บท
ตั้งค่า

ตอนที่ 2 แต่งงาน

“เต ๆ ช่วยด้วย ๆ เฮือก”ชายหนุ่มร่างกำยำผวาตื่นหลังจากที่ละเมอร้องโวยวายลั่นห้อง มือหนาลูบใบหน้าคมเข้มยังนั่งตกใจกับความฝันของตัวเอง เขาต้องจำอยู่กับฝันร้ายแบบนี้มาตั้งแต่ยังเด็กและไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานเท่าไหร่มันก็ไม่เคยจางหายไปเลยสักวัน

“ฝันร้ายอีกแล้วหรือคะ”สายใจแม่บ้านของเขาได้ยินเป็นประจำเอ่ยถามเมื่อเห็นเขาเดินออกมาจากห้องนอน

“ใช่”เตชินทิ้งตัวลงโซฟานุ่มพิงลำคอแล้วหลับตาลงอย่างเหนื่อยๆ

“เมื่อวานคุณหญิงมาที่นี่ ท่านบอกว่าโทรติดต่อคุณเตไม่ได้”

“อืม สงสัยโทรศัพท์แบตหมด”ชายหนุ่มถอนหายใจยาว สีหน้าเบื่อหน่ายเขารู้ว่าแม่โทรมาหาแต่ไม่อยากรับสาย

“คุณหญิงฝากบอกว่าคุณนนท์จะแต่งงานวันเสาร์นี้นะคะ”สายใจเอ่ยขึ้น

“ล้อกันเล่นใช่ไหม”ดวงตาคมเบิกโพลงแววตาสงสัย

“ไม่น่าจะล้อเล่นนะคะ คุณลองโทรไปถามคุณหญิงดูอีกทีสิคะ”สายใจไม่ค่อยแน่ใจพูดจบแล้วหันทำความสะอาดต่อ เตชินนั่งครุ่นคิดสักพักก่อนจะหยิบโทรศัพท์มามองอย่างลังเลก่อนจะตัดสินใจโทรไปหาแม่

“ว่ายังไงลูกบังเกิดเกล้า หายหน้าหายตาโทรศัพท์ก็ไม่รับนี่แกยังจำได้ไหมว่าฉันเป็นแม่”ปลายสายเป็นเสียงคุณหญิงเปรมจิตแม่ของชายหนุ่ม เธอบ่นทันทีที่ได้รับโทรศัพท์จากลูกชาย

“ก็โทรมาแล้วไงจะบ่นอะไรนักหนา”เตชินถอนหายใจชักสีหน้า

“ถ้าฉันไม่ไปที่คอนโดแกคงไม่โทรมาหาฉันสินะ”

“แม่ก็รู้ว่าทำไมผมถึงไม่โทรไป”เตชินน้ำเสียงเรียบนิ่ง คุณหญิงนิ่งเงียบไปเช่นกัน

“เสาร์นี้มางานแต่งงานน้องด้วย”

“แต่งกับใคร ทำไมปุ๊บปั๊บจะแต่งไปคบกับใครตอนไหน”ชายหนุ่มซักไซ้ด้วยความสงสัย

“เรื่องนั้นแกไม่จำเป็นต้องรู้ รู้แค่ว่าต้องมางานก็พอ แค่นี้นะแม่กำลังยุ่ง”คุณหญิงเปรมจิตตัดสายทิ้งทันทีไม่ให้เขาได้มีโอกาสถามต่อ ชายหนุ่มมองโทรศัพท์เซ็งๆ ยังคงสงสัยว่าน้องชายเขาจะแต่งงานได้ยังไง ในเมื่อต้องนอนป่วยรักษาโรคประจำตัวมาเกือบ 20 ปี ไม่น่าจะมีเวลาคบผู้หญิงจนถึงขั้นแต่งงานได้หรือว่าอาจจะเป็นพยาบาลที่คอยดูแลโตนนท์คิ้วเข้มขมวดเข้าหากันเมื่อนึกย้อนถึงวัยเด็กที่ทำให้เขาต้องกลายเป็นคนแข็งกระด้างและเฉยชา

อดีต วัยเด็กของเตชิน

“แม่ ดูสิวันนี้ผมประกวดวาดภาพได้ที่ 1 ด้วย”เด็กชายเตชินยิ้มกว้างวิ่งมาหาแม่ด้วยความภูมิใจ

