บท
ตั้งค่า

หลี่ชิงเหยาเปลี่ยนไปแล้ว 1.1

บทที่ 4

หลี่ชิงเหยาเปลี่ยนไปแล้ว

หลี่เหวินหลังจากที่ถูกย่าไล่ให้ออกมาจากบ้าน เขาจึงตัดสินใจเข้าเมืองเพื่อมาหางานทำ เลยพบกับหยางเฟยหลงที่มาหางานทำเหมือนกัน ทั้งสองพบกันที่ตลาดมืดของเมือง

“วันนี้มีงานเยอะไหมครับพี่เฟยหลง” หลี่เหวินทักทายออกไปอย่างเป็นกันเอง ทั้งสองอยู่หมู่บ้านเดียวกัน จึงมีความสนิทสนมกันมากกว่าคนขายแรงงานคนอื่น

“วันนี้พอมีคนมาจ้างบ้าง อย่างที่รู้นั่นแหละ เดี๋ยวนี้หางานได้น้อยกว่าเมื่อก่อนมาก” หยางเฟยหลงตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงเหนื่อยใจเล็กน้อย เพราะถ้างานมีน้อยก็เท่ากับว่ารายได้ก็น้อยตามไปด้วย

ตั้งแต่การค้าเปิดเสรี ก็ทำให้คนมาซื้อของในตลาดมืดน้อยลง แต่ตลาดมืดก็ยังเป็นความต้องการของคนหลายกลุ่มที่ยังมาหาซื้อของ เนื่องจากบางอย่างยังจำกัดปริมาณการซื้อขาย นั่นเอง และของบางอย่างก็ยังห้ามขายอย่างเสรีอยู่ แต่ที่นี่ยังมีสินค้าต้องห้ามพวกนั้นขายอยู่

“แล้ววันนี้ทำไมเพิ่งมาล่ะ” เมื่อชายหนุ่มเห็นว่าหลี่เหวินเพิ่งมาเลยแปลกใจจึงถามขึ้นมา เพราะทุกครั้งทั้งสองจะมาพร้อมกัน และมีบางครั้งที่มาคนละเวลา แต่ไม่เคยมาสายขนาดนี้

“ที่บ้านเกิดเรื่องนิดหน่อยน่ะ” หลี่เหวินไม่อยากพูดอะไรมากจึงตอบไปเพียงแต่นั้น เขาไม่อยากให้ใครรู้เรื่องที่เกิดขึ้นกับน้องสาวสักเท่าไร เพราะยังไม่รู้ว่าเวลานี้น้องสาวนั้นได้เปลี่ยนไปแล้ว

เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายไม่อยากพูดอะไร ชายหนุ่มเลยไม่เซ้าซี้อีก จากนั้นทั้งสองคนจึงนั่งรอเวลาให้มีคนมาจ้างขนของ และไม่นานก็มีคนมาจ้างให้ไปขนเหล็ก ซึ่งเจ้านี้ต้องการคนงานหลายคน จึงทำให้หลี่เหวินและหยางเฟยหลงมีงานด้วยกัน

ทั้งสองคนตั้งใจทำงานอย่างจริงจัง ไม่ว่างานหนักหรือเหนื่อยแค่ไหน ทั้งสองก็รับทำทุกอย่าง ขอแค่ให้ได้เงินมาก็พอแล้ว

ตอนนี้ย่าหลี่กำลังนั่งครุ่นคิดถึงความเปลี่ยนไปของหลานสาวหลังจากฟื้นขึ้นมา ‘ก่อนหน้านี้หลี่ชิงเหยานั้นหลงรักอี้หยางตงหัวปักหัวปำไม่ใช่ แต่ทำไมวันนี้ถึงกล้าประกาศว่าไม่ได้สนใจหรือหลงรักลูกชายบ้านอี้อีกแล้วล่ะ’

ความสงสัยนี้ทำให้หญิงชราทำหน้านิ่วคิ้วขมวด จนลูกสะใภ้อย่างฟางเหนียงอดที่จะถามอย่างห่วงใยไม่ได้

“แม่เป็นอะไรหรือเปล่าคะ หรือมีเรื่องอะไรให้หนักใจ ทำไมหน้านิ่วคิ้วขมวดอย่างนั้นละคะ”

“ฉันสงสัยน่ะ ว่าการฟื้นจากจมน้ำ ทำให้คนเราเปลี่ยนไปได้ด้วยเหรอ” ย่าหลี่ถามออกมาอย่างสงสัย

“ถ้าแม่หมายถึงชิงเหยาล่ะก็ จากที่เห็นอาการและท่าทางของลูกแล้ว ฉันคิดว่าเป็นไปได้ค่ะ คนเราเกือบตายหรือตายไปแล้วฟื้นคืนมา ย่อมต้องคิดอะไรได้บ้างล่ะแม่ แต่ชิงเหยายอมตัดขายกับลูกชายบ้านอี้แบบนั้นก็ดีแล้ว ฉันชอบนะที่ชิงเหยามีความเด็ดขาดแล้วไม่โวยวายเหมือนก่อนที่จะจมน้ำ” ฟางเหนียงพูดขึ้นมาอย่างที่เธอคิด เธอดีใจมากที่ลูกสาวมีความเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีแบบนี้ โดยที่ไม่รู้เลยว่าหลี่ชิงเหยาคนนี้ไม่ใช่ลูกสาวตัวเอง แต่เป็นดารานางร้ายที่ทะลุมิติเข้ามาในนิยายเล่มนี้

“ชิงเหยาเปลี่ยนไปในทางที่ดีฉันก็ดีใจ กลัวว่าจะเป็นแป๊บเดียวนะสิ” ย่าหลี่พูดจบก็ถอนหายใจออกมา ก่อนจะพูดขึ้นมาอีกว่า ฉันกลัวว่าชิงเหยาจะกลับมาเป็นคนเดิมในเวลาอีกไม่นาน หากเป็นอย่างนั้นฉันคงเศร้าใจไม่น้อย เนื่องจากฉันไม่ชอบลูกชายจากบ้านอี้ นอกจากหน้าตาที่หล่อเหลา อย่างอื่นก็ไม่มีอะไรดีเลยสักอย่าง งานการก็ไม่ค่อยอยากจะทำ มีข่าวกับหญิงสาวต่างหมู่บ้านก็ไม่น้อย อีกทั้งบ้านอี้ก็ไม่ถูกใจฉันสักเท่าไร เลยไม่อยากให้หลานสาวไปเกี่ยวข้องด้วย” น้ำเสียงที่นางพูดออกมานั้นดูเหน็ดเหนื่อยหัวใจเหลือเกิน

“เราคงต้องดูต่อไปค่ะแม่ ฉันว่าคราวนี้ชิงเหยาอาจจะเปลี่ยนไปแล้วจริง ๆ” ฟางเหนียงพูดขึ้นมาเพื่อให้กำลังใจตนเองและแม่สามี

ฟางเหนียงเองก็ไม่สนใจว่าลูกเขยของเธอจะจนหรือรวย เพราะบ้านหลี่ก็ไม่ได้รวยแต่แค่พอมีพอกินเหมือนกัน สามีของเธอยังคงทำงานในทุ่ง ลูกชายยังคงไปหางานในตลาดมืดทำ แต่หากเทียบกับบ้านอี้แล้ว บ้านนั้นคงมีความเป็นอยู่ที่ดีกว่า

หญิงต่างวัยทั้งสองคนเมื่อพูดคุยกันในเรื่องนี้ก็ได้แต่ถอนหายใจออกมาอย่างกังวลใจ

ส่วนหลี่ชิงเหยาเก็บผักไปก็คิดทบทวนความจริงจำไปด้วย เท่าที่เธอจำได้ ตัวประกอบอย่างหยางเฟยหลง มีการเขียนถึงเพียงไม่กี่ฉากก็ตาย เพราะเขาไปมีปัญหากับนักเลงขาใหญ่ของกลุ่มใต้ดิน ส่วนมีเรื่องอะไรนั้นเธอก็ไม่แน่ใจ เนื่องจากอ่านนิยายเรื่องนี้ยังไม่จบนั่นเอง ‘ยิ่งคิดยิ่งหงุดหงิด ทำไมฉันไม่ตั้งใจอ่านให้จบๆ ไปนะ จะได้ไม่ต้องมานั่งเดาเนื้อเรื่องต่อเอาเองแบบนี้’ เธอคิดอะไรไม่ออกก็หงุดหงิดตัวเองอยู่ในใจ

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel