ตอนที่ 2 บรรณาการศึกของต้านชิง
สิ่งที่เขาพูดขึ้นมานางไม่มีทางยอมรับได้ แม้ว่าจะไม่ทราบเรื่องที่เกิดขึ้นในเมือง เพราะถูกส่งมาที่อารามนี้ได้สามเดือนกว่าแล้ว และทางวังหลวงได้แจ้งมาว่านางจำเป็นต้องอยู่อีกสองเดือนเพื่อรักษาศีลให้กับบรรพบุรุษ
“ข้าไม่เชื่อ บรรณาการอันใดกัน”
“ดูเหมือนว่าองค์หญิงจะไม่ทราบสินะ ว่าในเมืองหลานเจียงเกิดอะไรขึ้น แต่ตอนนี้ไม่มีเวลามากนัก ข้าจะเล่าให้เจ้าฟังทีหลัง…เจ้า!”
นางไม่มีทางยอมรับได้ บรรณาการก็ไม่ต่างกับเชลย หากเป็นเช่นนั้นสู้นางตายเสียตรงนี้ดีกว่า ร่างบางเอียงคอเข้าหาคมดาบอย่างกล้าหาญ ท่านอ๋องไม่คาดคิดแต่เขาเร็วกว่านางมาก จึงรีบดึงดาบออกและรวบตัวนางเข้ามาพร้อมกับฟาดไปที่ท้ายทอยจนนางสลบไป
“สตรีน่ารังเกียจ! พาคนที่เกี่ยวข้องกับนางไปให้หมด”
“พ่ะย่ะค่ะ”
วันถัดมา
คิดไม่ถึงว่าฝ่ามือเดียวของเขา จะทำให้นางสลบไปหนึ่งวันหนึ่งคืนเต็ม ๆ เมื่อถึงค่ายทหาร นางก็ถูกจับแยกกับสาวใช้ของตัวเอง คนที่ถูกจับมาทั้งหมดมีเพียงองครักษ์ของนาง ซึ่งท่านอ๋องจับเป็นเชลย แต่ไม่ได้ทำร้ายใคร
เฮือก!
ปิงเยว่ตื่นขึ้นมาและพบว่าตัวนางอยู่ในสถานที่ที่ไม่รู้จัก เมื่อมองไปรอบ ๆ ก็พบว่าเหมือนเป็นที่พักและกระโจม แขนทั้งสองข้างของนางถูกมัดเอาไว้ ไม่นานเจ้าของกระโจมก็เดินเข้ามาถึงเตียงของนาง
“ปล่อยข้านะ”
“เจ้าตื่นแล้วงั้นหรือ หึ คิดไม่ถึงเลยว่าองค์หญิงของต้านชิง จะใจกล้ามากกว่าพี่ชายของเจ้า ที่ข้าพึ่งตัดหัวไปเมื่อวันก่อนเสียอีก”
“พะ พี่ชายข้างั้นหรือ… ฟ่านอี้เฉิน… นี่ท่าน!”
“เขาตายแล้ว”
“ท่านมันคนสารเลว”
“เจ้าเป็นแค่บรรณาการศึกของต้านชิง มีสิทธิ์ที่จะด่าข้าเช่นนี้หรือ”
แควก!
“คนสารเลว! ฮึก หยุดนะ”
เขาดึงเสื้อนางออกจนขาด บัดนี้เหลือเพียงอีกนิดเดียวก็จะเห็นเนินอกขาวผุดผ่องตรงหน้า แม้นว่าจะเคยพบกับสตรีที่งดงามมามากมาย หรือแม้กระทั่งชุนหลันฮวาเองก็ตาม ก็ยังไม่เท่ากับคนตรงหน้านี้เลยสักนิด
“ฟ่านปิงเยว่ องค์หญิงแปดแห่งต้านชิง ธิดาที่เกิดจากพระสนมเอกขององค์จักรพรรดิ “ฟ่านเติ้งจั๋ว” กำลังจะเข้าพิธีแต่งงานกับแม่ทัพเกราะเหล็ก ขุนพลแห่งน่านน้ำซีหูผู้โด่งดังไปทั่วหลานเจียงนามว่า “อู๋ซ่างหลี่” ช่างน่าเสียดายที่เขาไม่มีโอกาสแล้ว”
“คนสารเลว ข้าจะฆ่าท่าน!”
“อยากฆ่าข้าหรือ ออกจะยากสักหน่อยนะองค์หญิง เพราะก่อนที่เจ้าจะได้ฆ่าข้า มันคือหลังจากคืนนี้ ที่เจ้าต้องทำหน้าที่บรรณาการแคว้นที่แพ้ศึกให้ข้าเสียก่อน”
“ไม่นะ คนสารเลว เพราะเหตุใดกัน ทำไมต้องเป็นข้า!”
“เอาไว้ค่อยถามหลังจากนี้เถอะ”
ท่านอ๋องในชุดลำลองเริ่มถอดชุดออก เสื้อด้านในของเขาแหวกจนนางเห็นร่องอกที่ทั้งใหญ่และกำยำของบุรุษหนุ่มเต็มตัว กล้ามท้องที่โผล่พ้นชายเสื้อทำเอาหัวใจของหญิงสาวเต้นรัว แม้ว่าจะเกลียดกลัวเขาเพียงใด แต่ก็รู้สึกใจเต้นแรงอย่างบอกไม่ถูก
“ดูสายตาของเจ้าสิ เหมือนว่าเจ้าจะชอบเรือนร่างของข้านะ แน่ละเพราะไม่มีสตรีคนใดปฏิเสธข้าได้”
“ออกไปนะ คนสารเลว เดรัจ…อื้อ”
ริมฝีปากอิ่มถูกครอบครองทันทีเมื่อนางเริ่มแผดเสียง แต่ค่ำคืนนี้จะไม่มีผู้ใดเข้ามารบกวนทั้งคู่ แขนที่ถูกมัดเอาไว้แน่นไม่สามารถทำอะไรได้เลย ลิ้นหนาเริ่มตวัดเปิดทางออก ปิงเยว่เริ่มหายใจไม่ออก สติของนางค่อย ๆ เลือนหายไปพร้อมกับสัมผัสที่เขารุกเข้ามา
“อื้อ…อย่านะ!”
“เสียงดังดีนี่องค์หญิง ร้องอีกทีสิ อยากรู้ว่าหากจับตรงนี้ของเจ้า…”
เขาเลื่อนไปที่หน้าอกที่เริ่มโผล่พ้นปกเสื้อออกมา ทำเอาท่านอ๋องคอแห้งเมื่อเห็นผิวขาว ๆ ดุจหิมะแรก
“หรือว่าตรงนี้”
นิ้วของเขากรีดกรายลงไปที่หน้าขาของนาง ฟ่านปิงเยว่ทั้งกลัวและตื่นเต้น เสียงของเขาปลุกเร้าอารมณ์บางอย่างของนางได้ แต่ทว่านางก็ยังกลัวเขาอยู่ดี
“ปล่อยข้า มิเช่นนั้นหากข้าหลุดไปได้ ข้าจะฆ่าตัวตาย”
“เพราะแบบนี้ข้าจึงต้องมัดเจ้าไว้อย่างไรเล่า แต่หลังจากค่ำคืนนี้ไป เกรงว่าเจ้าอาจจะเปลี่ยนใจ”
“อ๊าา!! ปล่อยนะเจ้าคนชั่ว! อย่ากัด อย่านะ ฮืออ…”
แต่ความแค้นที่ฝังแน่นในหัวใจ สตรีที่เขาเคยรักถูกข่มเหงรังแกจนนางสิ้นใจตาย แม้ว่าจะฆ่าศัตรูไปแล้วแต่มิอาจจะดับไฟแค้นในครั้งนี้ของเขาลงได้หมด ในเมื่อกล้าทำร้ายคนของฉินโจว เช่นนั้นเขาก็จะเอาคืนด้วยวิธีเดียวกัน
“ขอโทษด้วยนะองค์หญิง คงต้องโทษที่เจ้าเกิดผิดที่ไปสักหน่อย”
“อื้อ…ปล่อยนะ คนชั่ว สารเลว อ๊ะ! อื้อ”
ม่านในกระโจมโบกปลิวไปมา ไม่นานชุดของนางก็ถูกเขากระชากออกทีละชิ้นจนไม่เหลือสิ่งใดปกปิดกายเอาไว้ ปิงเยว่หลับตาลงรับความอัปยศในครั้งนี้ หมดสิ้นแล้วกับสิ่งที่นางเคยหวังเอาไว้ ทั้งงานแต่งที่ถูกเตรียมเอาไว้ กับแม่ทัพหนุ่มผู้กล้า ที่เสด็จพ่ออยากให้นางแต่งเป็นสามี
“อื้อ…ฮึก เจ็บนะ”
“อีกเดี๋ยวก็ไม่เจ็บแล้ว”
เดิมทีเขาคิดจะทรมานนาง แต่เรือนร่างบอบบางเช่นนี้จะทนความกระหายของเขาได้สักแค่ไหนกัน เพียงแค่สัมผัสริมฝีปากนุ่มนั้นเขาก็รู้ทันทีว่ามันทั้งหวานและน่ากินมากเพียงใด ลิ้นหนารุกล้ำไปยังสองเต้าคู่งามที่ยังไม่เคยมีผู้ใดแตะต้อง ยอดปทุมสีชมพูหวานตั้งชูรอปากและลิ้นเขาไปสัมผัส ร่างบางเอนแอ่นราวกับป้อนเขา
“อาา…อื้อ…ข้าเจ็บ”
“หวานยิ่งนัก เจ้ามัน…อาา”
ลิ้นที่ดูดดึงจนเกิดเสียงชวนสะท้าน ทำเอาผู้ที่ร้องไห้อยู่เมื่อครู่เริ่มหวั่นไหว นางไม่ควรเข้าร่วมและเผลอใจไปกับสัมผัสของมัจจุราชผู้นี้ แต่ทว่าเขาก็ชักชวนเก่งเหลือเกิน
“อ๊าา อื้อ…”
แผล็บ จุ๊บ…จ๊วบ
เสียงหยาบคายนั้นทำให้นางเริ่มทนไม่ไหว น้ำลายเหนียวเริ่มเปื้อนเต็มหน้าอกที่เปลือยเปล่า ความเหนียมอายที่เคยมีถูกสลัดออกไปจนสิ้น ไม่นานมือหนาก็เอื้อมมาปลดพันธนาการของนางออก และจับข้อมือเล็กนั้นมาจูบ
“ฮึก เจ็บ”
เขาไม่พูดอะไรอีก ตอนนี้ท่านอ๋องเริ่มไม่รู้แล้วว่า คนตรงหน้านี้เป็นเชลยที่เขาต้องนำมาทรมาน แต่บัดนี้เมื่อได้สัมผัสนางและเห็นน้ำตานั้น หัวใจบุรุษหนุ่มที่คั่งแค้นมานาน กลับสงบลงและรู้สึกอยากครอบครอง มากกว่าจะลงทัณฑ์
“อย่านะ! ได้โปรดอย่ามอง ฮือ….”
เขามิอาจทำตามที่นางร้องขอได้ เรียวขาสองข้างถูกเขากางออกและนิ้วสากที่จับดาบอยู่ทุกวันค่อย ๆ คลี่กลีบบางตรงหน้านั้นออกมา ไม่นานน้ำหวานก็เริ่มไหลออกมาตามร่องกลีบนั้น เขาแสยะยิ้มออกมาอย่างพอใจ
“เพียงแค่ถูกนิ้วกระตุ้นไปนิดหน่อยเจ้าก็แฉะจนเปียกขนาดนี้ ยังจะปากแข็งอีกงั้นหรือ…องค์หญิง”