธอก็เปรียบเหมือนผู้หญิงงามเมืองคนหนึ่งที่มีแต่เรื่องคาวๆ น่าบัดสีจนแทบไม่มีใครอยากคบหาด้วย...

ร่างบางที่บอบช้ำทิ้งตัวลงบนที่นอน น้ำตาไหลรินอาบแก้มเจิ่งนองเปียกไปถึงหมอน เสียงกระซิกเบาๆ ที่ได้ยินเพียงตัวเองบอกให้รู้ว่าขณะนี้หัวใจมันบอบช้ำแค่ไหน เธอเพิ่งกลับมาถึงคอนโดฯ ที่เหมราชแอบซื้อไว้ให้ตั้งแต่ตกลงเป็นนางบำเรอของเขาด้วยข้อแลกเปลี่ยนช่วยให้เธอพ้นจากข้อกล่าวหาเลวร้ายไปได้

และเธอต้องยอม...เพื่อรักษาความรู้สึกของบุพการีผู้ที่เลี้ยงดู หญิงสาวอยากหนีไปให้สุดขั้วโลกจากสิ่งที่ต้องทนรับอย่างไม่มีทางต่อกร ติดก็แต่เธอมียายกับตาที่ยังห่วงอยู่ หากวันหนึ่งเธอหนีไปแล้วความลับนั้นถูกท่านทั้งสองล่วงรู้ ท่านคงจะเสียใจและผิดหวังในตัวเธออย่างที่สุดแน่นอน

นึกย้อนกลับไปเมื่อห้าเดือนก่อน เธอเป็นแค่ ‘นางสาวจันทิมันต์ เกียรติไพโรจน์’ หญิงสาวแสนธรรมดาคนหนึ่งที่กำพร้าทั้งมารดาตั้งแต่แบเบาะ ส่วนบิดานั้นก็จากไปมีครอบครัวใหม่ไม่เคยหันมาไยดี

สองตายายจึงทำหน้าที่เป็นทั้งพ่อและแม่ดูแลให้ความรัก ความเอาใจใส่มาตลอด ท่านทั้งสองมีสวนส้มโอเล็กๆ ไม่กี่สิบไร่ รายได้จากการขายผลส้มโอจึงเป็นรายได้หลักของครอบครัว แม้ฐานะจะไม่ร่ำรวยแต่ก็ไม่ลำบาก เธอเป็นหลานคนเดียวที่ยายกับตาคอยประคบประหงม รักดั่งแก้วตาดวงใจและหวังฝากผีฝากไข้ยามแก่ชรา ซึ่งที่ผ่านมา หญิงสาวไม่เคยทำให้ทั้งสองผิดหวัง เธอเรียนหนังสือจนจบปริญญาตรีในสาขาการบัญชีด้วยเกรดเฉลี่ยสูงพอสมควร เธอไม่ใช่คนหัวดีแต่อาศัยความขยันเข้าช่วยจึงเป็นที่รักของทั้งอาจารย์และเพื่อน

จันทิมันต์เชื่อฟังคำสั่งสอนของบุพการีเสมอ ไม่เคยเหลวไหล ระหว่างที่ยังเรียนหนังสือ เธอช่วยงานทางบ้านมาตลอด เช้าไปเรียน เย็นก็จะรีบกลับมาเพื่อช่วยดูกิจการ เธอตั้งความหวังไว้ว่าอยากทำงานในบริษัทดีๆ มีเงินเดือนเยอะๆ นำมาเลี้ยงตากับยายเพราะท่านก็แก่เฒ่าขึ้นทุกวัน จะทำงานตรากตรำเหมือนเมื่อครั้งยังหนุ่มสาวก็ไม่ไหวแล้ว

ความฝันของเธอเป็นจริง นักศึกษาจบใหม่อย่างเธอได้งานที่บริษัทยูโรเปียน ดีเวลลอปเมนต์ จำกัด (มหาชน) บริษัทอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ของประเทศที่เธอและเพื่อนๆ ไปยื่นใบสมัครกันไว้ และเป็นโชคดีหรือโชคร้ายก็หารู้ได้ล่วงหน้าไม่ เมื่อเธอคือหนึ่งเดียวที่ได้รับเข้าทำงาน ณ บริษัทแห่งนั้น ด้วยความที่เป็นน้องใหม่อายุน้อยที่สุดในแผนก อีกทั้งรูปร่างหน้าตาผิวพรรณก็เป็นจุดเด่นกว่าใครๆ ทำให้หนุ่มๆ ในบริษัทต่างพากันแจกขนมจีบไม่ว่างเว้น แต่จันทิมันต์ก็หาได้สนใจใครไม่ แถมไม่เคยมีท่าทีให้ความหวังใดๆ ทั้งสิ้นกับหนุ่มๆ เหล่านั้น เธอตั้งใจทำแต่งาน พอเลิกงานก็กลับบ้าน ปฏิบัติตัวดังเช่นเมื่อสมัยที่ยังเป็นนักศึกษาอยู่ เพราะไม่อยากให้ตาและยายเป็นห่วงนั่นเอง

