ตอนที่ 3 ไล่ออก
ตอนที่ 3 ไล่ออก
เมื่อเวลาผ่านไป ฤทธิ์ของยาปลุกเซ็กซ์ที่กินเข้าไปเริ่มหมดฤทธิ์ลงแล้ว เรี่ยวแรงของทั้งสองก็อ่อนล้าไปตามๆกัน ทั้งสองต่างฝ่ายต่างหยิบเสื้อผ้าของตัวเองเอาขึ้นมาสวมใส่ โดยที่ยังไม่มีใครกล้าเอ่ยปากพูดขึ้นมาก่อน ต้นน้ำเห็นว่าเขาโตกว่า เป็นผู้ใหญ่กว่า และยังเป็นบอสของที่นี่ เขาจึงยอมเป็นฝ่ายพูดขึ้นมาก่อน
“หล่อนชื่ออะไร”
“ชื่อเกลค่ะ”
“ฉันหมายถึงชื่อจริง”
“หนูชื่อปิ่นมุกค่ะ”
“ฉันไล่หล่อนออก ตั้งแต่พรุ่งนี้เป็นต้นไป หล่อนไม่ต้องมาทำงานที่นี่แล้ว” สิ่งที่เกิดขึ้นเขารู้สึกว่าเป็นฝ่ายเสียหาย เป็นฝ่ายอับอาย แถมครั้งนี้ยังเป็นครั้งแรกของเขาอีกด้วย ส่วนชะนีตรงหน้า เอวดีขนาดนี้คงไม่มีอะไรเสียหายหรอกมั้ง
“ไม่นะคะ หนูไม่อยากออก เรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นมันเป็นอุบัติเหตุ”
“ฉันว่าหล่อนนั่นแหละร่าน แอบวางยาฉัน เห็นฉันรวย อยากจับฉันทำผัว เสียสติไปแล้วหรือไง” คนอื่นๆที่นั่งกินอยู่ด้วย ไม่มีใครน่าสงสัย ไม่มีใครมีพิรุธเลย ทุกคนทำงานอยู่ด้วยกันมานาน ส่วนคนตรงหน้าเพิ่งจะมาทำงานได้แค่อาทิตย์เดียวก็มีปัญหาเกิดขึ้น ถ้าไม่ใช่เธอแล้วจะเป็นใคร
“ไม่จริงนะคะ หนูเองก็โดน”
“โดนจริงหรือว่าเล่นละครล่ะ ไม่แน่...หล่อนอาจจะวางยาตัวเองเพื่อกลบเกลื่อนความผิดก็ได้”
“ไม่ใช่นะคะ ทรมานขนาดนี้ หนูไม่มีวันทำร้ายตัวเองแบบนี้เด็ดขาด ฮื่อๆๆ” อยู่ๆเธอก็ปล่อยโฮออกมา ราวกับอยากจะระบายสิ่งที่อึดอัดอยู่ในใจ
“ไม่รู้แหละ ฉันไล่หล่อนออก ฉันไม่สามารถมองหน้าหล่อนในที่ทำงานได้อีก มันทุเรศ ขยะแขยง...อี๋!” ต้นน้ำทำท่ารังเกียจคนตรงหน้าอย่างเห็นได้ชัด
“ตอนที่หนูกับบอสกำลัง...หนูเห็นเงาคนยืนอยู่ที่หน้าประตูค่ะ” เธอเห็นจริงๆ แต่เวลานั้นเธอไม่ได้สนใจ สิ่งที่เธอสนใจในช่วงสถานการณ์นั้นคือเรือนร่างของคนตรงหน้านี้ต่างหาก
“โกหก! หล่อนนี่มันตอแหลจริงๆ” ทุกคำที่เขาพูดออกมาจากปาก ทำเอาเธอไปไม่เป็น ในเมื่อเขาไม่เชื่อ เธอจึงเลือกที่จะเงียบดีกว่า
“แล้วถ้าหนูสัญญาว่าจะไม่เอาเรื่องนี้ไปพูดล่ะคะ ขอโอกาสให้หนูได้ทำงานที่นี่ต่อได้มั้ย” เธอมีความฝันอยากเก็บเกี่ยวประสบการณ์และยังคงอยากทำงานที่นี่ต่อ
“ฉันไม่ให้โอกาสชะนีอย่างหล่อนหรอก หล่อนรู้มั้ยว่าเรื่องที่เกิดขึ้นฉันรู้สึกขยะแขยงมากขนาดไหน ฉันไม่อยากเห็นหน้าหล่อนลอยไปลอยมาในนี้อีก หล่อนไปหางานที่อื่นทำเถอะ ฉันจะให้เงินหล่อนเอาไปตั้งตัวห้าหมื่น คิดซะว่าเป็นค่าจ้างออกก็ได้ เอาเลขบัญชีมา” น้ำเสียงหนักแน่นของเขา ทำให้เธอหลั่งน้ำตาออกมาเป็นสาย เธอรู้สึกเสียใจกับเรื่องที่เกิดขึ้น ช่วงเวลานั้นเธอเองก็เห็นเขามีอาการเดียวกันกับเธอ เธอจึงช่วยหาทางออกให้ ด้วยการร่วมมือกัน ไม่คิดว่าเขาจะโกรธและไม่พอใจเธอขนาดนี้
“แต่ว่า หนูอยากทำงานที่นี่ต่อจริงๆ หนูมีความฝัน...”
“ความฝันของหล่อนไม่เกี่ยวกับฉัน ฉันเป็นเจ้าของที่นี่ ฉันไล่หล่อนออก หล่อนก็ต้องออก ออกไป!” ต้นน้ำตวาดคนตัวเล็กตรงหน้าเสียงดังลั่น ทำเอาหญิงสาวที่กำลังยืนร้องไห้ตัวสั่นเผลอสะดุ้งตัวโยนด้วยความตกใจ
“ฮื่อๆๆๆ” น้ำตาไหลออกมาเป็นสาย ปิ่นมุกไม่ได้เสียใจที่ได้พลาดพลั้งมีอะไรกับเขา แต่สิ่งที่เธอเสียใจก็คือ เธอได้สูญเสียงานดีๆที่นี่ไป
“เอาเลขบัญชีมา”
“.............” ปิ่นมุกไม่มีทางเลือก เธอยอมออกจากที่นี่ด้วยเงินที่เขาโยนให้ เธอไม่ได้อยากได้เงิน สิ่งที่เธออยากได้คือประสบการณ์ของที่นี่ต่างหาก
“โอนแล้วเรียบร้อย เก็บของไปเลยนะ อย่าให้เหลือแม้แต่ชิ้นเดียว แล้วไม่ต้องหวนกลับมาที่นี่อีก ส่วนเรื่องยานรกนั่น ถ้าไม่ใช่เธอก็แล้วไป ฉันไม่ยอมจบเรื่องนี้ง่ายๆแน่ ฉันจะสืบเองว่าใครเป็นคนทำ จะเอาเรื่องมันให้ถึงที่สุด” บริษัทแห่งนี้หยุดเสาร์อาทิตย์ ทำงานอาทิตย์ละห้าวัน นั่นก็คือวันจันทร์ถึงวันศุกร์ ซึ่งพรุ่งนี้ก็เป็นวันหยุดสุดสัปดาห์พอดี
“ขอบคุณค่ะ ถ้าอย่างนั้นหนูขอตัวนะคะ” ปิ่นมุกปาดน้ำตาทิ้งแล้วหันหลังเตรียมตัวจะเดินออกไป
“เดี๋ยว...ถ้าเรื่องนี้เป็นคนอื่นทำ หล่อนจะเอาเรื่องมั้ย แต่ดูจากลีลาของหล่อนแล้ว คงไม่ใช่ครั้งแรก อีกอย่างหล่อนเป็นฝ่ายเริ่มก่อนเอง ห้าหมื่นที่ให้ไปก็น่าจะพอแล้วมั้ง” ถามเอง ตอบเอง สุดท้ายเขาก็พูดจาไม่ดีใส่เธออีก แถมยังดูถูกหาว่าเธอผ่านเรื่องอย่างว่ามาเยอะ แต่ความเป็นจริงแล้ว เธอเคยมีรักแรก เธอเคยมอบตัวและหัวใจให้เขาคนนั้นไป แต่สุดท้ายเขาก็ไม่เห็นค่ากับสิ่งที่เธอมอบให้ ตั้งแต่เธอกับเขาคนนั้นเลิกรากันไป เธอก็ยังไม่เคยมีใครอีกเลย จนกระทั่งครั้งนี้...
