บท
ตั้งค่า

บทที่ 2 มีคนรักก็มีคนชัง

ฉู่หรูเสว่ยกมือขึ้นโดยไม่รู้ตัว และพยายามรวบรวมสติฝืนยิ้มออกมา : “น้องหญิง เจ้าฟื้นแล้ว”

ฉู่หวูโยวเหลือบมองฉู่หรูเสว่ด้วยสายตาเย็นชา จากนั้นจึงหลับตาลง เพื่อหลบซ่อนความตกตะลึงที่ปรากฏขึ้นในแววตา

นี่เธออยู่ที่ไหนกันแน่ ? เธอจำได้ว่า เธอรีบเดินทางไปโรงพยาบาลเพื่อทำการผ่าตัดฉุกเฉินให้คนไข้รายหนึ่ง จากนั้นก็ประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์

แต่นี่มันเกิดอะไรขึ้น ? เธอมองเห็นอย่างชัดเจนว่าผู้หญิงคนเมื่อครู่แต่งกายด้วยเสื้อผ้าสมัยโบราณ

รถที่เธอนั่งอยู่ในตอนนี้ ก็ไม่ใช่ยานพาหนะในยุคปัจจุบันอย่างแน่นอน

เมื่อครู่ เธอถูกปลุกให้ตื่นขึ้นมาด้วยเจตนาฆ่าที่รุนแรง ผู้หญิงคนนั้นเรียกเธอว่าน้องหญิง แต่กลับต้องการจะสังหารเธอ

ทันใดนั้นเอง ก็ตระหนักได้ว่าร่างกายนี้ไม่ใช่ความรู้สึกที่คุ้นเคย อีกทั้งในสมองของเธอ ก็ดูเหมือนจะมีอีกความทรงจำหนึ่งอยู่ด้วย

หรือว่า ? หรือว่าเธอเดินทางข้ามกาลเวลาอย่างน่าประหลาดเสียแล้ว

ฉู่หวูโยวตกตะลึงไป ถูกความคิดที่ปั่นป่วนอยู่ในสมองของตนเองทำให้ตกตะลึงโดยสมบูรณ์

ทว่าตอนนี้ ฉู่หวูโยวกลับรู้สึกถึงเจตนาฆ่าที่รุนแรงขึ้นมาอย่างกะทันหันอีกครั้ง

ฉู่หรูเสว่เห็นนางหลับตาลงไปอีกครั้ง จึงบังเกิดเจตนาฆ่าขึ้นมาอีก อย่างไรเสีย โอกาสเช่นนี้ก็นับว่าหาได้ยากยิ่ง

“คิดจะฆ่าข้าหรือ ?” แต่ทว่า ครั้งนี้มือของฉู่หรูเสว่ยังไม่ทันจะสัมผัสถูกฉู่หวูโยว ก็มีเสียงที่เย็นชาราวกับดังขึ้นมาจากในนรก ดังขึ้นอย่างกะทันหัน

ฉู่หรูเสว่รู้สึกสั่นสะท้านในทันที ราวกับตกลงไปในถ้ำน้ำแข็งนับพันปี ให้ความรู้สึกเย็นยะเยือกตั้งแต่หัวจรดเท้า

ฉู่หรูเสว่รวบรวมสติ เมื่อเห็นว่าฉู่หวูโยวยังคงหลับตาอยู่ จึงเหลือบมองไปที่ผ้าม่าน ผ่านไปครู่หนึ่ง ฉู่หรูเสว่ก็คิดว่าเมื่อครู่ตนเองคงหูฝาดไป

ฉู่หรูเสว่กำมือแน่น แววตาเผยประกายของความอำมหิตออกมา ครั้งนี้นางไม่อยากลังเลอีกแล้ว จึงยื่นมือออกไปอุดปากของฉู่หวูโยวอย่างรวดเร็ว

“อย่างเจ้า คิดว่าจะฆ่าข้าได้อย่างนั้นหรือ ?” ฉู่หวูโยวลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง ลำแสงอันดุดันพุ่งตรงออกมา แววตาแหลมคมคู่นั้น ราวกับจะสามารถแทงทะลุตัวคนได้

มือของฉู่หรูเสว่สั่นเทา ผ้าเช็ดหน้าที่อยู่ในมือเกือบหล่นลงไปบนพื้น

แววตาของฉู่หวูโยวทิ่มแทงไปที่ตัวนาง ทำให้นางรู้สึกหวาดกลัวโดยสัญชาตญาณอย่างคาดไม่ถึง

แต่ไหนแต่ไรมา คนที่นางเกรงกลัวมีเพียงแค่คนเดียวเท่านั้น นั่นก็คือ ผู้ชายที่นางยอมทุ่มเททุกสิ่งทุกอย่างให้ แต่กลับไม่เคยหันมองนางเลยสักครั้ง แต่ตอนนี้นางกลับเกรงกลัวหญิงปัญญาอ่อนผู้นี้อย่างคาดไม่ถึง ช่างน่าขำจริง ๆ

ปัญญาอ่อน ? ฉู่หรูเสว่ชะงักไป หญิงปัญญาอ่อนคนนี้ไม่ปัญญาอ่อนอีกต่อไปแล้ว การตระหนักรู้เช่นนี้ทำให้จิตใจของฉู่หรูเสว่ดำดิ่งในทันที ทำไมจู่ ๆ ถึงหายเป็นปกติเสียแล้ว ?

หากฉู่หวูโยวไม่ปัญญาอ่อนอีกต่อไป เช่นนั้นก็ยิ่งปล่อยเอาไว้ไม่ได้เด็ดขาด

อย่างไรเสีย ตอนนี้ฉู่หวูโยวก็ได้รับบาดเจ็บอยู่ จึงไม่มีเรี่ยวแรงที่จะตอบโต้อย่างแน่นอน

เพียงแต่รัศมีอันน่าสะพรึงกลัวที่แผ่ซ่านออกมาจากตัวของฉู่หวูโยวในตอนนี้ ทำให้ฉู่หรูเสว่รู้สึกลังเลและหวาดกลัวเล็กน้อย

ฉู่หวูโยวเผยรอยยิ้มที่มุมปากออกมาเล็กน้อย ริมฝีปากแดงระเรื่อเริ่มขยับอีกครั้ง : “เจ้าจะลองลงมือดูก็ได้นะ แล้วคอยดูว่าคนที่ต้องตายจะเป็นใคร ?”

ฉู่หวูโยวกำลังยิ้มเบา ๆ อยู่แท้ ๆ แต่เห็นแล้วกลับทำให้เกิดความรู้สึกแข็งทื่อตั้งแต่หัวจรดเท้า

นางหัวเราะออกมาเบา ๆ แต่กลับฟังดูเหมือนเสียงเรียกหมายเอาชีวิต ที่ดังขึ้นมาจากในนรก

ฉู่หรูเสว่ตัวแข็งทื่อไปโดยสมบูรณ์ มือที่ลอยอยู่กลางอากาศ เกิดอาการลังเลและสั่นเทาเล็กน้อย

กำลังรับมือกับ ความเย็นชา ความอำมหิต ความเงียบสงบ ความตื่นตระหนก

จู่ ๆ รถม้าก็หยุดลง ฉู่หรูเสว่ตกตะลึงและรีบวางมือลงในทันที นางรีบเก็บซ่อนความรู้สึกที่ปรากฏอยู่บนใบหน้าในทันใด และในขณะเดียวกัน ก็เผยรอยยิ้มออกมาบนใบหน้าในทันที : “น้องหญิงไม่เป็นอะไรข้าก็วางใจแล้ว เมื่อครู่ข้าเพียงแค่อยากจะตรวจสอบดูเท่านั้น”

ฉู่หวูโยวหัวเราะเยาะ เปลี่ยนสีหน้าได้รวดเร็วจริง ๆ หากไม่ไปแสดงละครก็คงน่าเสียดาย !

ฉู่หวูโยวเองก็แอบรู้สึกโล่งใจ การตอบสนองของผู้หญิงคนนี้ทำให้นางรู้ว่า ตอนนี้นางปลอดภัยแล้ว

เมื่อครู่ช่างน่าตื่นเต้นจริง ๆ

หากผู้หญิงคนนี้ลงมือขึ้นมาจริง ๆ นางคงไม่มีแรงตอบโต้เลยแม้แต่น้อย เพราะตอนนี้นางรู้สึกเจ็บปวดไปทั้งตัว ไม่มีเรี่ยวแรงหลงเหลืออยู่เลยสักนิด

ผ้าม่านรถถูกเปิดขึ้นอย่างรวดเร็ว สาวใช้ที่ดูสดใสและกระตือรือร้นปรากฏตัวขึ้นมา เมื่อเห็นสภาพของฉู่หวูโยว สาวใช้ก็อดไม่ได้ที่จะอุทานออกมาด้วยความตกใจ : “นายหญิง นี่มันเกิดอะไรขึ้นเจ้าคะ ?”

เห็นได้ชัดว่า น้ำเสียงที่เรียกขานนายหญิงด้วยความร้อนใจ กำลังเรียกฉู่หวูโยวอยู่ และน้ำเสียงนั้งเอง ก็ตั้งคำถามกับฉู่หรูเสว่อย่างเย็นชาในทันทีเช่นกัน

“เมื่อครู่ทะเลาะกับคุณหนูเฟิงที่จวนไป๋ จึงถูกองค์ชายไป๋ผลักเข้าโดยไม่ได้ตั้งใจ จึงได้รับบาดเจ็บ” ฉู่หรูเสว่อธิบายเบา ๆ แสดงสีหน้ารู้สึกผิดและกังวลใจ แสดงได้แนบเนียนอย่างยิ่ง

ฉู่หวูโยวแอบหัวเราะเยาะ ผลักโดยไม่ได้ตั้งใจอย่างนั้นหรือ นี่ขนาดผลักโดยไม่ได้ตั้งใจยังมสภาพเช่นนี้ อีกทั้งยังหมายเอาชีวิตเจ้าของร่างนี้อีกด้วย

ผู้หญิงคนนี้คงคิดว่า “นาง” คนก่อน สติไม่สมประกอบจนไม่รู้อะไรเลยสักนิดอย่างนั้นหรือ ? ตอนนี้ในสมองของนาง ยังมีความทรงจำของเจ้าของร่างเดิมนี้อยู่อีกส่วนหนึ่ง

เรื่องที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ ก็ยังคงหลงเหลือความทรงจำอยู่ในสมอง บางที “นาง” คนก่อน อาจไม่สามารถแยกแยะดีชั่วได้ แต่นางในตอนนี้ สามารถแยกแยะได้ชัดเจนยิ่งกว่าใคร ๆ

สาวใช้เหลือบมองฉู่หรูเสว่หนึ่งครั้ง จากนั้นจึงอุ้มฉู่หวูโยวขึ้นมา แล้วก้าวลงจากรถม้าเบา ๆ และตะโกนขึ้นอย่างร้อนใจว่า : “เร็วเข้า รีบไปเชิญหมอหลวงของฮองไทเฮามาเร็ว”

“ไม่ต้องหรอก ข้าไม่เป็นไร พักผ่อนเดี๋ยวเดียวก็หายแล้ว” ฉู่หวูโยวขมวดคิ้ว นางเป็นหมอ สภาพของร่างกายนี้ในตอนนี้ นางรู้ดีอย่างยิ่ง อันที่จริงไม่ได้รับบาดเจ็บสาหัส เพียงแค่ต้องการการพักผ่อนอย่างเต็มที่เท่านั้น”

ในความทรงจำ ฮองไทเฮาทรงเอ็นดู “นาง” เป็นอย่างยิ่ง หากปล่อยให้ฮองไทเฮาทรงรู้เรื่องเข้า นางคงไม่ได้พักผ่อนอย่างเป็นสุข อีกทั้งคงถูกหมอหลวงตรวจพบความผิดปกติเข้า”

“นาย นายหญิง ท่าน ท่านสามารถพูดประโยคที่สมบูรณ์ได้ยาวขนาดนี้เลยหรือเจ้าค่ะ” ชิงจั๋วที่กำลังอุ้มฉู่หวูโยวอยู่ผงะไปอย่างเห็นได้ชัด และชะงักฝีเท้าลง

ชิงจั๋วจ้องมองฉู่หวูโยวด้วยสีหน้าตกตะลึง แววตาทั้งสองข้างปรากฏความประหลาดใจที่ไม่คาดคิดขึ้นมา

“คุณหนู ท่านหายจากอาการปัญญาอ่อนแล้ว” ตงเอ๋อร์ที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ตะโกนขึ้นอย่างตรงไปรงมา ทันทีที่โพล่งออกมาแล้ว ก็นึกขึ้นได้ว่าตนเองใช้คำพูดไม่เหมาะสม จึงหันมองชิงจั๋วด้วยความกลัว แล้วค่อย ๆ ก้มหน้าลง

“ไม่ปัญญาอ่อนแล้ว เมื่อครู่ล้มลง คงกระแทกถูกหัวเข้า คิดไม่ถึงว่าจะกระแทกจนหายเป็นปกติแล้ว” ฉู่หวูโยวกลับหัวเราะขึ้นเบา ๆ อย่างไม่ถือสา

“จริงหรือเจ้าคะ คุณหนูหายดีแล้วจริง ๆ หรือ ดีมาก ดีจริง ๆ เลย” ตงเอ๋อร์เงยหน้าขึ้น และโห่ร้องออกมาด้วยความยินดี บรรดาสาวใช้อีกหลายคนที่ยืนอยู่ข้าง ๆ นาง ต่างก็แสดงสีหน้าดีใจออกมา

“ใช่แล้ว ดีจริง ๆ เลย” แววตาของชิงจั๋วแฝงไปด้วยความรู้สึกตื่นเต้น คุณหนูหายเป็นปกติแล้ว ก็จะไม่ถูกใครรังแกอีกต่อไป

ถึงแม้ไทเฮาจะทรงมีรับสั่งให้นางมาคอยดูแลคุณหนู แต่เพื่อพบหน้าองค์ชายไป๋ คุณหนูจึงมักออกไปพร้อมกับคุณหนูรองอยู่บ่อย ๆ และไม่ยอมให้พวกนางติดตามไป และทุกครั้งก็มักจะถูกรังแกอย่างโหดร้าย

มือของฉู่หรูเสว่กำแน่นขึ้น แน่นขึ้น อยู่ภายใต้แขนเสื้อที่ปกคลุมอยู่ จากนั้นก็คลายมือลง แล้วแสร้งแสดงสีหน้ายินดีพลางพูดว่า : “ยินดีกับน้องหญิงด้วย นับว่าเป็นความโชคร้ายที่แปรเปลี่ยนเป็นความโชคดีจริง ๆ”

แววตาของชิงจั๋วเป็นประกายเล็กน้อย แต่ไม่ได้สนใจฉู่หรูเสว่ ทว่า กลับอุ้มฉู่หวูโยวขึ้นมา แล้วเดินตรงเข้าไปในจวนเจ้าพระยา

“เกิดอะไรขึ้น ? เด็กคนนั้นไม่ปัญญาอ่อนแล้วจริงหรือ” ฮูหยินใหญ่ที่คิดจะตามออกมาดูเรื่องสนุก พูดขึ้นเบา ๆ อย่างไม่อยากเชื่อ

“เจ้าค่ะ ไม่ปัญญาอ่อนแล้ว” ฉู่หรูเสว่กัดฟันกรอด ในแววตาปรากฏรัศมีของความร้ายกาจออกมา ไม่รู้ว่ากำลังคิดแผนชั่วอะไรอยู่

ฮูหยินใหญ่แววตาเป็นประกายขึ้นมาเล็กน้อย ทำไมจู่ ๆ จึงหายจากอาการปัญญาอ่อนได้นะ ? หรือว่ายาหมดฤทธิ์แล้ว ? !

ไม่ได้ นางต้องรีบแจ้งให้คนในวังผู้นั้นทราบโดยด่วน !

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel