บรรณาการเย้ารัก

67.0K · จบแล้ว
เพลงมีนา
58
บท
7.0K
ยอดวิว
8.0
การให้คะแนน

บทย่อ

เพราะใช้ตัวเองปกป้องฮ่องเต้ ทำให้ 'ฉู่ห่าวหราน' ต้องใช้ชีวิตบนรถเข็น หลังจากออกจากเมืองหลวงมาใช้ชีวิตในคฤหาสน์ซอมซอมาปีครึ่ง จู่ๆ ฮ่องเต้ทรงมอบให้ บรรณาการเป็นคณิกาอันดับหนึ่งของเมืองหลวง แต่ฉู่ห่าวหรานต้องประหลาดใจ เหตุใดนางจึงห่างไกลคำว่า 'คณิกา' แต่ใกล้เคียงกับ 'โจรสาว' เสียมากกว่า 'เซียงเยว่ซิน' สลับตัวกับ 'เหอเยว่ซิน' หญิงคณิกาที่นางนับเป็นสหาย นอกจากจะให้เหอเยว่ซินได้หนีไปใช้ชีวิตกับคนรักแล้ว นางยังมีภารกิจ(ลับ)ทดแทนบุญคุณที่ต้องทำรวมทั้งทำตามคำสั่งเสียของบิดามารดา ... “เจ้าพูดว่าอะไรนะ” “ข้าบอกว่า ใต้เท้า...เอ่อ ท่านพี่หล่อเหลามาก” ฉู่ห่าวหรานยิ้มออกมา แต่เดิมเขาไม่ได้สนใจยามมีใครชื่นชมเขานัก ทว่าเวลานี้ได้ยินภรรยาเอ่ยชมรู้สึกพอใจไม่น้อย อย่างน้อยก็ดีกว่าให้นางชื่นชมบุรุษอื่น “เจ้าก็งดงามมาก” “ท่านไม่ต้องพูดเอาใจข้าหรอก” คราวนี้นางเงยหน้าขึ้นมองเขา “ข้าพูดจริง” เขาย้ำ “แต่ก่อนเจ้าชอบชมตัวเองต่อหน้าข้ามิใช่หรือ? หรือที่ผ่านมาเจ้าแค่พูดล้อเล่นเท่านั้น” ที่ผ่านมานางก็พูดไปอย่างนั้น เพราะเคยถูกสายตาดูแคลนจ้องมองมาก่อน นางจึงมักพูดกลบเกลือนความรู้สึกลึกๆ ในใจของตน “แล้ว...ท่าน...ท่านพี่ชอบข้าตรงไหน ทำไมท่านอยากแต่งงานกับข้า” ‘ถามเอาตอนนี้มิช้าไปหน่อยหรือเจ้าลิงน้อย’ ฉู่ห่าวหรานคลี่ยิ้มอ่อนโยน “ข้าชอบเวลาที่มีเจ้าอยู่ข้างกาย”

นิยายรักโรแมนติกนิยายจีนโบราณแม่ทัพท่านอ๋องนักวรยุทธจีนโบราณพระเอกเก่งนิยายย้อนยุคพิการนักรบ

ตอนที่1. เริ่มต้น

บุรุษหนุ่มวัยยี่สิบห้า บนใบหน้าทีรอยแผลเป็นที่เหนือคิ้วขวาราวกับถูกสายฟ้าฟาด ทำให้ใบหน้าที่เคยอ่อนโยนกลับดูน่ากลัว ยิ่งเวลานี้คิ้วเรียวงามขมวดแน่นขณะไล่สายตาอ่านตัวอักษรในจดหมายฉบับหนึ่ง