“ค่ะ คนจนแบบหนูคงไม่มีปัญญาไปเรียกร้องอะไร” คำตอบนี้เธอประชด!
“รู้ตัวก็ดี เอาเป็นว่าถ้าฉันจับตัวคนทำเรื่องนี้ได้เมื่อไหร่ ฉันจะจัดการมันแทนเธอด้วยก็แล้วกัน...ไปได้แล้ว” พูดจบเขาก็ไล่เธอทันที
“หนูลาเลยนะคะ สวัสดีค่ะ” ปิ่นมุกหันมายกมือไหว้ตามประสาผู้น้อยไหว้ผู้ใหญ่
หลังจากที่ตกลงกันได้แล้ว เธอจึงเดินไปที่โต๊ะทำงานของตัวเอง เก็บของใช้ส่วนตัวและออกไปจากที่นี่ ส่วนต้นน้ำเอง เขาก็พาตัวเองกลับมาที่คอนโดด้วยสภาพเหนื่อยล้าหมดเรี่ยวหมดแรง
คอนโดของเขาหรูหราตั้งอยู่กลางใจเมือง ภายในกว้างขวางมีสองห้องนอน สองห้องน้ำ หนึ่งห้องครัว หนึ่งห้องนั่งเล่น และมุมทำงานส่วนตัวขนาดกำลังดีอีกหนึ่งมุม เขาเลือกซื้อคอนโดสองห้องนอนก็เพราะตั้งใจเอาไว้รับแขก ที่ผ่านๆมาก็มีเพื่อนแวะเวียนมานอนด้วยอยู่บ่อยๆ
กว่าที่เขาจะอาบน้ำชำระล้างร่างกายตัวเองเสร็จก็เป็นเวลาเกือบสว่าง แต่เขาก็เลือกที่จะสวมชุดนอนแล้วเตรียมตัวพักผ่อน เนื่องจากเช้าวันนี้เป็นวันหยุด แต่ในหัวของเขากลับคิดแต่จะหาตัวคนทำ นอนยังไงก็นอนไม่หลับ
เขาพยายามนึกหาคนที่น่าสงสัย ซึ่งมันก็มีแต่คนกันเองทั้งนั้น ห้องประชุมที่ใช้เป็นที่นั่งสังสรรค์กินดื่ม ไม่มีกล้องวงจรปิด จะมีก็แต่ในห้องทำงานของเขา ซึ่งคนที่ดูกล้องตัวนี้ได้ก็มีแค่เขาคนเดียว ยัยชะนีน้อยบอกว่าเห็นเงาคนยืนอยู่ที่หน้าห้อง เมื่อคิดได้ดังนี้ เขาจึงหยิบมือถือขึ้นมาเปิดดูภาพจากกล้องวงจรปิด ปรากฏว่ามีเงาคนยืนอยู่จริงๆด้วย แต่กล้องก็ดันจับได้แค่เงา ซึ่งเขาก็มองไม่ออกว่าเป็นใคร นั่นก็หมายความว่ายัยชะนีน้อยไม่ได้พูดโกหก