แต่พอเกิดเรื่อง...กลายเป็นว่าต้องโกหกท่านทั้งสองว่าทางบริษัทให้สวัสดิการที่พักฟรีเพื่ออำนวยความสะดวกให้พนักงานที่ต้องเดินทางไกล เธอจึงย้ายมาอยู่คอนโดฯ นี้ตามบัญชาของผู้กุมชะตาชีวิต และกลับบ้านในเฉพาะในวันหยุด เก็บงำความระทมขมขื่นใจเอาไว้สุดก้นบึ้งเสมอ เพื่อปกปิดทุกอย่างไม่ให้ผู้มีพระคุณต้องเป็นทุกข์กับการกระทำของตัวเอง

หลายสิ่งหลายอย่างที่ถาโถมเข้ามาหนักหนาที่สุดในชีวิตเลยก็ว่าได้ หนทางข้างหน้าดูมืดมนสำหรับเธอ แต่จะให้เดินย้อนกลับไปก็เหมือนพาตัวเองไต่ลงเหวที่ลึกล้ำดำทมิฬยิ่งกว่า หากไม่มีตากับยายเป็นหลักให้ยึดเหนี่ยว จันทิมันต์เชื่อแน่ว่าเธอคงหาทางหลุดพ้นจากบ่วงกรรมนี้โดยการอำลาโลกไปเลยเสียดีกว่า การตายทั้งเป็น...ตายทั้งที่ยังมีความรู้สึก มีลมหายใจ มันปวดร้าวทรมานจนความเจ็บปวดที่เคยประสบผ่านมาเป็นเพียงเศษเสี้ยวของหนึ่งในร้อยเท่านั้น...

มือเล็กยกปาดเช็ดน้ำตาที่เลอะแก้มลวกๆ ก่อนจะควานคว้าเอาโทรศัพท์ในกระเป๋ามาโทร.หาผู้เป็นเจ้าชีวิต หากเขาไม่รับเป็นอันรู้กันว่าไม่ว่าง และอีกไม่นานจะโทร.กลับมาเอง ซึ่งไม่จำเป็นต้องอยากรู้อยากเห็นให้ช้ำใจว่าสาเหตุใดที่ไม่รับสาย และเธอไม่เคยตอแย ไม่เคยแสดงออกว่าอยากเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตเขา

เพราะรู้ซึ้งแก่ใจในฐานะของตัวเอง...เมียน้อย...

เสียงรอสายหยุดลงพร้อมๆ กับนิ้วสัมผัสยกเลิกการโทร.ออก จันทิมันต์ทิ้งมือข้างนั้นอย่างหมดเรี่ยวแรงจนโทรศัพท์เครื่องหรูหลุดร่วงไปบนที่นอนอย่างไม่คิดไยดี ของของเขาทุกอย่าง เธอถูกยัดเยียดให้รับเอามาด้วยความไม่สมยอมทั้งสิ้น แต่ก็ไม่อาจขัดขืน...ไม่อาจโต้แย้ง ทำไม่ได้แม้กระทั่งแสดงความไม่พอใจ เธอ...ไม่มีสิทธิ์อะไรในตัวเองอีกแล้ว ดวงตาแดงก่ำลืมกะพริบถี่ๆ ก่อนจะถอนหายใจเฮือกสุดท้าย ฮึดลุกพาร่างอ่อนแรงเข้าห้องน้ำเพื่อชำระบาปคราบไคลที่น่าสมเพชออกจากกาย ถึงจะรู้ว่าให้ล้างด้วยน้ำสักกี่ร้อยกี่พันลิตรมันก็ไม่อาจเจือจางมลทินที่ติดสนิทใจนี้ไปได้ แต่ด้วยความรังเกียจ เกลียด และโกรธตัวเอง เธอก็ไม่อาจทนให้ร่องรอยเหล่านั้นฝังคราบอยู่บนเรือนร่างโดยไม่ได้ทำความสะอาด

ตัณหา ราคะ...ที่น่าขยะแขยงบนเส้นทางสายบาปหนา เมื่อไหร่หนอมันจะสิ้นสุดเสียที

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel