น้องนางชายาบ๊องป่วนนคร

1.0M · จบแล้ว
อล่าม
869
บท
855.0K
ยอดวิว
9.0
การให้คะแนน

บทย่อ

การทะลุมิติคราหนึ่ง ดันกลายเป็นยัยบ๊องที่ผู้คนต่างดูถูกเหยียดหยาม คู่หมั้นก็ยังเป็นผู้ชายเฮงซวยอีกซะงั้น! ฉู่หวูโยวแสดงท่าที ช่างมันประไร มาดูซิว่าใครแน่กว่าใคร! ฉะนั้นนางก็เลยลุกขึ้นสู้สิคะ จัดการผู้ชายห่วยแตก ปราบเรียบนังเสแสร้ง ต่อมา องค์ชายเจ็ดผู้สูงศักดิ์เหนือใคร ถูกฮ่องเต้พระราชทานให้อภิเษกสมรสกับนาง นางผู้รักความอิสระนั้น ก็ต้องหนีน่ะสิจ๊ะ! ณวันอภิเษกฯ ในเกี้ยวเจ้าสาวไม่เห็นแม้แต่เงาเจ้าสาว เห็นเพียงแผ่นกระดาษหนึ่งใบ เห็นตัวอักษรที่มีชีวาของนาง องค์ชายเจ็ดยิ้ม เขาอุตส่าห์วางแผนป้องกันหลายตลบ สุดท้ายก็หนีไปได้ซะงั้น ดี มันดีจริงๆ!เขาจะดูซิว่านางจะหนีไปไหนได้?!

นิยายจีนโบราณนิยายย้อนยุคพระชายาท่านอ๋องนางเอกเก่ง

บทที่ 1 เกิดใหม่

“ยัยบ๊อง ยัยขี้เหร่ ไสหัวไปให้พ้นนะ เจ้ามันเป็นหญิงแพศยา เป็นสิ่งที่น่ารังเกียจ พี่เฉินเห็นเจ้าก็รู้สึกสะอิดสะเอียนแล้ว พี่เฉินไม่มีทางแต่งงานกับเจ้าเด็ดขาด มีเพียงข้าเท่านั้นที่คู่ควรจะเป็นเจ้าสาวของพี่เฉิน”

มองดูฉู่หวูโยวที่อยู่ตรงหน้า เฟิงหยูหลันก็จงใจให้คำพูดหยาบคายในการต่อว่าด่าทอนาง

เดิมที่ฉู่หวูโยวก็เป็นคนสติไม่ดีอยู่แล้ว จึงไม่มีความสามารถในการควบคุมตนเองมากนัก จึงถูกเฟิงหยูหลันยั่วยุให้เกิดความโมโหได้สำเร็จ และการแสดงสัญชาตญาณของคนออกมาเวลาโกรธ ก็คือการโจมตีแบบดั้งเดิม

“ยัยบ๊องทำร้ายคนแล้ว” เฟิงหยูหลันจงใจตะโกนออกมาเสียงดังด้วยความหวาดกลัว แต่ใบหน้ากลับเต็มไปด้วยความภาคภูมิใจ ที่ทำตามแผนร้ายได้สำเร็จ

ฉู่หวูโยวมีไทเฮาคอยปกป้องอยู่ จึงไม่อาจรังแกนางอย่างเปิดเผยได้ แต่ตอนนี้ฉู่หวูโยวเป็นคนลงมือทำร้ายนางก่อน ไม่ว่าพวกนางจะทำอะไรกับฉู่หวูโยว ก็นับว่าฉู่หวูโยวเป็นฝ่ายผิดก่อน

เมื่อก่อนล้วนเป็นเช่นนี้ทุกครั้ง และทุกครั้งพวกนางก็รังแกฉู่หวูโยวเจียนตาย มีอยู่ครั้งหนึ่งที่เกือบทำให้ฉู่หวูโยวถึงแก่ชีวิต แต่สุดท้ายก็จบลงอย่างค้างคา

อย่างไรเสียฉู่หวูโยวก็เป็นคนปัญญาอ่อน จึงไม่อาจอธิบายได้อย่างชัดเจนว่าใครรังแกนาง และไม่มีใครเชื่อในสิ่งที่นางพูด

เฟิงหยูหลันยิ่งคิดก็ยิ่งได้ใจ ยั่วโมโหคนปัญญาอ่อนสนุกที่สุดแล้ว

คนอื่น ๆ ล้วนมองว่าเป็นเรื่องปกติ ต่างหันมองฉู่หวูโยวด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้ม รอดูเรื่องสนุก รอดูท่าทางอัปลักษณ์ของฉู่หวูโยว

แต่นางคงไม่เคยได้ยินประโยคที่ว่า ธรรมชาติย่อมเคลื่อนโคจรไป ทำอะไรไว้ย่อมต้องรับผลกรรม !

ชายหนุ่มหลายคนที่ยืนอยู่ไม่ไกลนักต่างได้ยินเสียง จึงรีบวิ่งตรงเข้ามาอย่างรวดเร็ว

“พี่เฉิน ข้ากลัว กลัวมากเลย” เมื่อเฟิงหยูหลันเห็นไป๋อี้เฉินก็แอบยิ้มย่องในใจ และแสร้งทำเป็นตื่นตระหนกหวาดกลัว แล้วเข้าไปสวมกอดไป๋อี้เฉิน

ไป๋อี้เฉินหันมองฉู่หวูโยวด้วยความโมโห และแฝงไปด้วยความรังเกียจ : “ฉู่หวูโยว เจ้าเสียสติไปแล้วหรือ ข้าจะบอกเจ้าให้นะ ข้า ไป๋อี้เฉิน ไม่มีทางแต่งงานกับหญิงเสียสติอย่างเจ้าเด็ดขาด วันนี้ข้าจะขอตัดไฟเสียตั้งแต่ต้นลม ข้าจะเขียนหนังสือปฏิเสธการแต่งงานเดี๋ยวนี้”

เขาไม่อาจทนรับหญิงเสียสติคนนี้ได้อีกต่อไป ต่อให้ไทเฮาทรงคุ้มครองนางอยู่ แต่ครั้งนี้เขาจะต้องยกเลิกการแต่งงานให้ได้

“ข้าจะไปหยิบกระดาษและพู่กันมาให้” ไป๋ยี่หยูรีบวิ่งไปหยิบกระดาษและพู่กันมาอย่างรวดเร็ว

เฟิงหยูหลันที่พิงตัวอยู่ในอ้อมแขนของไป๋อี้เฉิน ยิ้มออกมาด้วยความสะใจ

เห็นได้ชัดว่าฉู่หวูโยวเป็นคนปัญญาอ่อน แม้กระทั่งคำพูดประโยคเดียวก็ยากจะพูดให้สมบูรณ์ได้ แสดงให้เห็นว่าสติไม่สมประกอบ

แต่ความรู้สึกที่มีต่อไป๋อี้เฉินนั้น กลับไม่ได้ด้อยตามสติปัญญา มีใจวาดหวังจะแต่งงานกับไป๋อี้เฉินมาตลอด ทันทีที่มีโอกาสก็จะบากหน้าเข้าไปคลอเคลียไป๋อี้เฉิน

อีกทั้งหญิงปัญญาอ่อนผู้นี้ก็ได้รับความโปรดปรานจากไทเฮา การแต่งงานในครั้งนี้ ไทเฮาจึงเป็นผู้ขอพระราชทานพระอนุญาตจากฮ่องเต้

ก่อนหน้านี้ ไป๋อี้เฉินทำได้เพียงแค่อดทนกับความไม่พอใจต่าง ๆ นานา

แต่ตอนนี้ เห็นทีการแต่งงานนี้คงต้องยกเลิกแล้ว !

กระดาษและพู่กันถูกนำมาถึงอย่างรวดเร็ว ไป๋อี้เฉินจรดพู่กันลงไป ไม่ช้าก็เขียนหนังสือปฏิเสธการแต่งงานเสร็จ และโยนลงตรงหน้าฉู่หวูโยวอย่างแรง

ฉู่หวูโยวรู้สึกตกตะลึง ใบหน้าที่ดูโง่เขลาค่อย ๆ เจือปนไปด้วยความโศกเศร้า นางหันมองเฟิงหยูหลันที่อยู่ในอ้อมแขนไป๋อี้เฉิน แล้วจู่ ๆ ก็พุ่งเข้าหาเหมือนคนเสียสติ

ไป๋อี้เฉินผงะ แล้วรีบยื่นมือออกไปปัดฉู่หวูโยวที่กำลังพุ่งตรงเข้ามาหา

เดิมทีไป๋อี้เฉินเองก็เป็นคนฝึกวรยุทธ์ เมื่อการปัดมือในครั้งนี้ไม่มีการควบคุมพลังเลยสักนิด ทำให้ฉู่หวูโยวกระเด็นออกไปไกลหลายเมตรอย่างรุนแรง

ฉู่หรูเสว่ที่นั่งอยู่ในศาลาหลังเล็กมาตลอด แอบยิ้มกริ่มอยู่ในใจก่อน จากนั้นจึงวิ่งตรงเข้ามาหาด้วยสีหน้าตื่นตระหนก แล้วเขย่าตัวฉู่หวูโยว : “หวูโยว หวูโยว......”

แต่คนที่นอนอยู่บนพื้นกลับนิ่งสนิท

“นาง นางคงยังไม่ตายหรอกใช่ไหม ?” น้ำเสียงของเฟิงหยูหลันแฝงไปด้วยความกังวล แต่ในแววตากลับแฝงไปด้วยความตื่นเต้นดีใจ

หากฉู่หวูโยวตายไปละก็ ไป๋อี้เฉินก็จะแต่งงานกับนางได้แล้ว

“ตายเสียได้ก็ดี” ไป๋อี้เฉินเหลือบมองฉู่หวูโยวอย่างไม่แยแส

หากฉู่หวูโยวตายไป เขาก็ไม่ต้องแต่งงานกับคนปัญญาอ่อน ถึงแม้เขาจะเป็นคนผลักนางล้มไป แต่มันก็เป็นเพียงแค่อุบัติเหตุเท่านั้น

ต่อให้ไทเฮาทรงสืบสาวราวเรื่อง ด้วยอิทธิพลที่ตระกูลของเขามีอยู่นั้น ก็คงไม่มีทางทำอะไรเข้าได้อย่างแน่นอน

เมื่อชั่งน้ำหนักดูแล้ว เขาก็หวังว่าฉู่หวูโยวจะตายไปจริง ๆ

เฟิงหลิงหยุนยืนนิ่งไม่ขยับ และสังเกตการณ์ด้วยสายตาเย็นชา เขาเป็นหมอหลวงที่อยู่ในวัง มีทักษะการแพทย์ที่ยอดเยี่ยม แต่ตอนนี้เขากลับเลือกที่จะมองดูคนตายโดยไม่ช่วยเหลือ

เขารู้ดีว่าน้องสาวชอบพอไป๋อี้เฉิน มีเพียงฉู่หวูโยวตายไปเท่านั้น น้องสาวของเขาจึงจะมีโอกาส

ฉู่หรูเสว่แววตาเป็นประกายเล็กน้อย แล้วพูดขึ้นด้วยท่าทีที่ดูเหมือนจะรีบร้อน : “ยังมีลมหายใจอยู่ ข้าจะรีบพานางกลับไปก่อน แล้วตามหมอมาดูอาการนาง”

ทุกคนต่างรู้ดีว่า ตรงนี้มีหมอหลวงที่เพียบพร้อมยืนอยู่ทั้งคน และทุกคนต่างก็รู้ดีว่า การเคลื่อนไหวฉู่หวูโยวในสตอนนี้ จะไม่เป็นผลดีกับฉู่หวูโยวเลยสักนิด

แต่กลับไม่มีใครขัดขวางฉู่หรูเสว่สักคน

หลังจากขึ้นรถม้าแล้ว สีหน้าของฉู่หรูเสว่ก็ดูไม่ตื่นตระหนกอย่างเช่นเมื่อครู่อีก แต่กลับแสดงออกถึงความเลือดเย็นและไร้ความปรานี

นางโยนฉู่หวูโยวลงข้าง ๆ และปล่อยให้ฉู่หวูโยวกระแทกตัวไปตามจังหวะของรถม้า

แววตาอันลึกซึ้งของฉู่หรูเสว่ เผยให้เห็นความผิดหวังออกมาเล็กน้อย วันนี้เป็นอีกครั้งที่นางไม่มีโอกาสได้พบกับองค์ชายเจ็ด

หลายปีมานี้ นางทำอะไรเพื่อองค์ชายเจ็ดมากมายนัก แต่ในสายตาขององค์ชายเจ็ด กลับยังคงไม่มีนาง และไม่เคยเป็นฝ่ายเข้ามาพูดคุยกับนางสักคำ

ตอนที่นางลืมตาดูโลก ได้ยินว่าปรากฏสายรุ้งขึ้นเหนือจวนฉู่ มีนกนับร้อยมารวมตัวกันขับขานบทเพลง

มีนักบวชเต๋ารูปหนึ่งกล่าวว่า มีดาวตกจากฟากฟ้า ผู้หญิงคนนี้ ในอนาคตจะต้องได้ขึ้นครองตำแหน่งฮองเฮาอย่างแน่นอน หากได้ครอบครองผู้หญิงคนนี้ ก็เท่ากับได้ครอบครองทั้งแผ่นดิน

ด้วยใบหน้าอันงดงามที่นางมี ด้วยพรสวรรค์อันโดดเด่นของนาง ความฉลาดที่อยู่เหนือผู้อื่น ด้วยร่างกายของนางที่มีรัศมีของดาวตกสาดส่อง แต่กลับยังไม่อาจทำให้ผู้ชายคนนั้น มอบความอ่อนโยนให้ได้เลยแม้แต่น้อย

แต่ว่า หลายปีมานี้ ก็ยังไม่เคยเห็นหญิงอื่นปรากฏตัวขึ้นข้างกายเขา อีกทั้งอย่างน้อย เขาเองก็ยังไม่เคยปฏิเสธนาง

ไม่แน่ว่า ในใจของเขาอาจมีเพียงแผ่นดิน หากเป็นเช่นนั้น นางต้องได้เป็นพระชายาของเขาอย่างแน่นอน

นางไม่สนใจในตัวหญิงสาว ไม่แน่ว่านี่อาจนับเป็นโชคดีอย่างหนึ่ง นางได้แต่ปลอบใจตนเองเช่นนี้

ทว่า วันเดียวกับที่มีการเกิดในจวนฉู่ กลับไม่ได้มีเพียงแค่นางคนเดียวเท่านั้น นางหันสายตาไปมองใบหน้าที่มอมแมมของฉู่หวูโยวอย่างรวดเร็ว

ถึงแม้ตอนนี้ฉู่หวูโยวจะทั้งอัปลักษณ์และปัญญาอ่อน แต่หากฉู่หวูโยวยังมีชีวิตอยู่ ก็นับว่าเป็นภัย

ฉู่หรูเสว่ค่อย ๆ ยื่นนิ้วมือเข้าไปอังตรงจมูกของฉู่หวูโยว เมื่อสัมผัสได้ว่ายังมีลมหายใจอยู่ แววตาทั้งสองข้างก็หมองหม่นลงทันที

นางคิดว่าเมื่อถูกฝ่ามือนั้นของไป๋อี้เฉินเข้า ประกอบกับการกระแทกขึ้นลงในรถม้า ฉู่หวูโยวคงต้องตายอย่างรวดเร็วแน่นอน กลับคิดไม่ถึงว่าฉู่หวูโยวจะยังมีลมหายใจอยู่

หากกลับไปถึงบ้าน ตามหมอมา แล้วช่วยฉู่หวูโยวให้รอดชีวิตได้เล่า ?

ฉู่หรูเสว่หรี่ตาทั้งสองข้างลงเล็กน้อย ประกายของความอำมหิตปรากฏขึ้น นางหยิบผ้าเช็ดหน้าที่อยู่ในมือขึ้นมา แล้วกดลงไปที่จมูกของฉู่หวูโยว

อย่างไรเสีย การตายของฉู่หวูโยวในครั้งนี้ก็มีคนแบกรับ ขอเพียงโยนความผิดทุกอย่างไปที่ไป๋อี้เฉินก็พอแล้ว

ตอนนี้นางลงมือโดยไม่มีใครล่วงรู้ !

ทว่า มือของฉู่หรูเสว่ยังไม่ทันออกแรง คนที่เดิมทีนอนนิ่งไม่ไหวติ่ง จู่ ๆ กลับลืมตาขึ้นมา......

แววตาทั้งสองข้างนั้นจับจ้องมาที่ฉู่หรูเสว่ เป็นแววตาที่ดูเย็นชาจนน่ากลัว ทำให้ผู้พบเห้นต้องรู้สึกสั่นสะท้าน ! !