10. ขัดขวาง
“พี่ดาว!”
ณเพชร ตกใจ เขากำลังพยายามที่จะเปิดลิ้นชักแต่มันถูกใส่กุญแจเอาไว้ เขามั่นใจว่างานของวัชรมน ที่เซฟไว้จะต้องถูกเก็บไว้ที่ลิ้นชักนั้น
“นั่นไง..กำลังค้นข้าวของน้องน้ำอยู่ พี่ขอสั่งให้คุณเพชรกลับออกไปค่ะ”
แสงดาว แสดงอำนาจผู้ดูแลบ้านที่ได้รับมอบหมายจากเจ้าของบ้านตัวจริง
“พี่ดาวมีสิทธิ์อะไรที่จะห้ามผมครับ ในเมื่อคนที่อยู่บ้านนี้ เขาอนุญาตผมเรียบร้อยแล้ว” ณเพชร ทำเสียงเข้ม
“แต่พี่ได้รับคำสั่งจากคุณครูนุ้ยเจ้าของบ้านตัวจริง เป็นคนสั่งห้ามคนแปลกหน้ามาขนสิ่งของในบ้านหลังนี้ค่ะ”
แสงดาว เชิดหน้าบอกอย่างภูมิใจ ยิ่งหล่อนรู้ว่าณเพชรเคยไถเงินวัชรมน และยังแอบไปมีผู้หญิงอื่นอีกด้วย หล่อนก็อยากจะปกป้องผลประโยชน์ให้กับวัชรมัย
“ผมไม่ใช่คนแปลกหน้าพี่ดาวก็รู้ ผมเป็นแฟนกับน้ำตอนที่น้ำยังอยู่ ผมก็เข้าออกที่นี่บ่อย ๆ พี่ดาวก็เห็น”
“แต่ตอนนี้ไม่มีน้องน้ำอยู่ที่นี่แล้ว คุณก็ไม่มีสิทธิ์มาเข้าออกบ้านนี้ถ้าคุณยังไม่ออกไป พี่ก็จะโทรไปบอกคุณครูนุ้ย”
แสงดาวขู่ แต่ก็ได้ผลณเพชรเดินออกมาจากบริเวณโต๊ะทำงาน
“เรื่องแค่นี้ทำไมจะต้องโทรไปบอกครูนุ้ยด้วย แค่ผมมาดูห้องที่น้ำเคยอยู่เท่านั้นเอง ไม่ได้มาขนของอะไรอย่างที่พี่ดาวว่าสักหน่อย”
ณเพชร หงุดหงิดเขาเดินอย่างหัวเสียออกมาด้านนอก
“ก็ดีค่ะที่ไม่มีข้าวของติดมือไป แค่แวะมาดูด้วยความคิดถึงน้องน้ำไม่เป็นไรค่ะ แต่หวังว่าต่อไปคงจะไม่มาอีกนะคะ” แสงดาว ทำเสียงขึงขัง
“ผมไม่คิดว่าพี่ดาวจะเป็นคนแบบนี้ไปได้ ถ้าน้ำยังอยู่เขาคงไม่ชอบใจที่ให้คนอื่นมาจุ้นจ้านในบ้านนี้”
ณเพชร พูดกระทบแสงดาวก่อนจะหุนหันเดินออกไปทันทีโดยไม่พูดกับภูริชที่ยืนมองอยู่
“ต้องขอโทษด้วยนะคะน้องไอซ์ ที่มาทำเสียงเอะอะที่นี่”
แสงดาว หันมายิ้มให้กับภูริช
“ไม่เป็นไรครับ ความจริงผมเป็นคนอนุญาตให้เขาเข้ามาดูห้องเองครับเห็นว่าเขาคิดถึงแฟน”
“ไม่รู้จะคิดถึงจริงหรือเปล่า น้องไอซ์ อย่าเพิ่งไปเชื่อเลยค่ะ”
“ก็เขาเป็นแฟนกับคนชื่อน้ำ ที่เป็นเจ้าของบ้านนี้ไม่ใช่หรือครับ” ภูริช ถามด้วยความอยากรู้
“ก็ใช่ค่ะ แต่คุณเพชรก็ทำให้น้องน้ำไม่ค่อยมีความสุขหรอกค่ะ พี่สาวของน้องน้ำ ถึงไม่อยากให้เขาเข้ามาที่นี่ไงคะ ต่อไปก็ไม่ต้องให้เขาเข้ามาอีกนะคะ พี่ได้รับคำสั่งจากคุณครู
ให้มาบอกน้องไอซ์ค่ะ”
แสงดาว อ้างถึงเจ้าของบ้านตัวจริงทำให้ภูริช รับปาก
“เมื่อคืนนี้หลับสบายไหมคะกับบ้านหลังนี้”
แสงดาว เปลี่ยนเรื่องถาม ทำให้ภูริช รู้สึกแปลกใจกับคำถามอยู่บ้าง เขารู้สึกว่าเจอกันวันก่อนโน้น แสงดาว ก็ถามเขาลักษณะนี้
“พอดีเมื่อคืนไม่ได้กลับน่ะครับ..เออผมต้องขอโทษด้วยนะครับ พอดีผมจะต้องทำงานต่อนิดหน่อยน่ะครับ”
ภูริช กล่าวไล่ทางอ้อมด้วยความสุภาพ ทำให้แสงดาวไม่กล้าอยู่ต่อ
.........
เสียงร้องไห้ของผู้หญิงดังแว่วเข้ามา เสียงนั้นดังอยู่ไม่ไกลจากเตียงที่ภูริชนอนหลับอยู่ ทว่าความรู้สึกของเขามันก้ำกึ่งระหว่างความฝันกับความจริง เขาพยายามที่จะรวบรวมสติที่จะลืมตาเพื่อหาต้นเสียงว่าอยู่ที่ใดกันแน่ แต่เปลือกตาของเขากลับหนักอึ้งเหมือนมีคนมากดตาเขาไว้ทั้งสองข้าง
“เสียงใครร้องไห้”
เขาถามขึ้นแต่เสียงนั้นมันก้องอยู่ในหูของเขาเพียงคนเดียว เขาไม่แน่ใจด้วยซ้ำว่าปากของเขาได้ขยับหรือไม่ เขานึกถึงอาการที่ตัวเองเป็นอยู่มันมีลักษณะคล้ายกับถูกผีอำ เมื่อครั้งที่เขาไปเข้าค่ายลูกเสือหลายปีมาแล้ว
“พุทโธ.. ธัมโม... สังโฆ...”
ภูริช นึกถึงคำสวดขึ้นมาได้ เขาท่องขึ้นมาในใจทันทีและท่องสามคำนี้วนไปมาจนรู้สึกว่าสามารถที่จะลืมตาขึ้นมาได้ เขารีบลุกขึ้นนั่งสายตามองฝ่าความมืดไปรอบห้องเหงื่อเริ่มซึมที่ใบหน้าทั้งที่เขาไม่ใช่คนที่จะกลัวอะไรง่าย ๆ
ภูริช ค่อย ๆ กวาดตามองไปที่เสียงร้องไห้ที่ชัดที่สุด..และแล้ว....
“บ้าเอ๊ย!.”
เขาสบถ ด้วยความโล่งใจก่อนจะเอื้อมมือไปคว้าโทรศัพท์มือถือที่วางอยู่โต๊ะเล็กข้างเตียง แสงไฟระยิบระยับที่ส่องมาจากเครื่องมือถือนั้นทำให้เขารู้ว่ามีสายเรียกเข้ามา พอเขากดรับสาย เสียงร้องไห้ของผู้หญิงก็เงียบไปทันที
“เฮ้ย! แบบนี้มันแกล้งกันนี่หว่า”
เขาโวยวายเมื่อรู้ว่าคนที่โทรมาเป็นใคร
“มัวแต่กลัวเสียงร้องไห้อยู่หรือเปล่าจ๊ะ ถึงได้รับช้าจัง”
เสียงคนแกล้งที่โทรมาพูดยานคางเจือด้วยเสียงหัวเราะ
“ยัยนี..เล่นอะไรของยูเนี่ย ไอนึกว่าผีสาวที่ไหนกำลังคิดจะปล้ำทำเมียอยู่แล้วเชียว..แล้วนี่ใครแอบแกล้งมาเปลี่ยนเสียงเรียกเข้าที่มือถือของไอ สารภาพบาปมาซะดี ๆ”
ภูริช ทำเสียงขึงขัง
“เป็นไอเดียของแซนดี้แฟนแกย่ะ..แต่พวกฉันสองคนช่วยกันแอบเปลี่ยนเสียงเรียกเข้าที่เครื่องของแก เท่านั้นแหละ กะจะเซอร์ไพรส์กลางดึกสนุก ๆ น่ะ เห็นแซนดี้บอกว่าแกเป็นคนไม่กลัวผีก็เลยอยากจะทดสอบว่าจะขวัญอ่อนหรือเปล่า”
เสียงหัวเราะของวาสินี ดังประสาน กับเสียงคนอื่นอีก
“นั่นอยู่กับใคร หัวเราะเยาะไอเสียงดังเชียว ไอ้มนแฟนยูใช่ไหม”
“ใช่แล้ว ตอนนี้ฉันกับนี กำลังช่วยกันแกะของขวัญวันเกิดอยู่”
คราวนี้นฤมล เป็นคนพูด
“นึกแล้วว่าต้องเป็นพวกยูสองคนที่แกล้งไอ เอาไว้อย่าให้ถึงทีไอก็แล้วกัน”
“พวกเรารู้ว่านายย้ายไปอยู่บ้านเช่าคนเดียว ก็เลยอยากเล่นเกมส์สนุก ๆ ให้นายหลอนเล่น ๆ”
นฤมล บอกเสียงกลั้วหัวเราะ
“โรคจิตว่ะ ชอบแกล้งเพื่อนฝูง”
ภูริช ต่อว่าน้ำเสียงอารมณ์ดี
“มันเป็นความสุขอย่างหนึ่งโว้ย” นฤมลว่า
“นอกจากพวกยูสองคนจะเป็นพวกทอมดี้ที่ผิดปกติทางเพศแล้ว ยังผิดปกติทางจิตอีกด้วยนะเนี่ยชอบมีความสุขบนความทุกข์ชาวบ้าน”
“พวกฉันไปเยี่ยมนายที่บ้านเช่าได้ไหมวะ..จะได้จัดฉลองให้นาย” นฤมล ถามมาทางสาย
“หาเรื่องกินน่ะสิ..เอาไว้ไอเคลียร์คิวได้เมื่อไหร่เดี๋ยวจะบอก..เฮ้ย..แค่นี้ก่อนนะสายแซนดี้เข้าว่ะ”
เขารีบพูดตัดบทเมื่อมีสายเรียกซ้อนเข้ามา และเขาแน่ใจว่าการพูดคุยกับแซนดี้คงจะกินเวลาไปอีกนับชั่วโมง ยิ่งแซนดี้รู้ว่าพรุ่งนี้เป็นวันหยุดหล่อนก็คงชวนเขาคุยอีกนานไม่ต้องหลับต้องนอนกันพอดี