“เก่งมากจ้ะ ไว้เดี๋ยวแม่ดูนะ”เปรมจิตเอ่ยชมทั้งที่ยังไม่ได้หันมามองด้วยซ้ำเธอกำลังยุ่งอยู่กับการเช็ดตัวให้ลูกชายคนเล็ก

“หันมาดูแป๊บเดียวไม่ได้เหรอครับ”

“เตเอาวางไว้ก่อนเถอะแล้วเป็นที่อื่นก่อนนะ ตอนนี้น้องตัวร้อนมากแม่ต้องเช็ดตัวน้อง”

“ก็ได้ครับ”เด็กชายหน้าเศร้าเสียงอ่อยมองแม่ที่ยุ่งกับการดูแลน้องชาย

“ไปเถอะค่ะคุณหนู”ป้าแย้มอดสงสารไม่ได้ คุณผู้หญิงไม่มีเวลาสนใจเตชินเลยเพราะโตนนท์ไม่สบายแทบทุกวัน เด็กชายมองแม่บ้านหน้าเศร้าและวางภาพวาดไว้บนโต๊ะเครื่องแป้งก่อนจะเดินออกไปกับแม่บ้าน

“ป้าแย้มทำไมแม่ห่วงแต่น้อง ไม่สนใจผมบ้าง”

“คุณนนท์ร่างกายไม่แข็งแรง คุณแม่ก็เลยต้องดูแลมากเป็นพิเศษ ส่วนคุณเตแข็งแรงดีก็ต้องช่วยกันคุณแม่ดูแลน้องนะคะ”

“ครับ”เด็กชายเตชินนั่งกินขนมกับป้าแย้มแม่บ้านเก่าของครอบครัวด้วยความเหงาเขาอยากนั่งกินขนมกับแม่เหมือนเมื่อก่อน ตั้งแต่น้องเริ่มป่วยแม่ก็ไม่มีเวลาให้กับเขาเลยสักนิด

ตกดึกเตชินย่องเข้าไปหาแม่ที่นอนอยู่ในห้องน้องเขาอยากให้แม่นอนกอดจึงเข้าไปนอนข้างๆ เด็กชายเอื้อมกอดทางด้านหลังแม่ เปรมจิตรู้สึกตัวก็หันมามอง

“เต ไปนอนที่ห้องสิลูก”เปรมจิตกระซิบบอกด้วยกลัวว่าโตนนท์จะตื่น

“ผมอยากนอนกับแม่”เด็กชายมองอ้อนวอน

“ไม่ได้น้องมีไข้เดี๋ยวเตจะติดไข้น้อง อย่าดื้อสิลูก”

“ก็ได้ครับ”เด็กชายเตชินหน้าเศร้าค่อยๆก้าวลงจากเตียงนอนแล้วหันไปมองแม่ที่นอนกอดน้อง สายตาเด็กชายเศร้าหมองน้ำตาไหล ตัดใจเดินไปเปิดประตูก็เห็นถังขยะข้างประตูมีกระดาษยับยู่ยี่อยู่ เด็กชายเพ่งมองจนเห็นชื่อของตัวเองที่ปลายกระดาษจึงรีบหยิบขึ้นมาคลี่ดูมันเป็นภาพวาดที่เขาได้รางวัลที่ 1 เปียกน้ำจนตอนนี้ดูไม่ออกแล้วว่าเป็นภาพอะไร เด็กน้อยเสียใจที่แม่ไม่สนใจความภูมิใจของเขาและไม่เห็นค่า เด็กน้อยร้องไห้หนักขึ้นแววตาผิดหวังมองไปที่แม่อีกครั้งแล้ววิ่งกลับห้องเก็บตัวอยู่ในห้องนอนไม่ยอมออกจากห้องสามวัน แต่แม่ก็ไม่มาดูว่าเขาเป็นยังไงบ้างมีเพียงป้าแย้มที่คอยเข้ามาดูแลด้วยความห่วงใย..

