บทที่ 1 นางเอกไม่ง้อพระเอก
“ฮึก ฮูหยินเป็นอะไรไปเจ้าคะ เหตุใดถึงได้นั่งเงียบเช่นนั้นเล่า”
เสียงร้องไห้กระซิกๆที่ดังมาจากสตรีวัยกำดัดตรงหน้าทำให้คนที่กำลังนั่งกะพริบตาปริบๆอย่างอึ้งๆรู้สึกตัว
“เธอ เอ๊ย เจ้าพูดอีกทีซิ ข้าชื่อว่าอะไรนะ”
“ฮูหยินมีนามว่าหวางเฉินซีเป็นบุตรสาวของเสนาบดีหวางปิ่งเฉวียน ยามนี้ได้แต่งเป็นฮูหยินใหญ่ของเริ่นซิงหลงกั๋วกงเจ้าค่ะ”
คำตอบของสาวใช้ทำให้ ‘ไข่มุก’ หญิงสาวจากยุคปัจจุบันที่ยามนี้วิญญาณของนางได้เข้ามาอยู่ในร่างของ 'หวางเฉินซี’ บุตรสาวเสนาบดีกรมอาญาที่ผู้คนกล่าวขานว่าเป็นหญิงงามอันดับหนึ่งของแคว้นหลิงถึงกับหงายหลังล้มตึงลงไปบนเตียงนอน มือบางยกขึ้นตีไปที่ใบหน้าของตนพร้อมใช้เล็บหยิกลงไปบนเนื้อขาวๆที่ต้นขา หมายจะให้ตนเองตื่นจากฝันร้าย แต่นอกจากนางจะไม่ตื่นแล้วยังรู้สึกเจ็บขึ้นมาเสียด้วยสิ
ไม่นึกไม่ฝันว่าจากคนที่ชอบอ่านนิยายจีนโบราณแนวทะลุมิติจะได้ทะลุมิติเข้ามาในนิยายเสียเอง
ไม่อยากจะเชื่อเลยจริงๆ!
“ฮูหยินอย่าได้ทำร้ายตัวเองเลยเจ้าค่ะ” ซูเยว่รีบปรี่เข้ามาจับมือบางอ่อนนุ่มของเจ้านายสาวเอาไว้ด้วยความห่วงใย ในขณะที่ไข่มุกยังคงนอนนิ่ง นึกเห็นใจในวาสนาของตัวเองมิใช่น้อย อุตส่าห์ได้ทะลุมิติเข้ามาในนิยายและได้รับบทนางเอกทั้งที แต่ดันมาอยู่ในนิยายที่มีตอนจบแบบไม่สมหวัง เพราะตอนจบของนางเอกนิยายเรื่องนี้จะโดนนางร้ายสังหารจนสิ้นชีพเพื่อแย่งชิงพระเอกมาเป็นของตน
ซึ่งนางร้ายในนิยายเรื่องนี้ก็คือพี่สาวต่างมารดาของนางเอกที่มีนามว่า ‘หวางฝูหรง' นางเป็นบุตรสาวที่เกิดจากฮูหยินใหญ่จากตระกูลหวาง
ตึกๆๆๆ!
เสียงฝีเท้าหนักๆดังอยู่ที่หน้าห้องทำให้ไข่มุกที่อยู่ในร่างของหวางเฉินซีและซูเยว่พร้อมใจกันหันขวับไปมอง ทว่าไม่นานประตูห้องก็ถูกผลักให้เปิดออกอย่างแรง
แอ๊ด! ปัง!
บานประตูกระแทกผนังไม้ส่งเสียงดังกึกก้องจนหวางเฉินซีถึงกับสะดุ้งโหยงขึ้นอย่างแรงด้วยความตกใจ ที่หน้าประตูเผยให้เห็นบุรุษร่างสูงผู้หนึ่งยืนอยู่ เขาผู้นี้มีใบหน้าหล่อเหลาฟ้าประทานยิ่งกว่าดาราในโทรทัศน์ที่เคยดูในยุคปัจจุบันเสียอีก
“ออกไป!” เริ่นซิงหลงหันไปไล่ซูเยว่เสียงห้วน ซูเยว่จึงหันมาสบตากับหวางเฉินซีเล็กน้อยจากนั้นจึงเดินตัวลีบออกไปจากห้องด้วยความหวาดกลัว
เริ่นซิงหลงรอจนกระทั่งประตูปิดลงจึงผินหน้าหันกลับมาประสานสายตากับสตรีร่างบางที่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นภรรยาด้วยความผิดหวัง หวางเฉินซีสังเกตเห็นสายตาที่เต็มไปด้วยความปวดร้าวของเขา นางจึงคิดว่าต้องมีเรื่องอะไรเกิดขึ้นอย่างแน่นอน
“เจ้าทำได้อย่างไรกัน นางเป็นมารดาของข้าแต่เจ้ากลับคิดร้ายต่อนาง ถึงกับมุ่งหมายเอาชีวิตผลักนางให้ตกน้ำ!” ท้ายประโยคเขากระชากเสียงหนักขึ้นพร้อมกับยื่นมือหนามาจับไหล่บางเอาไว้พลางบีบอย่างแรงจนหวางเฉินซีนิ่วหน้าด้วยความเจ็บ
'จำได้แล้ว! เหตุการณ์นี้นางเคยอ่านในนิยายมาก่อน นางเอกหวางเฉินซีไม่ได้ทำร้ายซิ่วฮูหยิน แต่โดนมารดาของพระเอกใส่ร้ายต่างหาก'
“ข้าไม่ได้ทำเสียหน่อย ฮูหยินผู้เฒ่าต่างหากที่แกล้งกระโดดน้ำลงไปเอง” หญิงสาวแย้งขึ้นด้วยความไม่พอใจ
“เจ้ากล้าใส่ร้ายท่านแม่ของข้าหรือ!” มือหนาบีบไหล่บางแน่นขึ้นตามแรงอารมณ์
‘ทนไม่ไหวแล้ว!' หญิงสาวรวบรวมแรงผลักคนตัวโตออก
“ท่านจะมาขอหย่ากับข้าใช่หรือไม่ เช่นนั้นก็อย่าพูดมาก รีบส่งหนังสือหย่ามาเสียที” หญิงสาวมองคนตรงหน้าพลางเหยียดยิ้มหยัน พระเอกผู้นี้โง่งมและหูเบาเกินไป หากอิงตามเหตุการณ์ในนิยาย หวางเฉินซีนั้นไม่ยอมหย่า นางจะคุกเข่าอ้อนวอนขอร้องให้เขาเห็นใจ แต่สำหรับหวางเฉินซีคนใหม่นี้ไม่ยอมทำเช่นนั้นอย่างแน่นอน หย่าให้จบๆไปก็ดีเหมือนกัน นางเองก็ไม่อยากทนอยู่กับบุรุษหูเบาอย่างเริ่นซิงหลงหรอก
อีกทั้งที่จวนสกุลเริ่นแห่งนี้ยังเต็มไปด้วยผู้คนน่ารังเกียจ ซิ่วฮูหยินไม่ได้เห็นด้วยกับการแต่งงานของเริ่นซิงหลงและหวางเฉินซีมาตั้งแต่แรก เพราะรังเกียจที่นางเอกเป็นเพียงบุตรสาวที่เกิดจากอนุ ซิ่วฮูหยินนั้นนิยมชมชอบหวางฝูหรงมากกว่า นางจึงทำทุกอย่างเพื่อหาทางขับไล่หวางเฉินซีออกไปจากจวน
“…!” เริ่นซิงหลงนิ่งไปเล็กน้อย ไม่คิดว่าจะโดนหวางเฉินซีขอหย่าจากเขาเสียเอง แต่กระนั้นก็ยอมยื่นส่งหนังสือหย่ามาให้นาง
มือบางหยิบพู่กันจุ่มหมึกขึ้นมา มองแผ่นกระดาษที่มีชื่อของเริ่นซิงหลงถูกเขียนไว้อยู่ก่อนแล้ว จากนั้นจึงตวัดปลายพู่กันลงบนกระดาษเป็นชื่อของตน และยื่นส่งคืนให้กับเขา
“ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปข้ากับเจ้าไม่ใช่สามีภรรยากันอีกต่อไป” กล่าวจบร่างสูงก็หมุนกายเดินออกไปจากประตู ไม่นานซูเยว่ก็รีบวิ่งเข้ามาถามไถ่เจ้านายสาวด้วยความห่วงใย
“ซูเยว่เก็บข้าวของเถอะ จะได้กลับจวนสกุลหวางเสียที”
“เกิดอะไรขึ้นหรือเจ้าคะฮูหยิน” ซูเยว่ถามด้วยความสงสัย
“ข้ากับเริ่นกั๋วกงหย่าขาดจากกันแล้ว”
“ว่าอย่างไรนะเจ้าคะ!” สาวใช้วัยกำดัดได้ยินเช่นนั้นถึงกับอ้าปากค้างด้วยความตกใจอย่างสุดขีด ก่อนที่ความตกใจจะเลือนหายไปเหลือเพียงแค่ความห่วงใยมาแทนที่
“ฮูหยินจะไม่เสียใจหรือเจ้าคะ”
คำถามของสาวใช้คนสนิททำให้หวางเฉินซีเปล่งเสียงหัวเราะออกมาด้วยความขบขัน ในขณะที่ซูเยว่เอียงคอมองนางด้วยความแปลกใจ ฮูหยินรักกั๋วกงมากมิใช่หรือ นอกจากจะไม่มีน้ำตาให้เห็น นางยังเปล่งเสียงหัวเราะออกมาราวกับกำลังขบขันเสียเต็มประดา
“ไม่เสียใจหรอก เจ้าเลิกเรียกข้าว่าฮูหยินได้แล้ว ต่อจากนี้ไปข้าจะเป็นเพียงคุณหนูหวางเฉินซีเท่านั้น” ปากบางคลี่ยิ้มออกจากกันอย่างมีความสุข ในเมื่อการแต่งงานที่เกิดขึ้น นอกจากเริ่นซิงหลงกับนางแล้วก็ไม่มีผู้ใดเห็นด้วยมาตั้งแต่แรก แม้กระทั่งในวันแต่งงานยังไม่ทันที่พระเอกกับนางเอกจะได้เข้าหอ ซิ่วฮูหยินยังแกล้งทำเป็นล้มป่วยให้บุตรชายไปเฝ้าไข้ตลอดทั้งคืน รุ่งสางของวันต่อมา เริ่นซิงหลงก็ต้องเดินทางออกไปราชการที่ต่างเมือง ผ่านไปราวสามเดือนถึงได้กลับมา ซึ่งผู้ที่อยู่เบื้องหลังแผนการนั้นก็คือซิ่วฮูหยินมารดาของพ่อพระเอกเองนั่นแหละ
หากแต่เริ่นซิงหลงไม่ได้รับรู้เลยแม้แต่น้อยว่ามารดาของตนนั้นร้ายกาจมากเพียงใด ครั้นเมื่อกลับมาถึงจวนยังไม่ทันจะข้ามวัน ซิ่วฮูหยินก็แกล้งทำเป็นจัดฉากใส่ร้ายว่าหวางเฉินซีผลักนางตกสระบัว ฝ่ายพระเอกก็หูเบาเชื่อในสิ่งที่มารดากล่าวหาภรรยาจนทะเลาะเบาะแว้งกันใหญ่โต
“ซูเยว่ ข้ากับเริ่นกั๋วกงยังไม่เคยร่วมเตียงกันใช่หรือไม่”
คำถามของหวางเฉินซีทำให้ซูเยว่ถึงกับหน้าแดงก่ำ ก่อนที่นางจะส่ายศีรษะไปมาเบาๆ
“ไม่เคยเจ้าค่ะ”
หวางเฉินซีถอนหายใจออกมาเบาๆด้วยความโล่งใจ ถึงแม้จะพอรู้คำตอบอยู่บ้างแต่ก็อยากถามให้แน่ใจอีกหน การหย่าขาดจากเริ่นกั๋วกงทำให้นางไร้พันธะใดๆ จากนี้จะกลับไปใช้ชีวิตของตนอย่างสบายใจเสียที
“ฮูหยิน เอ่อ คุณหนูเจ้าขา หากท่านพ่อของคุณหนูทราบจะไม่เป็นอะไรจริงๆหรือเจ้าคะ” สีหน้าของซูเยว่บอกถึงความไม่มั่นใจเท่าใดนัก หวางเฉินซีเห็นเช่นนั้นจึงส่ายหน้าไปมา
“ถึงท่านพ่อจะไม่ยินดี แต่ฮูหยินใหญ่กับหวางฝูหรงต้องยินดีอย่างแน่นอน หากเจ้าไม่เชื่อก็คอยดูเถิด” มุมปากบางกระตุกยิ้มเบาๆ เรื่องราวเหตุการณ์ที่ทำให้ชีวิตคู่ของพระเอกเริ่นกั๋วกงและนางเอกหวางเฉินซีสั่นคลอนนั้น ไม่ได้เกิดจากฝีมือของซิ่วฮูหยินเพียงคนเดียวหรอก นางร่วมมือกับสองแม่ลูกนั่นต่างหาก
หลังจากเก็บข้าวของเสร็จเรียบร้อยแล้ว หวางเฉินซีและซูเยว่ก็เดินตรงมายังรถม้าที่จอดรออยู่หน้าประตูจวนสกุลเริ่น หญิงสาวเดินขึ้นบันไดขึ้นไปบนรถม้าหากยังไม่ทันจะได้เข้าไปในประตูก็รู้สึกเหมือนว่ามีสายตาของใครบางคนกำลังจับจ้องมองมายังนางอยู่
หญิงสาวเงยหน้าขึ้นไปมองยังริมระเบียงไม้ แลเห็นร่างสูงของใครบางคนยืนอยู่ เริ่นซิงหลงมองร่างบางที่ยืนอยู่ข้างรถม้าด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความเจ็บปวดใจ ทว่าความโกรธที่คิดว่านางทำร้ายมารดาของเขาก็ทำให้ต้องตัดใจหมุนกายหันกลับไปในประตูหอนอน
เมื่อเห็นเช่นนั้นหวางเฉินซีจึงถอนสายตาออกและเดินเข้าไปนั่งข้างในรถม้าพร้อมกับซูเยว่ รถม้าคันใหญ่เคลื่อนตัวออกไปจากประตูจวนสกุลเริ่นพร้อมๆกับความสัมพันธ์ฉันท์สามีภรรยาของพระนางขาดสะบั้นลง
รถม้าคันใหญ่เคลื่อนผ่านตลาดใจกลางเมืองหลวง ก่อนจะผ่านไปยังทางออกนอกเมือง หวางเฉินซีเปิดม่านออกรับลม อากาศในวันนี้ดียิ่งนัก ทว่าในระหว่างที่กำลังชมวิวทิวทัศน์อันงดงามราวกับภาพวาดอยู่นั้น ดวงตาคู่งามไปสะดุดอยู่ที่เรือนเล็กหลังหนึ่งเข้าเสียก่อน
“บ่าวได้ยินมาว่าเรือนหลังนั้นติดประกาศให้คนเช่ามานานแล้ว แต่เพราะอยู่ไกลจากตัวเมืองทำให้ไม่มีคนมาเช่าเสียทีเจ้าค่ะ” ซูเยว่เห็นสายตาของเจ้านายจึงอธิบายให้นางฟัง
“บอกคนบังคับม้าให้หยุดรถ ข้าอยากลงไปดูเสียหน่อย”
คนบังคับม้าหยุดรถตามคำสั่ง ร่างบางของหวางเฉินซีจึงก้าวลงจากรถม้า หญิงสาวยกมือขึ้นกอดอกมองเรือนไม้หลังเล็กอย่างพิจารณา ไม่นานจึงตัดสินใจได้
“ซูเยว่ไปติดต่อเจ้าของเรือนหลังนี้ทีว่าข้าต้องการจะเช่าที่นี่”
“คุณหนูจะเช่าที่นี่ไปทำไมหรือเจ้าคะ”
“เผื่อมีเหตุจำเป็นต้องใช้มัน” หลังจากที่นั่งคิดไตร่ตรองมาตลอดทาง หวางเฉินซีคิดว่าที่จวนสกุลหวางไม่ใช่ที่ๆปลอดภัยของนาง ที่นั่นน่ากลัวไม่ต่างจากจวนสกุลหลาง โดยเฉพาะกับหวางฝูหรง ขึ้นชื่อว่านางร้ายนิสัยย่อมเต็มไปด้วยความอิจฉาริษยาอยู่มาก อย่างน้อยหากทนอยู่ที่จวนสกุลหวางไม่ได้ ก็ยังมีที่ให้พักพิง
