ตอนที่ 1 องค์หญิงแปดแห่งต้านชิง
แคว้นฉินและแคว้นต้านชิง ยุติศึกกันมายาวนานกว่าร้อยห้าสิบปี คิดไม่ถึงว่า วันนี้จะต้องทำศึกขึ้นมาเพียงเพราะสตรีงามล่มเมืองเพียงหนึ่งเดียว บุปผาที่งดงามที่สุดของแคว้นฉิน “ท่านหญิงชุนหลันฮวา” แม้ว่าตัวนางจะไม่เคยรู้เลยว่า ตัวเองเป็นต้นเหตุของศึกใหญ่ในครั้งนี้ก็ตาม….
กองทัพแคว้นฉิน
“ชนะแล้ว!”
“พวกเราชนะแล้ว รีบไปทูลท่านอ๋องเร็วเข้า”
นายกองหน้าของกองทัพ รีบวิ่งฝ่ากองทัพที่เหลือเข้าไปหาแม่ทัพใหญ่ซึ่งนั่งอยู่ที่อาชาศึก ครั้งนี้เขาชนะกองทัพของเมืองหลานเจียงได้อีกครั้ง แต่นั่นมันยังไม่พอ
“ทูลท่านอ๋อง กองทัพข้าศึกแตกพ่าย นายกองหลี่ฆ่าแม่ทัพของพวกเขาได้แล้วพ่ะย่ะค่ะ”
“ดีมาก สั่งให้ทุกคนถอยทัพ!”
""พ่ะย่ะค่ะ""
“เฮ่อเหรินเซียว” หันอาชากลับไปยังที่ตั้งของกองทัพบนภูเขา ซึ่งนี่เป็นหนึ่งในยุทธศาสตร์การรบที่ทำให้พวกเขาเป็นต่ออีกแคว้นหนึ่ง ครั้งนี้ที่องค์ชายเจ็ดแห่งแคว้นเฉิน ตัดสินพระทัยทำศึกก็เพราะท่านหญิงชุนหลันฮวา ถูกองค์ชายรอง “ฟ่านอี้เฉิน” ของต้านชิง ซึ่งเป็นพระสวามีของนางฆ่าตาย เพียงเพราะมีเรื่องบาดหมางกับสนมในวังหลังของตัวเอง
กองทัพฉินโจว
“ท่านอ๋อง เหตุใดยังไม่ยกทัพกลับเมืองหลวงอีกพ่ะย่ะค่ะ ตอนนี้ร่างของท่านหญิงก็ถูกส่งกลับไปแล้ว ตามเงื่อนไขในการชนะศึกครั้งก่อน หรือว่า...”
“ข้ายังมิได้ฆ่าเจ้าเดรัจฉานผู้นั้น แค้นนี้คงยากที่จะหมดลงโดยง่าย”
แน่นอนว่าท่านอ๋องเจ็ด ไม่มีทางปล่อยให้คนที่ฆ่า “สตรีที่รัก” ของเขาได้รอดชีวิตไปได้ หลังจากที่ลั่นวาจาไป จากนั้นอีกสิบวันเขาก็ลงมือทำศึกด้วยตัวเอง และปลิดชีวิตองค์ชายรอง “ฟ่านอี้เฉิน” ลงได้ในเวลาไม่นาน
“เดรัจฉานเช่นเจ้าตายไปเช่นนี้ แผ่นดินคงสูงขึ้น เจ้าทำชั่วกับชุนหลินฮวาเอาไว้ กรรมนี่สมควรแล้ว”
ศีรษะขององค์ชายรองแห่งแคว้นต้านชิง ถูกตัดและเสียบไว้กลางสมรภูมิรบเป็นที่น่าสยดสยอง ซึ่งทุกคนก็คิดว่าความโหดเหี้ยมในครั้งนี้จะจบลงแล้ว แต่ทว่า….
“ท่านอ๋อง หนังสือขอยอมแพ้พ่ะย่ะค่ะ”
“ยอมแพ้งั้นหรือ หึ สู้ศึกกันมาร่วมสามเดือนพึ่งจะมายอมแพ้ในตอนนี้ มันไม่ง่ายถึงเพียงนั้นหรอก”
“แต่ว่าเรื่องนี้”
“ข้ามิได้บอกว่าจะทำศึกอีก”
“เช่นนั้น…”
“ไปอาราม “ซานไท่” เขาไท่ลี่เหอ”
“อารามงั้นหรือพ่ะย่ะค่ะ ไปเพื่ออะไรหรือพ่ะย่ะค่ะ”
“ไปรับบรรณาการเมืองต้านชิงกลับไปยังฉินโจว หากพวกเจ้าอยากจะกลับเมืองหลวงโดยเร็ว ก็อย่าได้รอช้า”
“พ่ะย่ะค่ะ”
รองแม่ทัพรีบสั่งกำลังพลที่เหลือวิ่งกลับไปทันที ส่วนพวกเขาตามเสด็จท่านอ๋องมาที่เชิงเขาทางตะวันออก ซึ่งอยู่ระหว่างสองแคว้น เมื่อท่านอ๋องเงยพระพักตร์มองขึ้นไป ก็แสยะยิ้มเหี้ยมเกรียมออกมาในทันที
“ทะ ท่านอ๋อง ที่นี่คือ…”
“ที่นี่เป็นอารามศักดิ์สิทธิ์ของแคว้นต้านชิง สตรีชั้นสูงที่พึ่งผ่านพิธีปักปิ่น หรือกำลังจะเข้าพิธีแต่งงานมักจะมาพักอยู่ที่อารามแห่งนี้เพื่อรักษา “พรหมจรรย์” ก่อนแต่งงานสามเดือน”
ทุกคนล้วนไม่เข้าใจสาเหตุที่ท่านอ๋องเสด็จมาที่นี่ แต่เขามิได้รอให้ผู้ใดถาม เทพสงครามผู้หิวเลือดและกระหายศึก ทะยานควบอาชาคู่กายขึ้นไปยังอารามโดยไม่สนใจผู้คนที่แตกตื่นอยู่บนนั้น
“กรี๊ดดดดดด!!!”
หอคอยศักดิ์สิทธิ์
เพียงแค่ยกดาบขึ้นมา ก็ไม่มีผู้ใดกล้าขวางพวกเขา แต่ท่านอ๋องไม่ได้สนใจผู้ใด
“ใครขวางทางข้า นั่นจะเป็นสิ่งสุดท้ายที่พวกเจ้าได้เห็นในชีวิตนี้”
หอคอยชั้นสูงสุดตั้งตระหง่านอยู่ด้านบน สตรีที่อยู่ในนั้นหาได้รู้ไม่ว่ากำลังจะเกิดภัยร้ายแรงที่สุดในชีวิตขึ้นกับตัวเอง นางกำลังอธิษฐานให้กับแคว้น เมื่อประตูถูกผลักออก ร่างบางก็สะดุ้งสุดตัวและหันมามองผู้มาเยือน
“ผู้ใดกัน บังอาจ…”
ฉับ!
“กรี๊ด!!!”
เพียงเสียงเดียวที่เอ่ยถาม ก็ถูกคมดาบของเขาฟันลงไปทันที สตรีในชุดสีขาวบริสุทธิ์เปื้อนเลือดจากคมดาบนั้น “ฟ่านปิงเยว่” ยังยืนนิ่งอยู่ด้านหลังม่านผ้าโปร่งซึ่งบัดนี้เปื้อนไปด้วยเลือดขององครักษ์หญิง
“นั่นใคร!”
ผู้ที่มาเยือนมิได้ตอบนาง
“ม่านนี้ช่าง… เกะกะเสียจริง”
ฟึด!
ดาบที่พาดเพียงครั้งเดียว ทำให้ผ้าม่านขาดเป็นสองท่อน เฮ่อเหรินเซียวเดินเข้าไปด้านใน ก็พบกับสตรีที่อยู่ในชุดสีขาวบริสุทธิ์ ใบหน้านางผุดผ่องราวกับหลุดออกมาจากภาพวาดของจิตรกรดัง
ริมฝีปากแดงจัดนั้นกำลังสั่น แม้ว่านางจะพยายามทำตัวให้นิ่ง สายตากลมโตจ้องมองเขา ทำเอาท่านอ๋องตกตะลึงไปกับความงามนี้ชั่วขณะ
“เจ้าก็คือ “ฟ่านปิงเยว่” องค์หญิงแปดแห่งต้านชิงสินะ”
“เหตุใดข้าต้องบอก…”
ดาบที่ยังมีกลิ่นคาวเลือดพาดมาที่ไหล่ หญิงสาวทันได้เห็นสายตาที่เต็มไปด้วยความแค้นของคนตรงหน้า นางไม่รู้จักและไม่เคยเห็นหน้าเขามาก่อน แต่ดูจากชุดเกราะที่เขาสวม ไม่ใช่คนต้านชิงอย่างแน่นอน
“เจ้าจะไม่บอกก็ได้ เพราะหลังจากนี้ข้าก็ไม่จำเป็นจะต้องให้เกียรติหรือเรียกนามโสโครกของคนต้านชิงอย่างพวกเจ้า”
“ท่านต่างหากที่โสโครก”
ปลายดาบแหลมขยับเข้าไปใกล้คอระหงอีกนิดและเริ่มบาดนาง แต่สายตาของเขายังเต็มไปด้วยความแค้นที่ยากจะดับลงได้ ซึ่งอีกฝ่ายไม่เคยรู้เลยว่ามันเกิดจากสิ่งใด
“องค์หญิง!”
“จับนางเอาไว้ อย่าพึ่งฆ่าล่ะ เอาเป็นว่าไม่ผิดตัวแน่นอน”
“ท่านต้องการอะไร บุกมาฆ่าคนเช่นนี้ อย่าบอกนะว่าต้องการจับข้าเป็นตัวประกัน”
รอยยิ้มเหี้ยมเกรียมแฝงไปด้วยความดูหมิ่นเหยียดหยาม ทำเอาฟ่านปิงเยว่รู้สึกมวนท้องจนอยากจะอาเจียน
“สิ่งที่ข้าต้องการอยู่ตรงหน้านี้แล้ว นับจากนี้ไป เจ้าก็คือ “บรรณาการ” ของข้า… ฟ่าน ปิง เยว่…”