ปัจจุบัน ณ งานแต่งงานของโตนนท์

งานแต่งงานจัดขึ้นอย่างเรียบง่ายภายในคฤหาสน์สุดหรูของครอบครัวไพศาล แขกที่มาร่วมงานมีเพียงญาติสนิทเท่านั้น

เตชินมาถึงที่งานก็เข้าไปทักทายสวัสดีญาติ ๆ เมื่อหันไปเจอโตนนท์ที่นั่งอยู่บนรถเข็นแต่งสูทหล่อสีงาช้างหน้าตาเปล่งปลั่งมีความสุขเขาจึงเดินไปหาน้องชาย

“เรานึกว่านายจะไม่มา”โตนนท์ยิ้มเล็กน้อยเมื่อเห็นเตชินเดินมา

“งานแต่งนายทั้งทีเราก็ต้องมาสิ แล้วนี่อยู่ๆก็จะแต่งงานไปคบกันตอนไหนหรือว่าไปนอนรักษาตัวที่โรงพยาบาลแล้วเกิดปิ้งรักกับนางพยาบาล”เตชินกระเซ้าน้องด้วยความอยากรู้

“ไม่ใช่พยาบาลหรอก คนคุ้นเคยกัน”

“คนคุ้นเคย ใครเหรอ”เตชินแววตาสงสัยใครกันที่เขากับน้องคุ้นเคย

“จะได้ฤกษ์แล้ว มานั่งประจำที่กันเถอะ”เปรมจิตเดินมาหาลูกชายทั้งสองเพื่อจัดแจงที่นั่งเตรียมทำพิธี โตนนท์นั่งอยู่บนรถเข็นเช่นเดิมส่วนเตชินเดินไปนั่งที่ด้านหลังของโตนนท์ใกล้ๆกับป้าอุ่น ชายหนุ่มส่งยิ้มให้ป้าอย่างมีความสุขแต่สายตาของป้าอุ่นนั้นเหมือนแสดงความเห็นใจให้ เขารู้สึกแปลกใจในสายตาของป้าที่มองมาจึงจะถามกลับแต่ไม่ทันจะเอ่ยปากเจ้าสาวก็เดินลงมาเสียก่อน

“ได้เลิกฤกษ์แล้ว ให้เจ้าสาวลงมาได้”เปรมจิตโทรสั่งช่างแต่งหน้า เจ้าสาวค่อยๆก้าวลงบันไดมายังห้องรับแขก หญิงสาวหน้าหวานผิวขาวผุดผ่องมีน้ำมีนวลอยู่ในชุดไทยประยุกต์สีทองส่งให้เจ้าสาวดูสวยงามสง่าเป็นอย่างมาก ทุกคนในงานมองไปที่เจ้าสาวคนสวยรวมถึงเตชิน แต่แล้วเขาก็ต้องนิ่งอึ้งตาค้างหัวใจเต้นแรงทั้งโกรธและสับสนเมื่อเห็นว่าเธอเป็นใคร

เจ้าสาวค่อยๆเดินมานั่งตรงข้ามกับเจ้าบ่าวและเห็นสายตาอาฆาตของคนที่นั่งด้านหลังเจ้าบ่าว หญิงสาวหลบสายตาพยายามไม่มองและตั้งสติเพื่อให้ทุกอย่างผ่านไปด้วยดี เตชินกำมือแน่นเมื่อเธอทำเป็นไม่สนใจ เจ้าบ่าวกำลังจะใส่แหวนให้เจ้าสาวเตชินกัดกรามแน่นไม่สามารถทนดูอยู่ได้ทำท่าจะลุกขึ้นหวังจะเข้าไปกระชากทั้งคู่ออกจากกันและอาละวาดให้บ้านแตก แต่ป้าอุ่นรั้งแขนของเขาไว้ไม่ให้ลุกขึ้น ชายหนุ่มหันมองหน้าป้าอุ่นด้วยใบหน้าที่โกรธจัดหญิงชราส่ายหน้าสายตาขอร้องเหมือนห้ามปราม ชายหนุ่มไม่สนใจพยายามจะลุกอีกครั้งก็โดนดึงไว้เหมือนเดิม เขาหันมองป้าอีกครั้งท่านกระซิบเพียงว่า “ขอร้อง”เขาที่เกรงใจป้าอุ่นเพราะเป็นญาติที่เขานับถือ จึงยอมนั่งลงแต่ทำท่ากระฟัดกระเฟียดไม่พอใจนั่งจ้องทั้งคู่ด้วยใจที่กระสับกระส่ายและโกรธจัด เปรมจิตกับเดชาเห็นอาการของเตชินแล้วก็หันมองหน้ากันพยักหน้าให้กำลังใจกันและพยายามทำหน้านิ่งๆ เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นจนกว่าพิธีจะจบลง คนที่รู้เรื่องก็นั่งลุ้นกันว่าเตชินจะอาละวาดจนงานพังหรือเปล่าแต่โชคยังดีที่เขาไม่ได้ทำ จนเมื่อจบพิธีผู้คนทยอยกลับพ่อแม่กับโตนนท์และเจ้าสาวส่งแขกเสร็จ ก็กำลังจะกลับเข้าบ้านเตชินเดินดุ่มๆเข้ามากันทุกคนไว้

“ไหนบอกว่าชาวสวนไม่มีผลประโยชน์ไม่คู่ควร แล้วเอามาเป็นสะใภ้ทำไม”ชายหนุ่มขึ้นเสียงตาขวางมองพ่อกับแม่อย่างไม่เข้าใจและต้องการคำตอบจากท่านทั้งสอง

“ไปคุยกับฉันในห้อง”เดชาหันไปมองรอบบ้านที่มีเด็กรับใช้ช่วยกันเก็บกวาดบริเวณงาน เขาไม่อยากให้เรื่องนี้เป็นขี้ปากคนอื่นจึงเลี่ยงบอกให้เตชินตามไปคุยในห้องทำงาน

“บอกผมทีว่านี้มันเรื่องตลกอะไร ตอนผมรักไม่มีใครเห็นด้วย แต่ไอ้นนท์กลับให้มันแต่งได้”ชายหนุ่มโวยวายต่อทันทีเมื่อประตูห้องทำงานปิดลง

“พ่อจำเป็น”เดชาหน้าเครียดถอนหายใจยาว

“ความจำเป็นอะไร จำเป็นที่ต้องให้ผมเสียใจอยู่คนเดียวแล้วให้ไอ้นนท์มันได้ทุกอย่างใช่ไหม”

“นนท์รักปรายมากแม่จำเป็นต้องให้เขาสองคนแต่งกัน”เปรมจิตเดินตามเข้ามาเห็นท่าไม่ดีจึงรีบขัดขึ้น

“แม่รักแต่ไอ้นนท์ทำให้มันทุกอย่าง แม่ไม่เคยรักผมไม่เคยเลยสักครั้งที่แม่จะคิดถึงใจผม”แววตาแข็งกร้าวของชายหนุ่มคลอไปด้วยน้ำตาที่เต็มไปด้วยความโกรธและน้อยใจที่ไม่มีใครคิดถึงความรู้สึกของเขาเลยสักนิด

“นนท์กำลังจะจากพวกเราไป”เปรมจิตเอ่ยเสียงสั่นมือเหี่ยวปิดปากกลั้นสะอื้น

“ไม่ต้องสร้างเรื่องให้ผมสงสารมัน”

“พวกเราไม่ได้สร้างเรื่อง”เดชาส่งแฟ้มเอกสารของโรงพยาบาลแห่งหนึ่งให้เตชิน เขารับไปเปิดอ่านแบบไม่เต็มใจเมื่ออ่านข้อความที่ระบุว่าโตนนท์จะมีชีวิตอยู่อีกไม่เกินหนึ่งปี เขาก็นิ่งชะงักไป

“นนท์รักปรายและอยากแต่งงานเพื่อช่วย ตอนแรกแม่ก็ไม่ยอมแต่พอรู้ว่านนท์จะอยู่ได้อีกไม่นานแม่เลยยอมเพื่อให้นนท์มีความสุขก่อนที่จะจากไป”เปรมจิตเสียงสั่นน้ำตาคลอเมื่อพูดถึงเหตุผลของการแต่งงานครั้งนี้ เตชินวางแฟ้มในมือลงมองหน้าแม่ด้วยความรู้สึกที่หลากหลายแล้วค่อยๆเดินออกไปจากห้องไม่พูดอะไรอีกเลย เดชาเข้ามาประคองกอดปลอบใจเปรมจิตแล้วมองลูกชายคนโตอย่างเห็นใจ

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel