บท
ตั้งค่า

บทที่ 2

เช้าวันต่อมารติชาเลือกที่จะขับรถออกจากคอนโดมิเนียมตั้งแต่ยังไม่หกโมง เพราะมั่นใจว่าเส้นทางไปออฟฟิศรถติดหนักแน่ เสื้อผ้าก็ยังคงเป็นชุดเดิมๆ เนื่องจากไปช่วยแค่สามสี่เดือนจึงไม่จำเป็นต้องซื้อใหม่ ทรงผมเธอก็พึ่งไปตัดให้เข้าทรงแล้วทำสีอีกเล็กน้อยเพื่อให้หน้าสว่างขึ้น แต่งหน้าเบาๆ ให้พอไม่จืดชืดเน้นสีปากสวยๆ ทุกอย่างก็ลงตัว

รถมินิคูเปอร์สีแดงมุ่งหน้าไปบนถนนโดยรติชาเป็นคนขับ รถคันนี้เธอซื้อมาด้วยเงินของตัวเองจึงภูมิใจมาก เสียงโทรศัพท์ที่เก็บในกระเป๋าสะพายซึ่งวางอยู่บนเบาะข้างๆ คนขับก็ดังขึ้น นั่นทำให้เธอต้องละสายตาจากถนนมามอง เพียงเสี้ยววินาทีต่อจากนั้นก็เกิดเหตุไม่คาดฝันขึ้น

โครมมม

รติชาหลับตาแน่น เมื่อครู่นี้เธอรับรู้ได้ถึงแรงกระแทกแต่ก็ไม่ได้มากถึงขนาดถุงลมนิรภัยหน้ารถทำงาน ใจดวงน้อยเต้นโครมครามเพราะความตกใจและความกลัว เพราะนี่คือครั้งแรกที่เธอขับรถชนรถคันอื่น พอตั้งสติได้ก็รีบเปิดประตูลงมาจากรถซึ่งเป็นจังหวะเดียวกับที่คู่กรณี

ปิลันธน์อยู่ในชุดทำงานเต็มยศเพราะวันนี้มีประชุมกับลูกค้า ผมยังคงถูกเซ็ตมาเป็นทรงอย่างดีเหมือนทุกวัน น้ำหอมกลิ่นสปอร์ตจากแบรนด์ชื่อดังโชยออกมาจากตัวเขา ชายหนุ่มยกแขนเสื้อขึ้นมองเวลาเพราะคงไปสายแน่นอน

“คุณคะ ฉันขอโทษจริงๆ” รติชาเอ่ยขอโทษเพราะรู้ว่าเธอผิดเต็มๆ ที่หันไปสนใจเสียงโทรศัพท์จนเกิดอุบัติเหตุขึ้น ในขณะที่ปิลันธน์ยังคงยืนนิ่งเพื่อสำรวจความเสียหาย จึงเห็นว่าท้ายรถสปอร์ตคันสวยยุบและมีรอยชนอย่างเห็นได้ชัด ในขณะที่รถมินิคูเปอร์คันก่อเหตุมีรอยเล็กน้อย

“ไม่เป็นไรครับ ผมว่าเราเรียกประกันก่อนดีกว่า”

“ค่ะๆ” รติชาเอ่ยรับจากนั้นก็กลับมาที่รถเพื่อคว้าโทรศัพท์ออกมากดโทรหาประกันซึ่งปิลันธน์ก็ทำเช่นเดียวกับเธอ ก่อนที่ตำรวจจะเข้ามาเคลียร์พื้นที่เพื่อเปิดการจราจรที่ตอนนี้ติดยาวไปหลายร้อยเมตร เวลานี้รถทั้งสองคันจึงย้ายมาจอดริมถนนแทน ไม่นานประกันของแต่ละคนก็มาถึง

รติชาตัดสินใจโทรหาอรสาเพื่อบอกว่าตอนนี้เธอเกิดอุบัติเหตุเล็กน้อยและอาจไปช้า ส่วนปิลันธน์เขาไม่สามารถยกเลิกนัดหมายเช้านี้ได้ บอสหนุ่มทำท่าครุ่นคิดเพื่อหาทางออก กระทั่งหันมาเห็นคู่กรณีเข้าความคิดหนึ่งก็ผุดเข้ามาในหัวทันที

“คุณ”

“ค่ะ” รติชาขานรับด้วยสีหน้างุนงง เธอรู้ว่าตัวเองผิดที่ประมาทจนทำให้อีกฝ่ายเดือดร้อน เขาจะดุจะว่าอะไรเธอก็พร้อมยอมรับ

“ขอโทรศัพท์หน่อยครับ”

“โทรศัพท์” เครื่องหมายคำถามเกิดขึ้นบนใบหน้าของรติชาทันที

“ใช่...โทรศัพท์คุณ ผมขอหน่อย”

“นี่ค่ะ” รติชาเอ่ยรับแล้วจัดการปลดล็อคจากนั้นก็ยื่นโทรศัพท์ให้ชายตรงหน้าไปอย่างงุนงงอีกครั้ง หรือเช้านี้เธอยังไม่ได้กินกาแฟสมองเลยสั่งงานช้ากว่าปกติ

เมื่อได้โทรศัพท์ของคู่กรณีมาไว้ในมือ ปิลันธน์ก็ไม่รีรอที่จะกดโทรออกไปยังเบอร์ตัวเขาเอง จากนั้นก็เซฟชื่อไว้ว่า

รถมินิคูเปอร์สีแดง จากนั้นก็ยื่นคืนให้เธอพร้อมกับกุญแจรถเขา

“นี่กุญแจรถผมครับ”

“เอ้...คุณให้ฉันไว้ทำไม” รติชาถามกลับไปทันที

“เมื่อกี้นี้ผมใช้โทรศัพท์คุณโทรหาผม ฉะนั้นตอนนี้เราจะมีเบอร์โทรของกันและกัน”

“โอเค เรื่องนั้นฉันเข้าใจแต่เรื่องกุญแจรถคุณฉันไม่เข้าใจ”

“พอดีผมรอจนประกันเคลียร์เสร็จไม่ได้ ผมเลยจะฝากคุณจัดการต่อให้หน่อย”

“อะไรนะคะ!” เสียงของรติชาดังกว่าปกติ เพราะไม่คิดว่าจู่ๆ ชายตรงหน้าจะทำแบบนี้

“เอกสารทุกอย่างอยู่ในรถ บัตรประชาชนผมทางประกันถ่ายรูปไว้แล้ว ถ้ามีอะไรติดต่อผมได้ตลอด แต่ตอนนี้ผมต้องไปก่อน”

“คุณ...เดี๋ยวก่อนสิ” รติชาพยายามเรียกชายตรงหน้าแต่ทว่าเขากลับไม่สนใจเธอเสียแล้ว ซึ่งเวลานั้นปิลันธน์เข้าไปคุยกับทางตำรวจต่อด้วยเจ้าหน้าที่ประกันเสร็จก็นั่งรถแท็กซี่ออกไปทันที ปล่อยให้รติชามองตามอย่างงุนงงและสับสนเล็กน้อย

“ฮือ...นี่มันวันอะไรเนี่ย” เสียงโวยวายดังขึ้นอยู่ภายในใจของรติชา สุดท้ายเธอก็ต้องอยู่จัดการทุกอย่างกระทั่งผ่านไปเกือบชั่วโมงจึงเสร็จสิ้น

เวลานี้เจ้าหน้าที่ตำรวจจากไปแล้วเจ้าหน้าที่ประกันก็เช่นเดียวกัน รติชายืนเท้าสะเอวมองรถเธอสลับกับรถคู่กรณีที่รู้จากเจ้าหน้าที่ประกันว่าเขาชื่อปิลันธน์อย่างใช้ความคิดเพราะคงปล่อยรถเขาจอดไว้ตรงนี้ไม่ได้ กระทั่งเธอปิ๊งไอเดียระยะเวลาจากจุดเกิดเหตุไปถึงบริษัทไม่ไกลนักถ้าจะขับไปจอดรถไว้ที่นั่นคงไม่เสียหายอะไร

รติชาขับรถตัวเธอไปที่บริษัทก่อนแต่กว่าจะวนหาที่จอดได้ก็กินเวลาหลายนาที จากนั้นก็นั่งแท็กซี่ย้อนกลับมาขับรถของปิลันธน์ไปจอดไว้ที่นั่นด้วย แต่ที่รู้สึกแปลกคือทำไมตอนเธอขับรถตัวเองมากลับหาที่จอดยากแสนยาก แต่พอขับคันนี้เข้ามาปุ๊บเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยถึงกับวิ่งหน้าตั้งมาดูแลแถมยังยกที่กั้นตรงจุดจอดรถวีไอพีให้อีกต่างหาก

หรือว่ารถปอร์เช่ 911 คันนี้มันมีภาษีกว่ารถมินิคูเปอร์ของเธอ รติชาได้แต่คิดแล้วก็สงสัยและยิ่งสงสัยมากขึ้นเป็นสองเท่าเมื่อเห็นเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยตอนเจอเธอ เพราะจะตะเบ๊ะทำความเคารพก็ไม่เชิงสีหน้าดูตกใจบอกไม่ถูก รติชาจึงส่งยิ้มให้แล้วเดินเข้าไปภายในพร้อมกับแจ้งตรงจุดประชาสัมพันธ์ว่าเธอต้องการมาพบใคร ไม่กี่อึดใจอรสาก็ลงมารับ

“เดินช้าๆ ลงหน่อยก็ได้พี่เอม” รติชาเอ่ยบอกคนท้องแก่ที่ตอนนี้ดูอุ้ยอ้ายแต่อรสาก็คล่องแคล้วเสียจนคนไม่ท้องรู้สึกกลัวแทน

“ขอโทษที ลืมไปว่าท้องอยู่” อรสาหันมาตอบ ทั้งสองคนเดินผ่านจุดนั้นจุดนี้มาเรื่อยๆ กระทั่งถึงโซนทำงานของผู้บริหารที่ในสุดเป็นของประธานที่วันนี้ติดประชุมกับลูกค้าจึงยังไม่เข้ามา

อรสาพารติชาไปยังโต๊ะทำงาน พอนั่งลงบนเก้าอี้ได้ก็เอนหลังพิงแล้วออกอาการนิ่วหน้าเล็กๆ เพราะลูกในท้องถีบชุดใหญ่

“เป็นอะไรหรือเปล่าคะพี่เอม”

“ลูกถีบน่ะ”

“จริงเหรอคะ ปิ่นขอจับท้องหน่อยได้ไหม”

“ได้สิ” อรสาเอ่ยรับ แต่คนขอจับดูกล้าๆ กลัว ว่าที่คุณแม่จึงยื่นมือไปจับมือของรติชาไว้แล้วนำมาวางบนหน้าท้องกลมๆ ของตัวเอง ซึ่งเป็นจังหวะเดียวกับที่ลูกดิ้นพอดี แม้จะยังไม่เคยท้องแต่รติชาก็รู้สึกมหัศจรรย์ใจกับการอุ้มท้องและการให้กำเนิดของผู้หญิงทุกคนบนโลกใบนี้มาก

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel