บทที่ 2 สูญเสีย (2)
แต่พอเห็นวงหน้าหวาน ตามแบบฉบับสาวเอเชียเท่านั้น คริสจึงจำได้ทันที
“อ้าว วาเลนทีน”
“ก็ใช่น่ะสิ อาคริสเห็นเป็นใครล่ะ?” อ้อมแก้วทำหน้าง้ำงอนพลางคลายวงแขนออก “ไม่เจอกันตั้งนาน ลืมกันแล้วเหรอคะ?”
“จะลืมได้ไง ไม่มีทางลืมเธอหรอก”
อ้อมแก้วยิ้มออกมาทันทีเมื่อได้ยินแบบนั้น “คิดถึงอาคริสจัง อาสบายดีนะ”
“สบายดี” คริสยิ้มกว้างอวดฟันซี่ขาว ซึ่งพฤติกรรมของคนทั้งสองตกอยู่ในสายตาของแดเนียลตลอด
แต่พอคนป่วยซึ่งนอนอยู่บนเตียงไอออกมา อีกทั้งเครื่องมือทางการแพทย์สำหรับช่วยชีวิตคนไข้ส่งเสียงร้อง ความวุ่นวายจึงเกิดขึ้นกับบรรดาญาติพี่น้องทันที
“พ่อ!” อ้อมแก้วรีบผละจากคริสตรงดิ่งไปยังเตียงคนไข้ ส่วนแดเนียลที่ตั้งสติได้ก่อนใครรีบกดกริ่งเรียกแพทย์ พริบตาเดียวเท่านั้นแพทย์พยาบาลที่ถูกเรียกเข้ามาช่วยเหลือผู้ป่วยจึงรีบเข้ามาในห้อง ส่วนญาติทั้งหมดถูกกันให้ออกจากห้องผู้ป่วยฉุกเฉินทันที
“ขอความกรุณาด้วยนะคะ”
อ้อมแก้วเดินออกจากห้องผู้ป่วยฉุกเฉินเป็นคนสุดท้าย เธอมองภาพของพ่อด้วยความห่วงใยและเป็นกังวล กระนั้นเธอยังไม่ไปไหน นอกจากเฝ้ารอคอยความเคลื่อนไหวจากแพทย์ที่หน้าห้องเท่านั้น เธอนั่งแทบไม่ติด อีกทั้งยังเดินไปเดินมาเป็นหนูติดจั่น พอเมื่อยก็มาทิ้งตัวนั่งได้ครู่เดียว แล้วก็ลุกขึ้นเดินไปเดินมา อีกทั้งชะเง้อคอยาว
“นั่งก่อนเถอะวาเลนทีน เดินไปเดินมาฉันเวียนหัว”
พอคริสบอกแบบนั้น อ้อมแก้วจึงยอมทำตามอย่างว่าง่าย กระนั้นเธอยังภาวนากับพระผู้เป็นเจ้า ขอให้ช่วยคุ้มครองให้พ่อของเธอปลอดภัย เธออยากใช้ชีวิตอยู่กับพ่อให้นานกว่านี้ แต่พอแพทย์ก้าวออกมาจากห้องผู้ป่วยฉุกเฉินเท่านั้น อ้อมแก้วจึงรีบลุกไปหาแพยท์เจ้าของไข้ทันที
“พ่อเป็นไงบ้างคะ?” หญิงสาวถามด้วยน้ำเสียงร้อนใจ
ญาติผู้ป่วยทุกคนทั้ง แดเนียล คริส ซูซาน ไม่เว้นแม้แต่ โรเจอร์ซึ่งเป็นทนายความต่างรอคอยฟังคำตอบจากแพทย์เช่นกัน
“หมอขอแสดงความเสียใจด้วย... คนไข้เสียชีวิตแล้วครับ”
เพียงประโยคเดียวเท่านั้นที่ทำให้อ้อมแก้วรู้สึกเหมือนฟ้าถล่มลงมาทับเธอไว้ใต้ดิน! หญิงสาวยืนนิ่งงันอยู่กับที่ด้วยว่ากำลังช็อกกับสิ่งที่ได้ยิน
“พ่อตายแล้ว” หญิงสาวพึมพำราวกับละเมอ อีกทั้งรู้สึกโหวงที่กลางอกกับการเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็ว
ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วไป เร็วจนเธอตั้งหลักไม่ทัน ทั้งที่เมื่อครู่เธอยังกอดพ่อเอาไว้ และพูดคุยกัน แต่เวลาแค่ชั่วโมงเดียวเท่านั้น ความตายก็พรากพ่อของเธอไป
นี่คือการสูญเสียที่เธอรับไม่ได้!!!
