ตอนที่7 ไม่ได้มีดีแค่หน้าตา
ตอนที่7 ไม่ได้มีดีแค่หน้าตา
ห้องประชุม
การประชุมเริ่มขึ้นด้วยสถานการณ์ตึงเครียดแต่ละแผนกต่างนำเสนอข้อมูลกันอย่างดุเดือด ทั้งแผนโครงการที่ถูกสั่งให้ปรับแก้ไขอย่างเร่งด่วน ฝ่ายสถาปนิกและวิศวกรต้องทำงานอย่างหนักเพราะโครงสร้างบ้านถูกสั่งปรับใหม่เกือบ 20%
ธารานั่งฟังการนำเสนอของทุกฝ่ายด้วยใบหน้าเรียบนิ่งค่อนไปทางเคร่งเครียดซะด้วยซ้ำ มุกดาที่นั่งบันทึกสาระสำคัญในการประชุมครั้งนี้ในฐานะผู้ช่วยธาราอีกหนึ่งคน การประชุมดำเนินไปนานกว่าสองชั่วโมงกว่าจะได้ข้อสรุปเพื่อให้ทุกฝ่ายรีบไปดำเนินการ
“คุณทำงานหนักแบบนี้ทุกวันเลยเหรอคะ”
“ผมชินแล้ว” คำตอบที่ไม่ค่อยตรงคำถามแต่คนฟังเข้าใจดีว่าหมายถึงอะไร จนอดสงสารไม่ได้ว่าหนึ่งวันชายหนุ่มตรงหน้าต้องทำงานหนักมากกว่าคนปกติหลายเท่า ยังนึกไม่ออกว่าสมองของเขาสามารถคิดวิเคราะห์สิ่ง ๆ ได้รวดเร็วและแม่นยำอย่างที่เห็นในห้องประชุมได้อย่างไรในเมื่อเขาทำงานหลายอย่างพร้อมกันในเวลาเดียวกัน
“กาแฟไหมคะ ฉันไปชงให้”
“ผมขอเป็นชาร้อนจะดีกว่า”
“รอสักครู่นะคะ”
มุกดากลับมาพร้อมกับแก้วชาร้อนในมือและแก้วโกโก้เย็นสำหรับเธอ
มุกดานั่งสรุปรายงานการประชุมลงในLaptopและส่งให้ชายหนุ่ม
“ฉันส่งรายงานการประชุมให้คุณแล้วนะคะ ส่วนแผนการตลาดฉันว่าเราอาจจะต้องปรับนิดหน่อย เราอาจจะลดค่าจ้างพรีเซนเตอร์ลงมาหน่อยโดยไม่ต้องใช้ดาราดังขนาดนั้น โครงการของเราเป็นที่รู้จักและมีกลุ่มคนที่มีรายได้สูงต้องการซื้ออยู่แล้ว อาจจะแค่โปรโมตกลุ่มลูกค้าหน้าใหม่ที่พึ่งก้าวเข้ามามีกำลังซื้อแค่นั้นก็น่าจะพอ ราคาบ้านจะได้ลดลงด้วยหรือเราสามารถนำเงินส่วนนั้นไปจัดโปรโมชั่นให้ลูกค้าจะดีมากกว่านะคะ” มุกดาเสนอแผนการตลาดที่เธอถนัด ในการเสนอการตลาดแบบใหม่กับธารา
“ผมขอดูรายละเอียดก่อน ที่คุณพูดมาผมเห็นด้วย”
“ขอบคุณค่ะ”
แครก ~
เสียงฉีกซองลูกอมดังขึ้นทำลายความเงียบ มุกดาเงยหน้าจากงานตรงหน้าหันมองทางต้นเสียง เห็นว่าชายหนุ่มนั้นกำลังแกะลูกอมที่เธอให้เขาเมื่อตอนบ่ายเข้าปากขณะที่สายตายังจ้องหน้าจอLaptopสีหน้าเคร่งเครียด
สันกรามเด่นชัดที่มองจากด้านข้าง ปลายจมูกโด่ง ริมฝีปากได้รูปและคิ้วดกดำ ทำให้มุกดาเผลอมองอยู่นานจนอีกฝ่ายรู้สึกตัว ธาราเงยหน้าขึ้นจากหน้าจอหันมาสบตาเข้ากับดวงตากลมโตที่มองอยู่ก่อนแล้ว มุกดาก้มหลบสายตาและเบือนหน้าหนีมองไปทางอื่นเมื่อสู้สายตาของธาราไม่ไหว
“รีบอ่านเอกสารพวกนั้นให้เสร็จ อย่ามัวแต่มองหน้าผม มันไม่ได้ช่วยให้ความรู้วิ่งเข้าไปในสมองคุณได้หรอกนะ” ประโยคไม่รักษาน้ำใจพานให้คนอารมณ์ดีเริ่มหงุดหงิดใบหน้าง้ำงอเมื่อโดนตำหนิด้วยถ้อยคำร้ายกาจ
“หึย..ตาเลขาปากร้าย” มุกดาสบถด่าออกมาเบา ๆ ไล่ภาพในหัวก่อนหน้าออกไปจนหมด จึงรีบกลับมาตั้งใจอ่านเอกสารตรงหน้าและไม่หันไปมองหน้าชายหนุ่มอีกเลยจนถึงเวลาเลิกงาน
“ฉันกลับก่อนนะคะ อย่าลืมรีบกลับบ้านไปพักผ่อนนะคะเดี๋ยวจะตายก่อน พรุ่งนี้จะไม่มีคนมาคอยว่าฉัน แล้วเจอกันพรุ่งนี้ค่ะ” มุกดาเก็บของบนโต๊ะเรียบร้อยก็คว้ากระเป๋าสะพายลุกขึ้นตั้งท่าจะเดินออกจากห้องไป แต่เท้าเล็กก็หยุดชะงักและหันกลับมาพูดกับชายหนุ่มก่อนจะเปิดประตูห้องเดินออกไป
“ปากดี” ธาราเค้นเสียงก่อนจะรีบปิดหน้าจอLaptopลงแล้วเก็บเอกสารให้เป็นระเบียบ คว้าเสื้อสูทเดินตามหลังมุกดาออกไปติด ๆ
“คุณธาราจะกลับแล้วเหรอคะ มีงานด่วนต่อเหรอคะ” อุษาผู้ช่วยเลขาสาวถามขึ้นเมื่อเห็นชายหนุ่มกลับบ้านเร็วกว่าทุกวัน
“เปล่าครับ วันนี้มีนัดทานข้าวกับพลอยใสเลยต้องกลับไวหน่อย” ธาราเอาพลอยใสมาอ้าง ทั้งที่ความเป็นจริงแล้วเขาไม่มีสมาธิทำงานต่อมากกว่า
“อ้อค่ะ กลับบ้านดี ๆ นะคะ”
“ครับ”
รถยนต์คันหรูที่จอดในช่องผู้บริหารถูกสตาร์ตเครื่องและขับออกจากช่องจอดด้วยความเร็ว โดยมีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยคอยอำนวยความสะดวกให้
เอี๊ยด ๆ ๆ ๆ
เสียงเบรกดังสนั่นลานจอดรถเมื่อจู่ ๆ มีรถเก๋งคันเล็กยี่ห้อดังขับมาตัดหน้าในระยะกระชั้นชิด และขับออกไปโดยไม่จอดลงมาดูว่าอีกฝ่ายได้รับบาดเจ็บหรือเกิดอะไรขึ้นหรือเปล่า
“ยัยเด็กบ้า” เสียงเรียบสบถด่าตามหลังเมื่อเห็นว่าคนที่นั่งตำแหน่งคนขับนั้นคือใคร ทั้งที่ปกติธาราเองจะมีสมาธิมากกว่านี้ และจะเบรกได้เร็วกว่านี้ อาจจะเป็นเพราะว่าเขาพักผ่อนน้อยหรือกำลังคิดอะไรเพลินไปหน่อย
“คุณธาราเป็นอะไรหรือเปล่าครับ” เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยรีบวิ่งมาเคาะกระจกรถด้านข้างคนขับด้วยสีหน้าตื่นเต้นปนกังวล
“ไม่เป็นอะไรครับ”
“ทางเราจะรีบตรวจสอบกล้องวงจรปิดและจะลงโทษพนักงานคนนั้นอย่างหนักครับ ต้องขออภัยด้วยครับที่เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น”
“ไม่เป็นไรครับ ช่างเขาเถอะครับ เธอคงไม่ได้ตั้งใจ อีกอย่างมันก็เป็นมุมมืดเธอคงมองไม่เห็นจริง ๆ” ธารารีบพูดแก้ต่างให้หญิงสาว ทั้งที่รู้อยู่แล้วว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อสักครู่นั้นเธอตั้งใจขับรถตัดหน้าเขา ไม่ใช่อุบัติเหตุ
“เอาอย่างนั้นก็ได้ครับ เดินทางกลับบ้านปลอดภัยนะครับ”
รถยนต์คันหรูขับออกจากลานจอดรถด้านหลังมุ่งหน้าสู่ถนนหลักใจกลางเมือง โดยมีเป้าหมายเดียวคือคฤหาสน์ฮาร์เปอร์
ทันทีที่ก้าวลงจากรถคิ้วดกดำขมวดเข้าหากันเมื่อเห็นรถสีขาวคุ้นตาจอดอยู่บริเวณโรงจอดรถภายในบริเวณบ้าน เท้ายาวรีบสาวเท้าเดินดุ่ม ๆ เข้าบ้านทันที
“พี่ธารากลับมาพอดีเลย มาทานข้าวกันค่ะ วันนี้พลอยเชิญมุกดามาทานข้าวกับเราด้วย” พลอยใสที่กำลังยกกับข้าวขึ้นตั้งโต๊ะพูดขึ้นเมื่อเห็นชายหนุ่มที่เขาไม่ได้เจอหน้ามาหลายวัน
“พี่ขอขึ้นไปอาบน้ำก่อนครับ แล้วไอ้ชาร์ล่ะมันยังไม่ดีขึ้นอีกเหรอ” ธาราตอบกลับพลอยใส แต่สายตากลับมองไปที่ใบหน้าเรียวเล็กของแขกคนสำคัญของบ้านวันนี้
“กำลังอาบน้ำให้ลอนดอนอยู่ค่ะ คุณวีไม่ได้เป็นอะไรนี่คะ ก็ปกติดี”
“ฮึ! งั้นพี่ขอตัวขึ้นไปอาบน้ำก่อนนะครับ”
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
“แข พาลอนดอนลงไปข้างล่างก่อน ฉันขอคุยธุระกับนายสักครู่”
“มีอะไร ทำหน้าเหมือนอยากฆ่ากู” ชาร์วีถามขึ้นก่อน
“ถ้าไม่คิดจะทำงาน ก็ให้ขายบริษัทที่มีอยู่ทิ้งแล้วนอนใช้เงินไปวัน ๆ อยู่บ้าน”
“กูก็ทำอยู่นี่ไง กูอยู่บ้านกูก็ทำงาน”
“งานที่มึงอ้างนี่คือการเซ็นเอกสารแค่ไม่กี่หน้าเนี่ยนะ ถ้าพรุ่งนี้มึงไม่ไปทำงานของตัวเอง เตรียมฟังข่าวดีได้เลย” ธาราพูดจบก็หันหลังเดินออกไปทันที
“มึงอย่ามาขู่กูธารา บริษัทนั้นก็บริษัทของมึงเหมือนกัน” ชาร์วีตะโกนตามหลังมือขวาคนสนิทออกไปเสียงดัง
“กูตัวคนเดียวไม่มีครอบครัว ไม่เดือดร้อนเรื่องเงิน แล้วบริษัทบ้า ๆ ที่กูต้องทำงานวันละเกือบยี่สิบชั่วโมง ไม่มีจะทำให้ชีวิตกูดีขึ้นและมีความสุขเหมือนคนอื่นมากขึ้น ถ้ามันเจ๊งหรือถูกขายไปคงดีไม่น้อย”
“ไอ้ธารา”
บนโต๊ะอาหาร
“คุณเป็นอะไรคะทำไมดูหน้าเครียดจัง ทะเลาะอะไรกับพี่ธารามาอีกหรือเปล่า ฉันได้ยินเสียงดังมาจากชั้นบน” พลอยใสหันไปถามสามีที่นั่งหน้าเคร่งเครียดทานข้าวอยู่ข้าง ๆ
“เปล่าครับ” ชาร์วีปฏิเสธออกไป
“พี่ธารา” เมื่อไม่ได้รับคำตอบจากผู้เป็นสามี พลอยใสจึงหันไปถามธารา
“เปล่าครับ พี่แค่บอกนายว่าถ้าหายดีแล้วพรุ่งนี้ให้เข้าไปเคลียร์งานที่บริษัทหน่อย มีเอกสารสำคัญหลายอย่างที่รอนายเซนต์อนุมัติ” ธาราไม่ปฏิเสธแต่พูดความจริงไม่ทั้งหมด
“คุณป่วยเหรอคะ ทำไมไม่เห็นบอกหนูเลย แล้วอย่างนี้คุณเอาไข้มาติดลูกหรือเปล่าคะ” พลอยใสหันขวับไปหาชาร์วีทันทีเมื่อนึกขึ้นได้
“เปล่า ฉันแค่เหนื่อย ๆ เลยอยากพักสักหน่อย แต่ตอนนี้หายดีแล้ว พรุ่งนี้น่าจะเข้าไปทำงานได้”
“พี่ธาราทานเยอะ ๆ นะคะ ดูผอมลงเยอะไปแล้ว ไม่ค่อยได้พักผ่อนด้วยใช่ไหมคะ งานที่ทำอยู่เยอะเกินไปหรือเปล่าคะ”
“ช่วงนี้งานยุ่งนิดหน่อยครับ”
“มึงก็มีมุกดาช่วยทำงานแล้วไม่ใช่เหรอ เธอเก่งช่วยงานมึงได้เยอะอยู่นี่”
“เธอมาเรียนรู้งานไม่ได้มาช่วยงาน แถมเป็นภาระมากกว่าเดิมอีก”
“ขอโทษค่ะ ที่เข้าไปเป็นภาระให้คุณ พรุ่งนี้ฉันเรียนรู้งานจากคุณษาก็ได้ค่ะ” มือเรียวกำช้อนในมือแน่น ปากบางเม้มเข้าหากันไม่กล้าสบสายตาร้ายกาจของเจ้าของประโยคเมื่อสักครู่
“พี่ธาราคะ”
“ขอโทษครับที่พี่ต้องพูดตรงไปหน่อย”
“ไม่ต้องหรอกให้เรียนรู้งานกับธาราน่ะดีแล้ว อีกหน่อยเธอก็ต้องไปช่วยงานที่บริษัทพ่อของเธอ จะได้รีบเรียนรู้งานมาก ๆ จะได้รีบกลับไปช่วยท่านทำงาน” เป็นชาร์วีที่สรุปเรื่องนี้ ธารานั่งฟังด้วยสีหน้าไม่พอใจส่วนทางด้านมุกดาเอาแต่นั่งทานข้าวไปเงียบ ๆ
