2
“ปลัด” ขจรภพยืนอยู่ข้างรั้วในมือมีแฟ้มเอกสาร
“อยากให้ช่วย”
“หืม” พิชชาเอียงคอ
เขาเปิดแฟ้ม เผยแผนผังแปลงสี่เหลี่ยมเรียงราย
“ผมกำลังทำคู่มือให้หมู่บ้านเลี้ยงผึ้ง แต่ต้องการแบบแปลงดอกไม้ที่ออกดอกหมุนเวียนตลอดปี” พิชชาดวงตาเป็นประกายทันที
“ว้าว! แบบนี้พีชถนัดเลยค่ะ ดอกไม้แต่ละชนิดบานไม่ตรงกัน ต้องสลับปลูก พีชคิดไว้ตั้งนานแล้ว”
เธอหยิบดินสอมา ขยุกขยิกลงบนกระดาษที่ขจรภพถืออยู่
“ตรงนี้ลงดาวเรืองไว้ ส่วนปลายปีใช้บานไม่รู้โรย อ๋อ แล้วก็แซมกุหลาบไว้กลางแปลง จะได้มีทั้งกลิ่นหอม ๆ ทั้งสีสวย ๆ ผึ้งชอบ”
ขจรภพยืนนิ่ง มองเส้นดินสอที่เธอลากอย่างคล่องแคล่ว เสียงพูดรัว ๆ ของเธอเต็มไปด้วยความกระตือรือร้น
“…”
“เอ่อ มากไปหรือเปล่าคะ” พิชชาชะงัก ยิ้มแหย ๆ เขาส่ายหน้าเบา ๆ
“ดี ละเอียดกว่าที่คิด” หัวใจของพิชชากระตุกเล็กน้อย คำสั้น ๆ แต่หนักแน่นจากคนพูดน้อย ทำให้เธอยิ้มไม่หุบ
สองเงายืนอยู่ริมรั้ว คนหนึ่งขีดเขียนแผนงาน อีกคนเติมสีสันด้วยจินตนาการดอกไม้ และนั่นคือครั้งแรกที่ คู่มือผึ้งชุมชน เริ่มมีชีวิตจริง ๆ
แดดยามบ่ายสาดลงบนโครงไม้ไผ่ที่ตั้งตะแคงอยู่ข้างแปลง
พิชชายืนมองโรงเรือนเล็ก ๆ ที่เธอตั้งใจทำไว้เก็บอุปกรณ์เลี้ยงผึ้ง ตอนนี้หลังคาสังกะสีเอียงจนแทบจะหล่นลงมา
“เฮ้อ…ก็แค่ตอกตะปูนิดเดียวเอง ทำไมมันไม่ยอมอยู่นะ” เธอพึมพำ ก่อนคว้าค้อนตอก โป๊ก! โป๊ก! เสียงดังสนั่น ไม้ไผ่กลับโยกคลอนเหมือนจะล้มทั้งแถบ
“ว้าย ๆ อย่าเพิ่งพังสิ!” พิชชารีบยื่นมือไปพยุง แต่แรงเธอไม่พอ เงาใหญ่ทาบลงมาพร้อมเสียงทุ้มเรียบ
“จะทำให้ถล่มทั้งหลังหรือไง” พิชชาเงยหน้าทันที
“ปลัด! เอ่อ…พีชแค่อยากซ่อมเองค่ะ” ขจรภพไม่พูดต่อ เขาก้าวเข้ามา ดึงค้อนจากมือเธออย่างใจเย็น แล้วก้มลงจัดโครงไม้ใหม่ทีละท่อน เสียงตอกตะปูดัง ปัง ๆ ๆ เป็นจังหวะมั่นคง
พิชชายืนมองตาค้าง โห…มือหนักแน่น แถมไวมากด้วย เธอเผลอยกมือปัดเหงื่อที่หน้าผาก แต่ดันทำดินสอที่เหน็บไว้ร่วงลงพื้นกลิ้งไปใกล้เท้าของขจรภพ
เขาหยิบขึ้นมา ส่งคืนโดยไม่พูดอะไร แค่สบตาสั้น ๆ แล้วก้มทำงานต่อ ไม่ถึงครึ่งชั่วโมง โรงเรือนที่เกือบพังกลับตั้งตรงเป็นระเบียบ
ขจรภพลุกขึ้น สะบัดฝุ่นออกจากแขนเสื้อ แล้วเอ่ยเสียงเรียบ
“เสร็จแล้ว ครั้งหน้า ถ้าจะทำอะไร ใช้คนช่วย”
พิชชายิ้มแหย ๆ ยกมือเกาศีรษะ
“ค่ะ ก็แค่อยากลองเก่งเองบ้าง”
ขจรภพปรายตามองเธอเล็กน้อย ก่อนตอบสั้น ๆ
“ความเก่ง…ไม่ได้แปลว่าต้องทำคนเดียว” คำพูดนั้นติดอยู่ในใจของพิชชายาวนานกว่าที่คิด
เธอยืนมองแผ่นหลังเขาเดินออกไป ใต้แสงบ่ายที่ทอดยาวความเงียบขรึมของเขา กลับทำให้สวนเล็ก ๆ ดูอบอุ่นขึ้นอย่างประหลาด
ลานกว้างหน้าวัดเต็มไปด้วยแผงสินค้า ชาวบ้านนำผักสด ผลไม้ และขนมพื้นบ้านกลิ่นหอมตลบอบอวลมาวางขาย
วันนี้เป็นวันนัดใหญ่ของหมู่บ้าน ทุกคนต่างเอาของดีมาวางขาย
พิชชาก้มหน้าแต่งดอกไม้บนโต๊ะเล็ก ๆ ของเธอ แต่สายตาเหลือบไปยังมุมหนึ่งซึ่งเต็มไปด้วยขวดโหลใสเรียงเป็นแถว น้ำผึ้งสีทองอร่ามสะท้อนแสงแดดสวยงาม
เธอไปเรียนอยู่เมืองใหญ่หลายปี ได้กลับมาอยู่บ้านเกิดแล้วรู้สึกดีชะมัด ที่นี่มีที่ดินให้ทำกิน มีชีวิตอิสระ และเธอก็คุ้นเคยกับคนที่นี่ดี เพราะเป็นบ้านเกิดของเธอเอง
ปลัดขจรภพยืนอยู่ตรงนั้น พูดคุยกับชาวบ้านด้วยน้ำเสียงสุภาพ แจกสมุดเล่มบาง ๆ ที่มีตราอำเภอพิมพ์ไว้หน้าปก
เธอศึกษาเรื่องการเลี้ยงผึ้ง ก็ถือว่าโอเคอยู่เหมือนกัน พืชที่เป็นไม้ใหญ่ พวก ลำไย ลิ้นจี่ ทุเรียน มะม่วง ยางนา ยางพารา ถ้าเป็นพวกดอกไม้ ก็ทานตะวัน งา ดาวเรือง บานไม่รู้โรย ถั่วต่าง ๆ ไม้ป่า หรือไม้พื้นเมืองก็ พวกกระถิน ขี้เหล็ก ตะขบ มะขามป้อม สาบเสือ หญ้าเครือ ถ้ามีพืชพวกนี้ก็เลี้ยงผึ้งได้
เธอมีพื้นที่หลายไร่ ปลูกพืชผักผลไม้และดอกไม้ผสมกัน ก็จะสามารถเลี้ยงผึ้งได้แล้ว เริ่มน้อยๆ ก่อนไม่กี่รัง ตอนแรกคิดว่าจะเลี้ยงไว้กินก่อน แล้วค่อยว่ากันอีกทีหากเวิร์คก็ค่อยขยายไป
“นี่คือคู่มือเลี้ยงผึ้งและความปลอดภัยนะครับ ทุกครัวเรือนควรมีไว้” เนื่องด้วยคนในพื้นที่ไม่ใช่สารเคมีกำจัดแมลง และมีต้นไม้อุดมสมบูรณ์ รวมถึงป่าไม้ใกล้เชิงเขาและแหล่งน้ำที่สะอาดมีอุปโภคบริโภคทั้งปี ที่สำคัญคือที่นี่ดินดีมาก ปลูกอะไรก็ขึ้น ดังนั้นเขาก็อยากส่งเสริมการเลี้ยงผึ้งให้กับเกษตรกร ถือว่าเป็นรายได้อีกทางหนึ่ง
พิชชาเดินเข้าไปมองด้วยความสนใจ
“โห คู่มือหนามากเลยค่ะปลัด” เขาพยักหน้าสั้น ๆ
“จำเป็น ต้องให้ข้อมูลครบ”
หญิงสาวมองโหลน้ำผึ้งบนโต๊ะ ก่อนขมวดคิ้วเล็กน้อย
“แต่โหลแบบนี้มันธรรมดาไปนะคะ ถ้าวางข้างของชาวบ้านอย่างอื่น เดี๋ยวจะไม่สะดุดตา” ขจรภพเหลือบตามอง
“แล้วจะทำยังไง” พิชชายิ้มตาหยี หยิบเศษริบบิ้นกับกลีบดอกไม้แห้งจากกระเป๋าผ้าออกมา
“ใช้ดอกไม้ประดับรอบโหลสิคะ!”
เธอเอาริบบิ้นพันรอบฝาโหล ติดกลีบดอกไม้เล็ก ๆ เรียงรอบ ๆ เหมือนพวงมาลัยขนาดย่อม
พอทำเสร็จวางบนโต๊ะ ขวดน้ำผึ้งธรรมดาก็เปลี่ยนเป็นของฝากน่ารัก ๆ ขึ้นมาทันที
เด็ก ๆ ที่เดินผ่านมาแวะหยุดมอง
“แม่ ๆ อันนี้สวยจัง ซื้อไปฝากยายมั้ย” เสียงหัวเราะดังแทรกขึ้นมา พิชชายิ้มกว้างด้วยความภูมิใจ
ส่วนขจรภพยืนนิ่งไปครู่หนึ่ง ก่อนพยักหน้าเบา ๆ
“เข้าท่า” เธอหันมามองเขา แววตาสดใส
“ดีใจนะคะที่ปลัดเห็นด้วยกับพีช” เธอกลับมาอยู่บ้านเกิดก็ได้รู้จักกับปลัดขจรภพในฐานะปลัดนักพัฒนา เขาเข้ามาอยู่ที่นี่เพื่อทำให้เกษตรกรและชาวบ้านได้มีส่วนร่วมและทำให้มีชีวิตที่ดี มีอยู่มีกินมากขึ้น ถือว่าเขาเป็นคนดีใช้ได้
ในบรรยากาศคึกคักของตลาดนัด ความต่างระหว่าง ตัวหนังสือแข็ง ๆ ในคู่มือและความสดใสจากดอกไม้ กลับรวมกันพอดี เหมือนน้ำผึ้งสีทองในโหลแก้วที่ทั้งหวานและอบอุ่น
ไอหมอกบาง ๆ ลอยคลอแปลงดอกไม้ เสียงไก่ขันดังแว่วอยู่ไกล ๆ
พิชชาสะพายตะกร้าสาน เดินไปตามแถวเยอบีร่าสีสด มือเล็กค่อย ๆ สะบัดกลีบ เก็บละอองเกสรที่จับไว้บนกระดาษไข
“ต้องรีบเก็บก่อนแดดแรง ไม่งั้นเกสรจะฟุ้งหมด” เธอพึมพำกับตัวเอง จังหวะนั้นเอง เสียงฝีเท้าหนัก ๆ ดังเข้ามาใกล้
ปลัดขจรภพยืนพิงรั้วไม้ มือถือแฟ้มเหมือนทุกครั้ง สายตาคมกวาดมองกิจกรรมยามเช้าที่เขาไม่คุ้นตานัก
“ทำอะไร” เขาถามสั้น ๆ
พิชชาเงยหน้าขึ้น รีบชูถ้วยเกสรให้ดู
