คืนร้อนซ่อนเสน่หา ตอนที่ 2
“เข้ามาสิ”
คนพูดยืนจ้องหน้าเธอนิ่ง น้ำเสียงเข้มขึ้น
“ไม่ ฉันไม่เข้าไป”
นีรณาส่ายหน้าขยับถอยหลังไปอีกวา มือจับกระเป๋าไว้แน่น ละอองหิมะเริ่มโปรยปรายลงมา ความหนาวเย็นเทียบไม่ได้กับกับความกลัวในขณะนี้ หญิงสาวเริ่มรู้ตัวว่าถูกหลอกพาตัวมา แล้วทำไมคนร้ายต้องหลอกลักพาเธอมา เธอไปทำอะไรให้เขา หรือมันเป็นพวกแก๊งลักพาตัวผู้หญิงไปขาย ขนในกายลุกชันด้วยความหวาดกลัว
“หิมะตกแล้ว เข้ามาสิ”
เขายังคงใจเย็น มองหญิงสาวนิ่งราวกับมั่นใจว่าเธอไม่มีทางหนีไปไหนรอด หิมะเริ่มตกหนักขึ้นเรื่อยๆ และในไม่ช้าหากเธอยังดื้อดึงยืนอยู่ตรงนั้น เธอจะแข็งตายแน่นอน
“ฉันจะกลับบ้าน พาฉันกลับบ้านเดี๋ยวนี้ !”
เธอตวาดเข้าใส่ เสียงเล็กๆ นั้นไม่ต่างจากลูกแมวเหมียวเพิ่งหย่านม ไม่ทำให้คนได้ยินรู้สึกสะดุ้งสะเทือนสักนิด
“แกเป็นใคร แกไม่ใช่คนขับรถของเดวิดใช่ไหม”
หิมะตกลงมาหนาตา ละอองสีขาวเกาะบนศีรษะและเสื้อผ้าของเธอ มันเย็นเฉียบและทำให้เธอเริ่มหนาวสั่น ชุดที่สวมอยู่เหมาะจะอยู่ในอาคารที่มีฮีตเตอร์ไม่ใช่กลางแจ้งตอนหิมะตกหนักแบบนี้
“นี่จำกันไม่ได้จริงๆ ใช่ไหม”
อีกฝ่ายถอดหมวกแก๊ปและแว่นตาหนาเตอะโยนทิ้ง เผยให้เห็นใบหน้าคมคาย ดวงตาสีน้ำตาลเข้มจมูกโด่งงามรับกับคิ้วดกหนาและไรเคราที่เจ้าตัวตัดแต่งไม่ให้รกเรื้อเกินไป
ให้ตายเถอะ... เขาช่างหล่อและดูดิบเถื่อนราวกับนายแบบหลุดออกมาจากแม็กกาซีน
แต่แววตาดุคมที่จ้องหน้าเธอ ทำให้นีรณาไม่อาจจะเคลิบเคลิ้มกับความหล่อสะดุดตานี้ได้สนิทใจ
“คุณเป็นใคร ฉันไม่เคยรู้จักคุณ” เธอส่ายหน้า
“เคยสิ เธอเคยรู้จักฉัน อย่าแกล้งทำเป็นจำไม่ได้หน่อยเลย นีน่า”
เสียงของเขาเริ่มกร้าวขึ้น ดวงตาวาววับน่ากลัว จ้องมองหน้าเธอเหมือนกับจะเผาให้มอดไหม้ไปต่อหน้า นีรณาส่ายหน้าอีกครั้ง เธอพยายามนึกทบทวนแล้วก็พบความว่างเปล่า
“ฉันไม่เคยรู้จักคุณ จำไม่ได้ว่าเคยรู้จักคุณ”
เธอยังคงปฏิเสธ จะให้บอกว่าจำได้มันก็จะโกหกหน้าซื่อไปหน่อย ถึงเขาจะหล่อมากสะดุดตาตั้งแต่แรกเห็น แต่เธอก็ไม่เคยเจอเขามาก่อนแน่ๆ
นีรณาชอบสังเกตโครงสร้างร่างกายของมนุษย์ เธอเป็นจิตรกรย่อมไม่พลาดที่จะจดจำผู้ชายที่มีใบหน้าหล่อคมสะดุดตาแบบนี้หรอก
“จำไม่ได้เหรอ ฮึ”
ชายหนุ่มยิ้มหยัน มองเธอด้วยสายตากร้าวดุกว่าเดิม ก่อนจะเดินลิ่วเข้ามาหา นีรณาตกใจจะขยับตัววิ่งหนีแต่ก็ช้ากว่าอีกฝ่าย ที่ขายาวและมีความว่องไวกว่าเธอที่ยืนขาชาอยู่ท่ามกลางหิมะ ร่างเล็กสะดุดล้มลงไปคลุกกองหิมะ ขยับจะลุกขึ้นก็มีร่างหนาเข้ามาประชิด เขาใช้แขนล็อกเอวเธอไว้แล้วเดินกึ่งหิ้วเธอเข้าไปในบ้าน ไม่สนใจเสียงกรีดร้องและการดิ้นรนของเธอสักนิด
“กรี๊ดดด ปล่อยนะ ปล่อยฉันนะ !”
นีรณากรีดร้องสุดเสียง ออกแรงดิ้น มือไม้ทั้งหยิกทั้งตีร่างหนาของอีกฝ่ายไปด้วย แต่เขาไม่สะเทือนจับข้อมือเธอรวบไว้ เปลี่ยนท่าจากล็อกเอว มาเอาตัวเธอพาดไหล่แล้วฟาดฝ่ามือตีก้นเธอแรงๆ
เผียะ เผียะ เผียะ !!!
“โอ๊ย! เจ็บนะ”
“ถ้าอยากเจ็บอีก ก็ร้องดังๆ”
คำขู่ของเขาทำให้หญิงสาวไม่กล้าออกฤทธิ์อีก รู้สึกหวาดหวั่น เธอจะหนีรอดไปได้ยังไง
เดวิดจะรู้ไหมว่าเธอถูกใครก็ไม่รู้ลักพาตัวมา…
ใครจะมาช่วยเธอได้ กระเป๋าคู่กายก็กระเด็นตกไปตอนวิ่งหนี เธอจะเอาโทรศัพท์ที่ไหนโทรขอความช่วยเหลือ ยิ่งคิดยิ่งขนหัวลุก หวาดกลัวจนตัวสั่น
“ปล่อยฉันไปเถอะนะ เราไม่เคยรู้จักกันมาก่อน อย่าทำร้ายฉันเลยนะ ได้โปรด” เธออ้อนวอน
“อย่าพูดว่าไม่รู้จัก เธอกับฉันเรารู้จักกัน ได้ยินไหมว่าเรารู้จักกันนีน่า!”
เขาตะคอกใส่เธอเสียงดัง ด้วยน้ำเสียงคล้ายคนกำลังโมโหจัด ร่างสูงใหญ่แบกเธอเข้าไปในห้องนอน แล้วโยนลงบนเตียงอย่างแรง จนร่างเล็กกระเด็นกลิ้งเกือบตกเตียง
“คุณมีปัญหาทางจิตใช่ไหม คุณควรไปหาหมอนะ หมอจะช่วยคุณได้”
นีรณาขยับลุกขึ้นแล้วพยายามเกลี้ยกล่อมเขาอีกครั้ง เธอคิดว่าเขาอาจจะมีอาการทางจิต คนบางคนอาจจะไม่รู้ตัวว่ากำลังป่วย ครั้งนึกเธอเคยไปศึกษาเกี่ยวกับผู้ป่วยทางจิตเวชที่โรงพยาบาล หาข้อมูลมาเขียนภาพเพื่อส่งเข้าประมูลเพื่อการกุศล หลายคนพูดจาเหมือนคนปกติ แต่มีความคิดที่แตกต่างจนต้องถูกส่งตัวมารักษา
“ฉันไม่ได้บ้า เธอต่างหากที่ความจำเสื่อม”
เขาขยับเข้ามาหาเธอ จับไหล่เธอไม่ให้ลุกหนี เอามือของเธอมาแตะแก้มของเขา จับปลายคางของเธอให้จ้องมองใบหน้าของเขา
“มองหน้าฉันสิ นีน่า มองดูดีๆ ว่าฉันคือใคร” เขาคาดคั้น
นีรณามองหน้าเขาแล้วพยายามนึกทบทวน ก่อนจะส่ายหน้าอีกครั้ง
“ฉันไม่รู้ว่าคุณคือใคร มันคงเป็นเรื่องเข้าใจผิด”
“ฮึ ความจำสั้นเหลือเกินนะคนสวย”
สายตาของเขาฉายแววเจ็บปวด น้ำเสียงขื่นจัด มือบีบคางเล็กของเธอแน่นจนหญิงสาวนิ่วหน้าด้วยความเจ็บ
“ฉันไม่เคยรู้จักคุณ ไม่เคยทำอะไรให้คุณ ปล่อยฉันไปเถอะ ได้โปรด”
คำอ้อนวอนของเธอกลับทำให้คนฟังเพิ่มดีกรีความโกรธขึ้นอีกหลายขีด เขาจับไหล่เธอกดลงบนที่นอนคร่อมทับอยู่ด้านบนกดไม่ให้เธอดิ้นหนี ขณะยื่นหน้าเข้าไปหาคนที่ตกใจกลัวจนตัวสั่นอย่างคุกคาม
“อย่าแกล้งทำเป็นจำฉันไม่ได้”
“ฉันจำไม่ได้จริงๆ นะ ฮือ ปล่อยฉันเถอะ ได้โปรด”
นีรณากลัวจนน้ำตาไหล พนมมืออ้อนวอนให้เขาเห็นใจ ผู้ชายหล่อเหลาราวกับเทพบุตรกรีกคนนี้ กำลังทำให้เธอกลัวจนหัวใจแทบวาย ร่างหนาหนักกดเธอไว้ไม่ให้ดิ้นหนี
“ดี ถ้าอย่างนั้น ฉันจะทวนความจำให้ ว่าเราสองคนเป็นอะไรกัน!”
“อย่านะ อุ๊บ!”
เสียงร้องหายไปในคอเมื่อริมฝีปากหนายื่นมาประกบปิดไว้
ริมฝีปากของเขาบดเคล้าเรียวปากอิ่มของเธออย่างดุดัน เหมือนจะสูบวิญญาณเธอออกจากร่าง
นีรณาส่ายหน้าหนี กำหมัดทุบถองเขา แต่ไม่สามารถทำให้ผู้ชายตัวใหญ่สะเทือนได้ ยิ่งเธอดิ้นหนีผลักไสเขาเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งกอดรัดจูบเธอหนักหน่วงขึ้นเท่านั้น ริมฝีปากนุ่มถูกเขาจูบจนเจ้าของหายใจไม่ทัน จูบแรกในชีวิตสาวของเธอถูกผู้ชายที่ไม่เคยรู้จักขโมยมันไป
“จำกันได้หรือยัง”
เขาละริมฝีปากออก พลางเอ่ยถามหญิงสาวเสียงนุ่ม ริมฝีปากอิ่มแสนหวานของเธอบวมเจ่อขึ้นเล็กน้อย ใบหน้างามแดงซ่านยิ่งกว่าตอนถูกความหนาวเย็นของหิมะ
“ไม่... ฉันจำไม่ได้” เธอตอบเสียงแผ่วพร่า
ดวงตาดำขลับหรี่ปรือมองเขาราวกับคนไร้สติ ลิ้นเล็กสีชมพูแลบออกมาเลียริมฝีปากสีสดนั้น ยั่วเย้าให้คนที่เพิ่งผละห่างอดใจไม่ไหว
“ยังจำไม่ได้ใช่ไหม ถ้าอย่างนั้นฉันจะจูบเธอไปเรื่อยๆ”
เขาก้มลงไปจุมพิตเธออีกครั้ง มือหนาประคองใบหน้างามให้รับจุมพิตของเขา ขณะบดเคล้าลงไปเต็มอารมณ์ เสียงหอบหายใจของเธอดังถี่รัวแข่งกับเสียงหายใจกระเส่าของเขา รสหวานแตะปลายลิ้นยิ่งดื่มกินยิ่งโหยหา
“อื้อ พอก่อน อย่า...”
เธอผลักเขาออก พยายามร้องห้าม หญิงสาวสิ้นแรงขัดขืนเมื่อเขาเปลี่ยนสัมผัสจากรุนแรงมาเป็นอ่อนหวาน ยั่วเย้าให้เธอ
เผลอจูบตอบ มันน่าอายที่เธอสนองตอบเขาราวกับคุ้นเคยจุมพิตนี้มาก่อน จูบของเขาทำให้เธออ่อนระทวยไปทั้งร่าง ลืมเลือนไปว่าเธอรู้สึกกลัวเขาแค่ไหน
“ขอเวลาให้ฉันทบทวนความจำสักหน่อยได้ไหม ฉันสับสนไปหมดแล้ว”
“ไม่มีเวลาแล้ว ฉันต้องการคำตอบเดี๋ยวนี้”
ชายหนุ่มกลับไม่สนใจฟังคำตอบของเธออีก เมื่อร่างกายของเธอมันกำลังตอบรับเขา แค่จูบอาจไม่พอทำให้เธอจำเขาได้ มันต้องมากกว่านี้ เขานั่งทับเธอไว้ใช้เข่าหนีบลำตัวของเธอไม่ให้ดิ้นหนี ขณะถอดเสื้อของตัวเองออก เผยให้เห็นแผงอกหนาเต็มไปด้วยกล้ามเนื้อเป็นลอนสวย มีขนหน้าอกสีดำขึ้นบนผิวกายสีทองแดง
หญิงสาวมองภาพความสมบูรณ์ของร่างกายล่ำบึกนั้นอย่างตื่นตะลึง เธอเป็นจิตรกรที่ชอบวาดรูปนู้ดกึ่งเปลือยของมนุษย์ที่สุด เจอคนรูปร่างสวยงามก็อดใจไม่ไหวอยากจับไปเป็นแบบจนมือสั่น
