อยู่ดี ๆ เรื่องก็มาหา 1.1
บทที่ 3
อยู่ดี ๆ เรื่องก็มาหา
ขณะที่ทั้งสามคนกำลังพูดคุยกันอยู่นั้น โจวเม่ยเม่ยก็เดินเข้ามาในบ้านหลี่พอดี เมื่อเห็นว่าหลี่ชิงเหยาฟื้นแล้ว ใบหน้าก็ชะงักค้างเล็กน้อย แต่เพียงเสี้ยววินาทีเท่านั้นก็กลับมาเป็นปกติ
แต่แม้จะมีเวลาเพียงเสี้ยววินาที หลี่ชิงเหยาก็เห็นใบหน้าที่ประหลาดใจของอีกฝ่ายพอดี จึงแสยะยิ้มมุมปากพร้อมกับคิดในใจ ‘คงจะมาเล่นละครอะไรอีกล่ะสิ คราวนี้สนุกแน่เพราะฉันจะเล่นกับเธอด้วย’
“ชิงเหยา เธอฟื้นแล้วเหรอ ฉันดีใจจังเลย” ใบหน้าของโจวเม่ยเม่ยยังคงยิ้มแย้มในตอนที่ถามไถ่ บ่งบอกให้เห็นว่าเธอนั้นดีใจที่เพื่อนฟื้นแล้ว
“อืม ฉันเพิ่งฟื้นน่ะ ว่าแต่เธอมีอะไรหรือเปล่าถึงได้มาหาฉัน” น้ำเสียงที่หญิงสาวถามออกไปนั้นราบเรียบและเย็นชาสิ้นดี คล้ายกับไม่อยากจะเสวนากับเพื่อนคนนี้สักเท่าไร
“ฉันมาเพราะเป็นห่วงเธอน่ะสิ ดีแค่ไหนแล้วที่พี่หลี่เหวินช่วยเธอเอาไว้ทัน ไม่อย่างนั้นแล้ว...” เธอพูดออกมายังไม่จบประโยคก็ต้องหยุดลง เพราะหลี่ชิงเหยาพูดแทรกขึ้นมา
“ไม่อย่างนั้นแล้ว พรานป่าท้ายหมู่บ้านคงจะมาช่วยฉันไว้ แล้วชาวบ้านก็มาเห็นว่าฉันอยู่กับเขาในสภาพไม่เรียบร้อย จนฉันต้องแต่งงานกับเขาใช่ไหม”หญิงสาวพูดสวนกลับอย่างรู้ทันอีกฝ่าย
นั่นทำให้โจวเม่ยเม่ยใบหน้าแข็งค้างทันที เพราะเธอไม่คิดว่าหลี่ชิงเหยาจะรู้ทัน เรื่องที่เธอวางแผนไว้
หลี่ชิงเหยามองอีกฝ่ายชะงักค้างก็แสยะยิ้มออกมาแล้วพูดขึ้นอีกครั้งว่า “อ้อ..แล้วเรื่องของอี้หยางตง เธอไม่ต้องมากลัวว่าฉันจะชอบเขาหรอกนะ ฉันบอกตอนนี้เลยว่าฉันไม่ได้ชอบอี้หยางตงแล้ว เธอสามารถสานสัมพันธ์กับเขาได้ตามสบายเลย”
สิ้นคำพูดของเธอ นอกจากโจวเม่ยเม่ยจะตกใจแล้ว แม่และย่าของหญิงสาวก็ยังหันมาสบตากันด้วยความแปลกใจ เนื่องจากก่อนหน้านี้มีใครไม่รู้บ้างว่า หลี่ชิงเหยาได้ตกหลุมรักอี้หยางตงมากแค่ไหน
“นี่หลานพูดจริงใช่ไหมชิงเหยา ที่บอกว่าไม่ได้ชอบลูกชายของบ้านอี้แล้ว” ย่าหลี่ถามหลานสาวด้วยรอยยิ้ม ในใจของนางนั้นยินดีอย่างมากที่หลานไม่ชอบอี้หยางตงอีกแล้ว
“ค่ะย่า ฉันพูดจริง ฉันไม่ได้ชอบผู้ชายคนนั้นอีกแล้ว ฉันคิดงว่าเอาเวลาที่คอยไล่ตามผู้ชายแบบนั้น ไปทำมาหากินอย่างอื่นดีกว่า” หลี่ชิงเหยาตอบกลับไปด้วยรอยยิ้ม น้ำเสียงของเธอนั้นช่างหนักแน่นเสียเหลือเกิน คำพูดที่พูดออกมานั้นไม่มีแววล้อเล่นเลยแม้แต่น้อย
“ดีแล้วล่ะลูก ผู้ชายแบบนั้นไม่เหมาะกับลูกสาวของแม่หรอก แม่ดีใจนะที่ลูกฟื้นขึ้นมาแล้วมีสติดีกว่าเมื่อก่อน หมดเคราะห์หมดโศกเสียทีนะชิงเหยา” ฟางเหนียงพูดไปก็ลูบศีรษะลูกสาวไปอย่างรักใคร่ แววตาของเธอแสดงความรู้สึกดีใจอย่างห้ามไม่อยู่
โจวเม่ยเม่ยเมื่อเห็นท่าทีเด็ดขาดของหลี่ชิงเหยา แม้จะมีความแปลกใจเล็กน้อย แต่ก็อดดีใจไม่ได้ เนื่องจากต่อจากนี้เธอไม่ต้องมีคู่แข่งหัวใจอีกแล้ว
“ถ้าอย่างนั้นเธอก็พักผ่อนเถอะ ฉันไม่รบกวนเธอแล้วล่ะ วันหลังฉันจะมาเยี่ยมใหม่นะชิงเหยา ไปล่ะ” พูดจบเธอก็หมุนตัวกลับออกมาจากบ้านหลี่ทันที
“เอ๊ะ จะกลับไปง่าย ๆ ได้ยังไงกัน ยังไม่ชำระความกันเลยนะ กลับมาก่อน” ย่าหลี่เห็นอย่างนั้นก็รีบพูดขึ้นมา พร้อมกับโบกมือเรียกอีกฝ่ายให้กลับมา
“ปล่อยเธอไปเถอะค่ะย่า ฉันไม่อยากเสวนาอะไรกับเธออีกแล้ว” หลี่ชิงเหยาพูดขึ้นมากับย่าของตน “ฉันขอไปเดินเล่นแถวนี้หน่อยนะคะ อยากให้สมองโล่งมากกว่านี้สักหน่อย”
ไม่ใช่ว่าเธออยากไปเดินเล่นเพียงอย่างเดียว แต่อยากไปดูสภาพแวดล้อมของหมู่บ้านนี้ด้วย บรรยากาศสงบและร่มรื่นของชนบทแบบนี้ เธอไม่เคยได้สัมผัสมากสักเท่าไร เนื่องจากชาติก่อนเธออยู่แต่ในสังคมของคนเมืองใหญ่
“ให้แม่กับย่าไปเป็นเพื่อนไหม” ฟางเหนียงถามขึ้นมา เพราะเห็นว่าลูกสาวเพิ่งจะหายป่วย เลยอยากจะเดินไปด้วย เธอกลัวว่าลูกสาวจะหน้ามืดในระหว่างเดินเล่น
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะแม่ ตอนนี้ฉันหายดีแล้วจริง ๆ ฉันขอออกไปสูดอากาศสักเล็กน้อย แล้วจะรีบกลับมานะคะ”
พูดจบก็ไม่รอช้า เธอรีบก้าวเท้ายาว ๆ เดินออกมาจากบ้านทันที
