1 กลับบ้าน...ก็หิวแล้ว
ตอนที่ 1
กลับบ้าน...ก็หิวแล้ว
แสงแดดสีทองยามบ่ายคล้อยสาดลอดกิ่งไม้ใหญ่ที่แกว่งไกวเหนือรั้วไม้เก่าผุพัง เงาไม้ทอดตัวระยิบระยับบนพื้นดิน เสียงจักจั่นระงมก้องไปทั่วท้องทุ่งเขียวขจี กลิ่นไอฝุ่นจาง ๆ จากถนนลูกรังยังคงลอยแตะปลายจมูก สูดดมเข้าไปแล้วรู้สึกคุ้นเคยอย่างประหลาด ไม่เปลี่ยนแปลงไปเลยแม้แต่น้อย... แต่สิ่งที่แปรเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิงคือ หัวใจของนิดหน่อยที่บัดนี้อ่อนล้าและเจ็บปวดระคนกับความรู้สึกว่างเปล่า เธอหนีออกมาจากเมืองหลวงอันวุ่นวาย หนีจากความทรงจำอันขมขื่น ทิ้งทุกสิ่งทุกอย่างไว้เบื้องหลังอย่างไม่มีศักดิ์ศรี
“แม่... หนูขออยู่บ้านยาว ๆ เลยนะ อย่าเพิ่งให้ใครรู้ว่าหนูมานะ ขอสงบใจก่อน...”
เสียงของเธอนั้นแหบพร่า ราวกับเพิ่งผ่านการร่ำไห้มาอย่างยาวนาน ขณะที่ค่อย ๆ วางกระเป๋าเดินทางลงบนพื้นไม้กระดานของบ้านหลังเดิมที่เธอเคยวิ่งเล่นหัวเราะร่าเมื่อครั้งยังเป็นเด็กน้อย
หญิงสาวไม่อยากให้ใครรู้ความจริงอันน่าเจ็บปวดนี้... ความจริงที่ว่าเธอ ถูกทิ้ง ก่อนวันแต่งงานเพียงแค่สามเดือน
ถูกหักหลังอย่างสาหัสโดยผู้ชายที่เคยพร่ำบอกว่ารักเธอสุดหัวใจ แต่กลับแอบไปมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับเพื่อนเจ้าสาวของเธอเอง มันเป็นความเจ็บปวดที่ฝังลึกลงไปในจิตใจ ราวกับมีดที่กรีดแทงไม่หยุดหย่อน และที่สำคัญที่สุดคือมันหิว
หิวจนแสบไส้ หิวทั้งกายและใจ หิวในแบบที่เธอไม่กล้าปริปากบอกใครตรง ๆ เธอเดินออกมาหยุดยืนหน้าบ้าน สายตาทอดมองไปตามถนนดินแดงที่ทอดยาวไปจนถึงรั้วบ้านข้าง ๆ
ที่นั่นบ้านของแม่สมรเพื่อนบ้านผู้แสนดีที่สนิทสนมกันมาเนิ่นนาน และลูกชายของเธอที่เคยเรียกเธอว่าพี่นิดไม่เคยเว้นแม้สักครั้งเดียว
ตอนนี้ นิดหน่อยอายุยี่สิบเก้าปีเต็ม เธอแต่งตัวสบาย ๆ ด้วยเสื้อยืดรัดรูปสีอ่อนที่เผยให้เห็นสัดส่วนโค้งเว้า กับกางเกงผ้าขาสั้นสีซีดที่ดูผ่อนคลาย ผมยาวสลวยถูกปล่อยทิ้งตัวอย่างลวก ๆ ใบหน้าไร้เครื่องสำอางเผยผิวพรรณเนียนใสที่ได้รับการดูแลเป็นอย่างดี ยิ่งเมื่อแสงแดดอัสดงสาดส่องลงมา ก็ยิ่งขับเน้นทรวดทรงของหญิงสาวให้โดดเด่นสะดุดตา
และแล้ว... สายตาของเธอก็หยุดนิ่งราวกับถูกตรึงไว้กับที่
ตรงนั้น... หลังรั้วไม้เตี้ย ๆ หน้าบ้านแม่สมร เสียงน้ำจากสายยางดังพรู ๆ เป็นจังหวะสม่ำเสมอ ละอองน้ำเล็ก ๆ เปล่งประกายระยิบระยับเมื่อกระทบกับแสงสีส้มอ่อนของพระอาทิตย์ยามเย็น และ เจ้าของสายยางคนนั้น...
เขา... เปลือยท่อนบน ผิวสีแทนเข้มระเรื่อรับกับแสงอาทิตย์อ่อน ๆ หยาดเหงื่อซึมเป็นประกายตามแผ่นอกกว้าง กล้ามอกแน่นนูนเป็นลอนสวยงาม รับกับกางเกงวอร์มสีเทาที่เปียกชื้นเล็กน้อยจนแนบเนื้อ เผยให้เห็นต้นขาที่แข็งแรง เส้นเอ็นที่พาดข้างลำคอเด่นชัดบ่งบอกถึงความแข็งแกร่ง ส่วนสูงของเขาอยู่ในระดับที่เอากระจกบานใหญ่ก็ยังไม่พอจะมองหมด มันเป็นความสูงที่ดูสง่างามและน่าเกรงขาม และที่สำคัญที่สุด... แววตาของเขาที่เหล่มองมาอย่างรู้ทัน
น้องต้น...ไม่ใช่เด็กผู้ชายหน้าจืดเมื่อหลายปีก่อนอีกต่อไปแล้ว แต่เป็นหนุ่มเต็มตัวในวัยยี่สิบเอ็ดปี ที่ราวกับหลุดออกมาจากปกนิยายรักโรแมนติกที่เธอเคยอ่าน
“พี่นิด... กลับมาแล้วเหรอครับ” เสียงทุ้มนุ่มต่ำเอ่ยทักทายผ่านรอยยิ้มมุมปากที่ดูเจ้าเล่ห์เล็กน้อย
“อ๊ะ... ใช่ ต้น... ต้นเหรอ โตขึ้นเยอะเลยนะ” นิดหน่อยรีบส่งยิ้มกลบเกลื่อนความตื่นเต้น ทั้งที่หัวใจของเธอเต้นระรัวราวกับกลองศึก เธอไม่อยากยอมรับ... แต่ก็ต้องยอม สายตาของเธอ... มันเผลอไถลลากไล้ไปตามแนวกล้ามท้องแน่นเปรี๊ยะนั้น หยดน้ำที่ไหลจากซอกคอผ่านแผงอกลงไปถึงขอบกางเกงวอร์มที่เปียกปอนนั่น...
‘เวรแล้ว... ฉันหิว... หิวมากกว่าข้าวเย็นที่แม่จะทำให้อีก’
“จะมองอีกนานมั้ยครับ... หรือจะเดินข้ามรั้วมาช่วยผมอาบน้ำเลย” เขาถามพร้อมยกคิ้ว ยิ้มแกล้งอย่างคนที่รู้ทันไปเสียทุกอย่าง
“ไอ้บ้านี่” เธออุทานออกมาอย่างเขินอาย แต่ใบหน้ากลับแดงก่ำไปถึงใบหู ก่อนจะรีบหันหลังเดินหนีเข้าบ้าน ปิดประตูรั้วไม้เสียงดัง ปึง! ราวกับต้องการตัดขาดจากภาพตรงหน้าแต่ถึงแม้จะปิดประตูไปแล้ว...ภาพร่างเปียกชุ่มของน้องชายข้างบ้านคนนั้นก็ยังคงวนเวียนอยู่ในหัว โดยเฉพาะกล้ามแขนที่ดูแข็งแรงราวกับจะโอบกอดเธอได้ทั้งตัว... กับเสียงแหบต่ำที่พูดว่า “พี่นิด... ผมโตแล้วนะครับ”
ร่างกายเธอขนลุกซู่ไปทั้งตัว ใจเต้นไม่เป็นจังหวะ และความหิว ที่เธอพูดกับแม่ตอนบ่าย มันกลับกลายเป็นความหิวอีกแบบที่โหยหา... โหยหาอย่างรุนแรง... จนแทบจะเปิดประตูรั้วออกไป ‘ชิม’ ต้นเดี๋ยวนั้นเลย