“มีเรื่องใดรึขอรับท่านราชครู” หันซู บ่าวรับใช้และองครักษ์ข้างกายเอ่ยถาม

ฉู่ห่าวหรานถอนหายใจหนักหน่วง จดหมายเพิ่งมาถึงมือ แต่ ‘เครื่องบรรณาการ’ เดินทางมาก่อนแล้ว หากปฏิเสธไม่รับบรรณาการชิ้นนี้ก็เกรงว่าจะทำไม่ได้แล้ว ไม่รู้ว่าฮ่องเต้ทรงคิดอันใดอยู่จึงได้ส่งคณิกาอันดับหนึ่งของเมืองหลวงมาปรนนิบัติดูแลเขา

“ให้คนปัดกวาดเรือนตะวันตก จัดเตรียมที่ให้บรรณาการที่กำลังเดินทางมาถึง” ฉู่ห่าวหรานเอ่ยเสียงเรียบไม่ได้รู้สึกยินดีแต่อย่างใด เขาส่งจดหมายให้หันซู่แล้วเคาะนิ้วกับเก้าอี้รถเข็น เขาเดินไม่ได้มาปี กว่า การเคลื่อนไหวของเขาจึงต้องพึ่งพาเก้าอี้มีล้อเช่นนี้

เมื่อได้รับอนุญาต หันซูกวาดตามองอ่านข้อความในจดหมายแล้วอ้าปากค้าง

“หญิงคณิกา?” หันซูอ้าปากค้าง “เหตุใดฮ่องเต้ประทานหญิงคณิกาให้ท่านล่ะขอรับ”

“ข้าจะรู้ได้อย่างไร” ฉู่ห่าวหรานหมุนล้อรถเข็นเคลื่อนไปข้างหน้า หันซูรีบเข้าไปเข็นด้วยตนเองไม่ต้องรอให้ผู้เป็นนายสั่ง

“แล้วท่านจะทำอย่างไร”

“เจ้าอยู่ตอนรับนางให้ดี ส่วนข้าจะขึ้นเขาไปรักษาตัวที่บ่อน้ำพุร้อน”

“แล้วท่านจะลงจากเขาเมื่อไหร่ขอรับ”

ฉู่ห่าวหรานตวัดสายตามอง เพียงแค่นั้นบ่าวรับใช้ก็ปิดปากเงียบแม้อยากรู้แต่ไม่กล้าถาม

เหตุใดฮ่องเต้จึงหญิงคณิกามาเป็นเครื่องบรรณาการท่านราชครูผู้รักความสะอาดเหนือสิ่งอื่นใดเช่นนี้นะ ยามอยู่เมืองหลวง นายท่านของเขาไม่เคยข้องแวะกับสถานที่เช่นนั้นแม้แต่ก้าวเดียว ก่อนย้ายมาที่เมืองแห่งนี้ จำได้ว่าเขาได้ยินชื่อเสียงของคณิกานางนั้นเป็นอย่างดี นางครอบครองความงามที่ทำให้สตรีด้วยกันยังริษยา บุรุษหมายมั่นจะได้ครอบครองนาง เพียงการเดินหมากดีดพิณก็เป็นที่ร่ำลือกันไปทั่ว และเป็นหญิงงามที่เอาใจยากไม่น้อย

หันซูลอบมองคฤหาสน์ซอมซ่อที่อาศัยอยู่ ไม่นับรวมบางแห่งที่หลังคารั่ว มีบ่าวรับใช้นับแล้วไม่เกินยี่สิบคน แล้วอย่างนี้จะไปต้อนรับสตรีนางนั้นได้อย่างไร

บ่าวหนุ่มลอบถอนหายใจเบาๆ แล้วกล่าวลาก่อนความสงบสุขที่มีมา

หญิงสาวในอาภรณ์เนื้อผ้าไหมสีแดงสดสวย ร่างเพรียวบางก้าวลงจากรถม้า กวาดตามองโดยรอบแล้วขมวดคิ้วอย่างหงุดหงิดระคนประหลาดใจ

นี่คฤหาสน์หรืออารามร้างกันแน่หนอ

“เชิญแม่นางเหอเยว่ซินทางนี้ขอรับ” พ่อบ้านหนุ่มนามหันซูประสานมือคารวะแล้วเชื่อเชิญให้ก้าวไปด้านใน

