9 ตัวลอย
เช้าวันอังคารมาถึงเร็วกว่าที่คิด อิงฟ้าตื่นขึ้นมาด้วยความรู้สึกผสมปนเประหว่างความตื่นเต้นและความประหม่า วันนี้คุณอารีลาไปทำพาสปอร์ต นั่นหมายความว่าเธอจะต้องทำหน้าที่เป็นเลขาฯ ของดลภพ เต็มตัวเป็นครั้งแรก!
อิงฟ้ามาถึงออฟฟิศตั้งแต่เช้าตรู่ เธอจัดโต๊ะทำงาน ตรวจเช็กเอกสาร และที่สำคัญที่สุด...เตรียมอุปกรณ์ชงกาแฟให้พร้อม! เมื่อเสียงลิฟต์ดังขึ้น พร้อมกับร่างสูงสง่าของดลภพที่ก้าวออกมาจากลิฟต์ หัวใจของอิงฟ้าก็เต้นระรัวเหมือนกลองรบ
ดลภพเดินตรงเข้ามา ใบหน้ายังคงเรียบเฉยตามเคย เขาเพียงแค่กล่าวทักทายเธอเพียงเล็กน้อยก่อนจะตรงเข้าไปยังห้องทำงานของตนเอง
อิงฟ้าพยายามมุ่งมั่นกับหน้าที่ของตัวเอง พอได้เวลาในช่วงสาย ๆ เธอก็เดินไปยังมุมชงกาแฟ เธอพยายามนึกถึงทุกขั้นตอนที่คุณอารีสอนอย่างพิถีพิถัน ก่อนจะบดเมล็ดกาแฟ อัดผงกาแฟ ดึงช็อตกาแฟ...ทุกอย่างดูเหมือนจะไปได้สวย
เมื่อกาแฟร้อนๆ ส่งกลิ่นหอมกรุ่น อิงฟ้าก็บรรจงรินลงแก้วสวยงาม เธอสูดลมหายใจลึกๆ แล้วเดินถือแก้วกาแฟเข้าไปในห้องทำงานของดลภพอย่างระมัดระวัง
ดลภพกำลังนั่งอ่านเอกสารอยู่บนโต๊ะทำงาน เธอเดินเข้าไปวางแก้วกาแฟลงบนแผ่นรองแก้วข้างมือเขาอย่างเบามือที่สุด
“กาแฟค่ะบอส” เสียงใสเอ่ยขึ้นอย่างแผ่วเบา ดลภพเงยหน้าขึ้นมองแวบหนึ่ง ก่อนจะหยิบแก้วกาแฟขึ้นมาจิบช้าๆ เล่นทำเลขาฯสาวลุ้นตัวโก่ง เธอจ้องมองริมฝีปากหยักลึกที่สัมผัสกับขอบแก้วอย่างใจจดใจจ่อ ก่อนจะเอ่ยถามเมื่อเขาวางแก้วกาแฟลง
“ฉันพอจะชงกาแฟได้รสชาติตามที่บอสต้องการหรือเปล่าคะ” อิงฟ้าเอ่ยถามอย่างกล้าๆ กลัวๆ ดลภพเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนจะตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง แต่แฝงไปด้วยความท้าทายเล็กน้อย
“อืม...กาแฟที่ผมทาน มันชงง่ายจะตายไป มันไม่ต้องใส่ส่วนผสมอะไรเลย ใครก็ชงได้ คุณไม่ต้องกังวลไปหรอก”
คำพูดของเขาทำให้อิงฟ้าถึงกับชะงัก เธอแอบผิดหวังเล็กน้อยที่เขาไม่ยอมชม แต่ในขณะเดียวกัน เธอก็รับรู้ได้ถึงความท้าทายที่ซ่อนอยู่ในน้ำเสียงนั้น ก่อนที่จะรีบเดินออกมาจากห้องทำงานอย่างเงียบเชียบ ตลอดช่วงเช้า อิงฟ้าทำหน้าที่เลขาฯ ได้อย่างดีเยี่ยม เธอรับโทรศัพท์ ประสานงาน จัดการเอกสารอย่างคล่องแคล่วเกินคาด
เมื่อถึงเวลาพักกลางวัน อิงฟ้ากำลังคิดว่าจะลงไปหาอะไรทานใกล้ ๆ หรือจะโทรสั่งอาหารขึ้นมาทานดี ทันใดนั้น เสียงประตูห้องทำงานของดลภพก็เปิดออก ร่างสูงสง่าเดินออกมาหยุดยืนอยู่ตรงหน้าโต๊ะทำงานของเธอ
