3
“เก็บเกสรไว้ทำช่อแห้งค่ะ เอาไปทำของประดับ” ขจรภพพยักหน้าช้า ๆ ก่อนก้าวเข้ามาใกล้
“ให้ช่วยไหม” เธอยิ้มกว้าง
“ได้สิคะ! แต่ระวังหน่อยนะ เกสรปลิวง่ายมาก”
ขจรภพยื่นมือใหญ่ ๆ มาหยิบกระดาษไขจากเธอ แต่เพราะลมพัดแรงในช่วงเช้า ทำให้เกสรสีเหลืองทองปลิวว่อนมาติดปลายแก้มและมือของพิชชา
“อ๊ะ! ติดเต็มเลย” เธอหัวเราะ รีบใช้มือปัดออก แต่ยิ่งปัดกลับยิ่งเปื้อน
ขจรภพเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนเอื้อมมือหนามาช่วยปัดเกสรที่ติดอยู่บนข้อมือของเธอ ปลายนิ้วแข็งแรงสัมผัสเบา ๆ กับผิวบอบบาง ทำเอาพิชชาชะงัก หัวใจเต้นตึกตัก
สายตาของทั้งคู่สบกันเพียงเสี้ยววินาที แต่กลับยาวนานเกินกว่าที่คิด
“…” พิชชาหน้าแดง รีบหลบตา หัวเราะแก้เก้อ
“ขอบคุณค่ะ ปลัดเก่งเรื่องผึ้ง เรื่องเกสรก็ช่วยได้เหมือนกันนะคะ” เขาเพียงถอนหายใจเบา ๆ
“ระวังหน่อย จะได้ไม่เลอะ” แต่เมื่อหันหลังเดินจากไป เสี้ยวรอยยิ้มมุมปากก็ปรากฏขึ้น รอยยิ้มที่ไม่ค่อยมีใครได้เห็น
ส่วนพิชชายกมือลูบข้อมือตัวเองเบา ๆ ความอุ่นที่ยังไม่จางหายไป ทำให้เช้าวันนั้นเหมือนดอกไม้ทั้งสวนบานพร้อมกัน เสียงลมหวีดหวิวพัดแรงจนใบไม้ทั้งสวนเสียดสีกันดังสนั่น ท้องฟ้าเที่ยงวันกลับมืดครึ้มราวกับเย็นย่ำ
พิชชารีบวิ่งเข้าไปในสวน ดอกไม้ที่เพิ่งบานสะพรั่งเริ่มโอนเอนเหมือนจะหัก
สายฝนแรกเทกระหน่ำ เสียง ปั๊ก! ดังขึ้นจากโรงเรือนด้านข้าง
“โอย หลังคา!” พิชชาอุทาน รีบวิ่งไปดู เห็นคานไม้เอียงจนโครงแทบจะพังลงมา
จังหวะเดียวกัน ร่างสูงใหญ่ในชุดฝนสีเข้มก็ฝ่าลมฝนเข้ามา
“ถอยไป!”
“ปลัด!” พิชชาเบิกตากว้าง
ขจรภพไม่รอช้า เขายกคานไม้ขึ้นด้วยแรงแขนแน่นหนา เหงื่อและฝนไหลอาบหน้าผาก
“ไปตามชาวบ้านมา ต้องช่วยกัน ไม่งั้นถล่มหมด”
ไม่กี่อึดใจ ชาวบ้านหลายคนวิ่งมาพร้อมเชือกและค้อน ทุกคนช่วยกันดึง มัดโครงไม้ท่ามกลางฝนพรำ
พิชชาคว้าเชือกเส้นหนึ่งปีนขึ้นบนเก้าอี้ ผูกปลายเข้ากับคาน ขจรภพยืนค้ำยันอยู่ข้างล่าง เสียงเข้มดังก้อง
“ผูกให้แน่นอีกนิด!” เธอสะบัดมือมัดปมสุดท้าย เชือกตึงเป๊ะพอดี
ขจรภพพยักหน้าก่อนตอกย้ำไม้เข้าที่ โรงเรือนที่เกือบจะถล่ม ค่อย ๆ กลับมาตั้งตรง เสียงเฮของชาวบ้านดังขึ้นท่ามกลางสายฝน พิชชาหอบหายใจ ยืนมองผลงานตรงหน้า
“รอดแล้ว” เธอยิ้มโล่งอก ขจรภพเดินเข้ามา ยกเสื้อฝนออกเผยร่างเปียกโชก สายตาเขามองโรงเรือนที่มั่นคงขึ้น ก่อนพูดเรียบ ๆ
“ทีมเวิร์กดี” พิชชาหัวเราะเบา ๆ ทั้งเปียกทั้งเลอะดิน
“ใช่ค่ะ ทีมเวิร์กเป๊ะเลย” แววตาของเขาสบกับเธอเพียงครู่เดียว ก่อนทั้งคู่จะหันไปช่วยชาวบ้านเก็บอุปกรณ์ต่อ แต่หัวใจของพิชชากลับเต้นแรงกว่าพายุเมื่อครู่เสียอีก
วันถัดมา เสียงกลองยาวดังคลอไปกับกลิ่นข้าวหลามและขนมครกที่หอมกรุ่น วัดกลางหมู่บ้านคึกคักด้วยงานบุญประจำปี
ใต้ศาลาวัด พิชชานั่งอยู่หน้าโต๊ะยาวที่วางอุปกรณ์ครบ ทั้งขี้ผึ้งแท่ง น้ำมันหอม และไส้เทียนยาวเหยียด
เธอช้อนขี้ผึ้งเหลวสีทองขึ้นมาด้วยความระมัดระวัง
“อ๊ะ…ร้อน ๆ ๆ” พิชชาเผลอร้องเบา ๆ ทำท่าจะทำหก มือใหญ่ของใครบางคนก็ยื่นมาประคองขันไว้ทัน
“ระวัง” เสียงทุ้มเรียบแต่ใกล้จนเธอสะดุ้ง
“ปลัดมาตั้งแต่เมื่อไหร่คะ” พิชชาหน้าแดงนิด ๆ
“สักพักแล้ว เห็นกำลังจะหกเลยเข้ามาช่วย” ขจรภพดึงเก้าอี้นั่งข้าง ๆ เธออย่างเงียบ ๆ ก่อนหยิบไส้เทียนขึ้นมาช่วยร้อย ไม่นานนัก เทียนผึ้งสีทองแท่งยาวก็ตั้งเรียงบนโต๊ะ
ขจรภพใช้มีดเหลาเก็บขอบให้เรียบ ขณะที่พิชชาจัดดอกไม้สดมาประดับฐาน
ภาพชายหนุ่มขรึมจริงจังกับงานศิลป์ และหญิงสาวสดใสยิ้มหวานสดใส กลายเป็นภาพที่สะดุดตาคนทั้งศาลา เสียงผู้ใหญ่บ้านดังลั่น
“โอ้โห…ดูสิ ๆ ทำงานเข้ากันอย่างกับคู่บ่าวสาวทำเทียนพรรษาเลยนะ!” เสียงหัวเราะครืนทั้งกลุ่ม
พิชชาตาเบิกกว้าง หน้าแดงจัด รีบโบกมือ
“บะ…บ่าวสาวอะไรกันคะ แค่ช่วยทำเฉย ๆ เอง”