“อืม” นางรับคำสั้นๆ หันไปพยักหน้าให้ผู้ติดตามขนข้าวของลงจากรถม้า นางมีข้าวของติดตัวแค่คันรถเดียว ไม่มีบ่าวรับใช้ติดตามข้างกาย คนเหล่านี้เมื่อทำหน้าที่เสร็จก็เดินทางกลับเมืองหลวง

มือเรียวยกชายกระโปรงขึ้นเล็กน้อย ก้าวเร็วๆด้วยท่าทีห้าวหาญเดินตามพ่อบ้านที่มารับ หันซูออกจะแปลกใจกับกิริยาท่าทางอยู่บ้าง เขาเองอยู่เมืองหลวงมานับสิบปี ย้ายติดตามนายท่านมาที่เมืองหานตานได้ปีครึ่ง แต่ไม่คิดว่ากิริยามารยาท ‘กุลสตรี’ของเมืองหลวงจะเปลี่ยนไปมากถึงเพียงนี้

“นี่ๆ พ่อบ้าน... ชื่ออะไรนะ” นางเอ่ยถามเสียงห้วน แต่สายตากวาดมองรอบตัวอย่างไม่เกรงมารยาท

“ข้าน้อยแซ่หันชื่อคำเดียวซูขอรับ”

“หันซู” นางทวนคำ “ดูท่าทางเจ้าจะเป็นทั้งพ่อบ้านและบ่าวรับใช้ข้างกายท่านราชครูสินะ”

“ขอรับ”

“ทั้งคฤหาสน์นี้มีบ่าวไพร่เท่าไหร่?”

“เอ่อ...ยี่สิบคนขอรับ”

“หือ?” นางทำเสียงไม่เชื่อ “ถ้ามีถึงยี่สิบคนจะปล่อยคฤหาสน์หลังงามให้ซอมซ่อขนาดนี้รึ”

“เอ่อ...”

“ไม่ถึงสิบคนละสินะ” นางยังคงพูดด้วยน้ำเสียงห้วน ทิ่มแทงคนฟัง

“ท่านราชครูรักสันโดษและใช้ชีวิตสมถะ จึงไม่ชอบให้มีผู้คนอยู่รายล้อมมากเกินไป”

“รักสันโดษหรือไม่มีเงินซื้อบ่าวรับใช้” นางถอดถอนใจอย่างรู้สึกเวทนา “ได้ยินว่าฮ่องเต้องค์ใหม่ไม่โปรดท่านราชครู เห็นท่าจะเป็นความจริง”

“แค่กๆ” หันซูถึงกับสำลักน้ำลายตัวเอง “แม่นางเหอ”

“เรียกข้าเยว่ซินก็พอ” นางโบกมือไปมา “ข้ามาถึงนานแล้ว เหตุใดยังไม่เห็นหน้าท่านราชครู”

“ท่านราชครูขึ้นเขาไปแช่น้ำพุร้อนขอรับ”

“ทั้งที่รู้ว่าข้ามานะหรือ?” นางกลอกตามองบน “ไม่อยากเจอหน้ากันก็ไม่เป็นไร แต่บ่าวรับใช้มีน้อย เจ้าที่เป็นคนสนิทต้องมาอยู่ต้อนรับข้า แล้วผู้ใดอยู่ดูแลท่านราชครู”

“เรื่องนั้น...ประเดี๋ยวบ่าวส่งแม่นางเหอแล้วจะขึ้นเขาไปรับใช้นายท่านขอรับ”

“ดีแล้ว อ้อ! ข้ามาที่นี่ไม่มีบ่าวรับใช้มาด้วย วานพ่อบ้านหันช่วยหาสาวใช้ให้ข้าสักคน”

“ขอรับ”

หญิงสาวเดินมาถึงเรือนของตนเองแล้วอ้าปากค้าง ใบหน้าสะกดอารมณ์เต็มที่แล้วกัดฟันถาม พลางชี้นิ้วไปที่เรือนพักที่อยู่ตรงนั้น