“ไปทานข้าวกับผมหน่อยสิ” ดลภพเอ่ยขึ้นสั้นๆ ใบหน้ายังคงเรียบเฉย แต่คำพูดของเขาทำให้อิงฟ้าถึงกับตาโต
“คะ?” อิงฟ้าถามอย่างไม่แน่ใจ คิดว่าตัวเองหูฝาดไป
“ผมบอกว่า...ไปทานข้าวกลางวันกัน” ดลภพพูดซ้ำ ชัดถ้อยชัดคำมากขึ้น อิงฟ้าถึงกับกลืนน้ำลายลงคอ นี่มันหมายความว่าอะไร! เขาชวนเธอไปทานข้าวกลางวัน! หัวใจของเธอเต้นระรัวอย่างควบคุมไม่ได้
“ค่ะบอส” อิงฟ้าตอบรับเสียงตะกุกตะกัก เธอรีบลุกขึ้นยืนอย่างรวดเร็ว จัดเสื้อผ้าให้เรียบร้อย พยายามซ่อนรอยยิ้มดีใจเอาไว้
ดลภพเดินนำไปที่ลิฟต์ อิงฟ้าเดินตามติดๆ รู้สึกเหมือนตัวเองกำลังลอยได้ บรรยากาศในลิฟต์เต็มไปด้วยความเงียบสงบ แต่สำหรับอิงฟ้าแล้ว มันเต็มไปด้วยความรู้สึกหวามไหวที่อธิบายไม่ถูก
ดลภพพาอิงฟ้าไปนั่งที่โต๊ะมุมส่วนตัวที่เคยนั่งประจำ ก่อนจะหยิบเมนูมาวางลงตรงหน้าเธอ
“คุณชอบทานอะไร” ดลภพเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ แต่เป็นคำถามที่แสดงถึงความใส่ใจ
อิงฟ้าเงียบไปครู่หนึ่ง ปกติเธอจะเลือกอาหารเอง แต่เมื่ออยู่กับเขา เธอกลับอยากให้เขาเป็นคนตัดสินใจ
“เอ่อ...แล้วแต่บอสเลยค่ะ ดิฉันทานได้หมด” อิงฟ้าตอบ พร้อมแฝงรอยยิ้มตามที่เจนนิสาสอน
ดลภพเลิกคิ้วเล็กน้อย เหมือนกำลังประเมินคำตอบของเธอ ก่อนที่เขาจะหันไปเรียกพนักงาน
และหันกลับมามองอิงฟ้าอีกครั้ง
“คุณแพ้อะไรเป็นพิเศษไหม”
“ไม่ค่ะ” อิงฟ้าตอบทันที เธอรู้สึกประทับใจในความละเอียดอ่อนของบอสหนุ่ม เขาไม่ได้ถามแค่ว่าเธอชอบอะไร แต่ยังคำนึงถึงเรื่องแพ้อาหารด้วย
“คุณดูมีความตั้งใจในการทำงานมาก” ดลภพเอ่ยขึ้นในระหว่างที่ทานอาหาร
“ผมชอบความกระตือรือร้นของคุณ”
“ขอบคุณค่ะบอส ดิฉันอยากเรียนรู้และทำให้ดีที่สุดค่ะ” อิงฟ้ายิ้มหวานให้เขาอย่างจริงใจ
ดลภพเงียบไปอีกครั้ง สายตาของเขาจับจ้องมาที่เธออย่างลึกซึ้งราวกับพยายามค้นหาคำตอบในแววตาของอิงฟ้า
“คุณไม่มีประสบการณ์ทำงานออฟฟิศมาก่อนเลยใช่ไหม” ดลภพถามต่อ
“ค่ะ...นี่เป็นครั้งแรกเลยค่ะ” อิงฟ้าตอบอย่างซื่อตรง เธอไม่มีอะไรจะปิดบังเรื่องนี้
“ถือว่าเรียนรู้ได้เร็ว” เขาพูด สีหน้ายังคงเรียบเฉย แต่คำพูดนั้นกลับเป็นคำชมที่ทำให้หัวใจของอิงฟ้าพองโต
ตลอดมื้อกลางวัน ดลภพยังคงเป็นคนพูดน้อย ส่วนใหญ่อิงฟ้าจะเป็นคนเล่าเรื่องโน้นเรื่องนี้ให้เขาฟัง เธอบรรยายถึงความรู้สึกที่ได้ทำงานในบริษัทใหญ่เป็นครั้งแรก ความท้าทายที่เธอเจอ และความมุ่งมั่นที่จะเรียนรู้ ดลภพเพียงแค่รับฟัง แต่บางครั้งเขาก็จะส่งรอยยิ้มบางๆ ที่มุมปากออกมา ซึ่งทำให้อิงฟ้าใจละลายทุกครั้ง
เมื่อทานอาหารเสร็จ ดลภพก็พาเธอกลับ อิงฟ้าเดินตามเขาออกมา เธอรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังเดทกับเขาจริงๆ! ที่สำคัญคือ ดลภพไม่ได้เดินทิ้งระยะห่าง เขาเดินเคียงข้างเธออย่างเป็นธรรมชาติ ระยะห่างเพียงไม่กี่นิ้วระหว่างไหล่ของเขากับไหล่ของเธอ ทำให้หัวใจของอิงฟ้าเต้นระรัว
ผู้คนในร้านอาหารและตามทางเดิน ต่างหันมามองทั้งสองเป็นตาเดียว อิงฟ้าแอบสังเกตเห็นสายตาที่เต็มไปด้วยความสงสัยและอิจฉาของผู้หญิงคนอื่นๆ ที่มองมาที่เธอและดลภพ ภาพที่ทั้งสองกำลังเดินเคียงข้างกันอย่างสนิทสนม ทำให้ดูเหมือนคู่รักที่กำลังควงกันมาทานข้าวกลางวันก็ไม่ปาน
อิงฟ้าเดินตัวลอยกลับมาที่ออฟฟิศ ความรู้สึกมีความสุขและพึงพอใจเอ่อล้นอยู่ในอก เธอรู้ดีว่านี่เป็นเพียงจุดเริ่มต้นของแผนการพิชิตบอสสุดเย็นชาคนนี้ และเธอก็พร้อมแล้วที่จะเดินหน้าต่อไป ไม่ว่าความท้าทายข้างหน้าจะเป็นอย่างไร อิงฟ้าก็จะทำให้เขาตกหลุมรักเธอให้ได้!
หลังเลิกงานอิงฟ้าโบกแท็กซี่กลับมาที่คอนโดของเพี่อนสาว หลังลงจากรถแท็กซี่ได้ไม่นานคุณวิภามารดาของเธอก็โทรหา ก่อนจะรีบบอกให้ลูกสาวรีบกลับบ้าน เพราะเย็นนี้จะมีแขกคนสำคัญมาทานมื้อเย็นด้วย เจนนิสาเห็นสีหน้าของเพื่อนไม่ค่อยสู้ดี จึงรีบขับรถไปส่งอิงฟ้าที่บ้าน ระหว่างทางทั้งคู่ก็คุยกัน
“นายทรงพลจะมาทานข้าวเย็นที่บ้านน่ะสิ” อิงฟ้าบอก
“อ๋อ...คนนี้ป่ะ ที่แม่แกเชียร์” เจนนิสาถามอย่างรู้ทัน
“อืม” อิงฟ้าตอบรับเสียงเบา
“หล่อป่ะ” เจนนิสาถามอย่างติดตลก
“ก็พอได้แหละ แต่ไม่ใช่สเปค” อิงฟ้าตอบอย่างรวดเร็ว ก่อนที่ภาพใบหน้าหล่อเหลาของดลภพผุดขึ้นมาในหัวแทน
“แหม่!!..ใครจะไปหล่อเท่าบอสของแกล่ะ” เจนนิสาแซวกลับมาทันควัน ทำให้แก้มของอิงฟ้าแดงระเรื่อ
“เลิกแซวฉันได้แล้ว! ไหนว่าพอฉันได้เป็นเลขาฯ เค้าแล้ว แกจะบอกฉันเรื่องแผนอ่อยเค้าไง” อิงฟ้าเปลี่ยนเรื่อง
“ใจเย็น ๆ สิ แกเพิ่งไปทำงานกับเขาได้ไม่กี่วัน จะจู่โจมเลยรึ” เจนนิสาเตือน เพราะกลัวเพื่อนจะใจร้อนเกินไป
“ก็แม่ฉันน่ะสิ! ถามว่าวันๆ ฉันหายไปไหน หมู่นี้ไม่ค่อยอยู่บ้านเลย” อิงฟ้าบ่นด้วยน้ำเสียงกลัดกลุ้ม นี่แหละคือปัญหาที่เธอหนักใจไม่แพ้เรื่องดลภพ