“พ่อ!!!” หญิงสาวถึงกับทรุดตัวนั่งลงกับพื้นแล้วปล่อยโฮ น้ำตาร่วงลงมาโดยที่เธอไม่อาจกลั้นไว้ แดเนียลได้เข้ามาช่วยพยุงให้เธอลุกขึ้น อ้อมแก้วจึงโผเข้ากอดแดเนียลแล้วร้องไห้ออกมาด้วยหัวใจที่แหลกสลาย
“โจเซฟหลับสบายแล้ว” มือหนาลูบศีรษะของหญิงสาวเบา ๆ หัวใจของเขาห่อเหี่ยวไม่แพ้วาเลนทีนเช่นกัน
ทั้งคริส หรือแม้แต่ทนายความที่อยู่ในเหตุการณ์ต่างก็มีสีหน้าที่เศร้าสลดไปตาม ๆ กัน หากจะมีก็แต่ซูซาน ภรรยาสาวของโจเซฟเท่านั้นที่ไม่มีปฏิกิริยาใด ๆ กับการจากไปของสามี!
หลังจากพิธีฝังศพของโจเซฟผ่านพ้นไปท่ามกลางความโศกเศร้าของบรรดาญาติและทายาทเพียงคนเดียวอย่างอ้อมแก้ว เรื่องวุ่นวายจากพินัยกรรมจึงเกิดขึ้นทันทีเมื่อซูซานเตรียมทำเรื่องร้องต่อศาลเพื่อขอเป็นผู้รับมรดกแต่เพียงผู้เดียว ซึ่งอ้อมแก้วไม่ใส่ใจเรื่องนี้แม้แต่น้อย อีกทั้งเธอยังตั้งใจเดินทางกลับเมืองไทยเลยด้วยซ้ำ
แต่ทว่าเธอก็ทำแบบนั้นไม่ได้ ทั้งนี้เพราะโรเจอร์ทนายความของพ่อได้นัดวันเปิดอ่านพินัยกรรมนั่นเอง
อ้อมแก้วได้ปรึกษาทนายความเพื่อปฏิเสธเรื่องพินัยกรรม แต่พอรู้ว่าหากเธอปฏิเสธการรับมรดก ซูซานจะเป็นผู้ครอบครองทรัพย์สินทั้งหมดเพียงผู้เดียว อ้อมแก้วจึงเปลี่ยนใจและตัดสินใจพักอยู่ที่ฟาร์มเฮมเวิร์ตต่ออีกสักระยะ ทั้งนี้เธอไม่ต้องการให้ทรัพย์สินของพ่อ ตกเป็นของซูซานนั่นเอง!
ดังนั้นเธอจึงทำตัวเป็นก้างชิ้นใหญ่ขอแม่เลี้ยงสาวซะ!!!
จากที่พักอยู่ที่ฟาร์มแห่งนี้ถึงหนึ่งสัปดาห์เต็ม เธอก็เริ่มคุ้นเคยกับสถานที่มากขึ้น เธอไม่รู้สึกโดดเดี่ยวเหมือนตอนที่เดินทางมาที่นี่ในวันแรก ๆ อาจเป็นเพราะเธอรู้จักกับใครหลายคนมากขึ้น อีกทั้งสมาชิกในบ้านต้อนรับเธออย่างดี แล้วไหนยังมีคริสเป็นเพื่อนคุยแก้เหงา ความรู้สึกโดดเดี่ยวจึงอันตรธานหายไป
หลังจากอาหารเช้าผ่านพ้นไป อ้อมแก้วเลือกที่จะออกมาเดินเล่นรับแสงแดดอ่อน ๆ ยามเช้าในทุ่งลาเวนเดอร์ เธอเพิ่งรู้ว่าธรรมชาติงดงามเพียงใดก็ตอนนี้เอง ซึ่งตลอดเวลาที่ผ่านมานั้น