ขจรภพเงียบไปครู่หนึ่ง ก้มหน้าเก็บรายละเอียดเทียนต่อ ไม่พูดโต้แย้งอะไร แต่หูของเขากลับแดงขึ้นชัดเจน ซึ่งจัดแดงแรกคือแก้มหนุ่มนั่นเอง
เมื่อเทียนเสร็จสมบูรณ์ ถูกยกขึ้นตั้งกลางศาลา แสงแดดเย็นส่องกระทบเนื้อผึ้งเป็นประกาย พิชชามองแล้วเผลอพูดเบา ๆ
“สวยจัง…ทั้งเทียน ทั้งทีมที่ทำด้วย” ขจรภพเหลือบมองเธอแวบหนึ่ง ไม่เอ่ยอะไร แต่แววตานั้นอ่อนโยนลงกว่าทุกครั้ง
ลานกว้างหน้าศาลาวัดหลังงานบุญจบลงแล้ว แสงเย็นย่ำทออ่อนสาดลงบนต้นโพธิ์ใหญ่ ชาวบ้านหลายคนยังไม่กลับ ต่างนั่งจับกลุ่มคุยเฮฮาเหมือนต่อวงหลังงานเลี้ยง
ปลัดขจรภพยืนถือแฟ้มเอกสารอยู่ริมรั้วเช่นเคย มองชาวบ้านสลับกับโรงเรือนที่เพิ่งซ่อมเสร็จใหม่ ส่วนพิชชากำลังยกกระเช้าดอกไม้ไปเก็บ ใบหน้ามีรอยเปื้อนเหงื่อและดินเล็กน้อย แต่ดวงตาเปล่งประกายสดใส เสียงผู้ใหญ่บ้านดังขึ้นมาในวงสนทนา
“โห…สองคนนี้นะ เวลาทำงานด้วยกัน ดูเข้าขากันจริง!” เสียงหัวเราะครืน ฮ่า ฮ่า ฮ่า ดังลั่น พิชชาชะงัก รีบหันไปมอง
“อะ…อะไรนะคะผู้ใหญ่! พิชชากับปลัดแค่ทำงานด้วยกันเฉย ๆ เองนะคะ”
ผู้ใหญ่บ้านหัวเราะหึ ๆ เพราะเป็นลูกหลานที่เห็นกันมาแต่เล็กแต่น้อย
“ก็เห็นอยู่ว่าช่วยกันอย่างแข็งขัน” เสียงชาวบ้านเสริมทันที
“จริง ๆ! ตอนทำเทียนผึ้งก็เหมือนคู่บ่าวสาวทำพิธีเลยนะ”
“ฉันละนึกว่าเขาประกาศแต่งงานแล้วด้วยซ้ำ ฮ่า ๆ ๆ” พิชชายกมือปัดไปมา หน้าร้อนผ่าว เอาล่ะ ตอนจับคู่ซะงั้น
“อย่าพูดเล่นกันสิคะ พีชยัง... ยังไม่คิดเรื่องนั้นเลย”
สายตาหลายคู่หันไปหาปลัดขจรภพที่ยืนเฉย ๆ
“แล้วปลัดล่ะ คิดว่ายังไง”
บรรยากาศเงียบกริบทันที ทุกคนตั้งใจรอฟัง
ขจรภพเหลือบมองพิชชาเพียงเสี้ยววินาที ก่อนเอ่ยสั้น ๆ
“โครงการยังไม่เสร็จ” เสียงหัวเราะดังประสานกันอีกครั้ง เพราะคนตอบ ตอบไม่ตรงคำถาม
“โห…ฟังดูเหมือนบอกอ้อม ๆ ว่าพอเสร็จเมื่อไหร่ก็พร้อมเลยนะปลัด!” พิชชาเบิกตาโต
“มะ…ไม่ใช่นะคะ!!”
หญิงชราคนหนึ่งหัวเราะตาหยี
“เอ้า ๆ ไม่ต้องแก้ตัวแทนหรอกลูกเอ๊ย” พิชชายกมือปิดหน้า
“โอ๊ย! จะบ้าตาย” ทำไมเธอถึงได้โดนล้อแบบนี้นะ
เธอรีบเดินหนีออกมานอกวง หอบดอกไม้ติดมือออกไปทางแปลงด้านหลัง เสียงหัวเราะยังดังตามหลังมาไม่หยุด ไม่กี่ก้าว ขจรภพก็ตามมาเงียบ ๆ
“โกรธเหรอ” พิชชาหันไปมอง
“ก็…ก็เขาพูดกันใหญ่โตแบบนั้น ใครจะไม่เขินล่ะคะ!” เขายืนกอดแฟ้ม มองหน้าเธอนิ่ง ๆ
