นิยายชุด ความลับของพ่อมด

153.0K · จบแล้ว
รวิญาดา ผการุ้ง นักเขียน
77
บท
8.0K
ยอดวิว
7.0
การให้คะแนน

บทย่อ

มาพบกับ นิยายอิโรติกแฟนตาซี ชุด ความลับของพ่อมด เรื่องราวคาวโลกีย์ของพ่อมดหนุ่ม ในโลกแห่งเวทมนตร์ กับสาวๆ ในดินแดนต่างๆ ความเร่าร้อนนี้ ขอบอกว่า แซ่บ ซี๊ด เหนือจินตนาการ มีให้อ่านกัน 4เรื่อง 4 รส *คำเตือน เนื้อหานั้น แซ่บจนร้องซี๊ดจ้า

นิยายรักโรแมนติกนิยายแฟนตาซีข้ามมิติแฟนตาซี ต่างโลกโรแมนติก

พรสวาท ตอนที่ 1

แป๊ก...แป๊ก...แป๊ก

นาฬิกาข้างฝาบอกเวลาห้าโมงเย็นตรงเผง เป็นเวลาเลิกงานที่พนักงานทุกคนรอคอย ยกเว้นวิทยาพนักงานแผนกบัญชีวัยสามสิบ เขามองเพื่อนๆ เก็บข้าวของเตรียมกลับบ้านด้วยหัวใจห่อเหี่ยว

“พี่วิทย์ขา วันนี้วันศุกร์พรุ่งนี้หยุดไปสังสรรค์กับพวกเราไหมพี่”

น้องนุชเด็กฝึกงานในแผนก เดินมาหาเขาที่โต๊ะพร้อมเอ่ยชวน ขณะที่เพื่อนคนอื่นๆ ก็ส่งเสียงชักชวนกันไปหาอะไรกินรอบค่ำก่อนกลับบ้าน

วิทยาส่ายหน้า “พี่ต้องรีบกลับบ้าน ขอโทษด้วยนะไว้วันหลังนะ” เขาตอบปฏิเสธทั้งๆ ที่อยากไปใจจะขาด

ทว่า... เวลาเลิกงานสำหรับเขาแล้วเหมือนเวลาเดินเข้าคุก เพราะเขาไม่มีสิทธิ์เถลไถลไปไหนหลังเลิกงานเหมือนเพื่อนคนอื่น ถ้ากลับบ้านเกินสองทุ่มเดือนภรรยาของเขาจะซักฟอกอย่างหนัก จนแทบแก้ผ้าให้ดูความผิดปกติของร่างกาย ชีวิตเขาเหมือนอยู่ในมุมมืดตั้งแต่แต่งงานกับเดือน

“ไอ้วิทย์มันต้องกลับไปกินข้าวกับเมีย อย่าไปชวนให้เสียเวลาเลย ไปกับพวกพี่ดีกว่า เมียพี่ไม่ดุ ฮ่า ฮ่า ฮ่า”

โชคเพื่อนในแผนก ซึ่งรู้ประวัติความร้ายกาจของภรรยาวิทยาเอ่ยแซว

คำพูดนั้นเรียกเสียงหัวเราะดังครืน วิทยาทำหน้าเมื่อยคร้านจะแก้ตัว เพราะมันคือความจริง เขาเก็บข้าวของเดินออกจากห้องลงลิฟต์มายังชั้นจอดรถด้วยอาการเซื่องซึม เข้าไปนั่งในรถสตาร์ตเครื่องยนต์ขับออกมาจากบริษัท ก่อนจะจอดรอสัญญาณไฟแดงในแยกรถติดมหาโหด

ชายหนุ่มใช้เวลาน่าเบื่อขณะรอรถเคลื่อนตัวนั้นเอนกายพิงพนักเก้าอี้หลับตานั่งคิดถึงเหตุผล ที่ทำให้เขาตัดสินใจแต่งงานกับภรรยาคนนี้ สมองทู่ๆ ตอบกลับมาว่า

‘ก็เอ็งรักนังเดือนเด่นฟ้าไงล่ะเจ้าเบื๊อก’

จริงอย่างที่สมองบอก เขารักเดือนเด่นฟ้าแม่สาวน้อยร่างอวบอัด ผิวขาวปานสำลีแกะกล่อง นัยน์ตากลมโตเหมือนลูกกวางน้อย ยามเธอส่งสายตาหวานๆ มาให้หัวใจเขาแทบละลายรายวกับน้ำแข็งโดนแดดเผา เสียงของเธอใสกระจ่างดังคล้ายกังสดาลแก้วฟังเพลินหู มันทำให้เขาเคลิบเคลิ้มเหมือนตกอยู่ในห้วงมนตราของเธอ จนเผลอคิดว่าพระเจ้าส่งน้องเดือนมาให้เป็นเนื้อคู่ของเขาแน่แท้ ตอนนั้นเขาคิดแบบนี้จริงๆ

เขาพบเดือนในวันสงกรานต์และตกหลุมรักเธอในแรกเห็น ในวันสงกรานต์ปีถัดมาชายหนุ่มจัดการสู่ขอนางสาวเดือนเด่นฟ้ามาเป็นคู่ชีวิต และแล้วความสุขก็โบยบินออกทางหน้าต่างเมื่อย่างเข้าสู่ปีที่สิบของการแต่งงาน จากสาวน้อยร่างอรชรแสนเซ็กซี่ กลายสภาพมาเป็นสาวร่างอวบอัดเต็มไปด้วยไขมันพอกพูน น้องๆ ธิดาช้าง เสียงหวานใสปานกังสดาลแก้วในตอนแรก เริ่มใสจนกระจกแทบแตกยามเจ้าหล่อนตวาดแว๊ด ตากลมโตทวีความโตจนน่ากลัวเมื่อเจ้าหล่อนถลึงตามองเขายามโกรธจัด มันเหลือกถลนเหมือนนางยักษ์ หากจะเปรียบภรรยาของเขาคล้ายกับนางผีเสื้อสมุทรคงไม่ผิดจากนี้ไปมากนัก เจ้าหล่อนเริ่มจู้จี้จุกจิกกับสามีอย่างเขาราวกับเขาเป็นลูกชายตัวน้อยๆ ของเธอ ตื่นมาก็บ่น จะเข้านอนก็บ่น หูของเขาถูกบรรจุไปด้วยคำบ่นด่าของเธอ จนเมมโมรี่ในสมองเริ่มเสื่อม ประสิทธิภาพในการต่อต้านลดน้อยลงจนกลายเป็นหวาดกลัวเธอฝังใจ เซลในร่างกายเขาถูกไวรัส ‘เกลียมัว’ เข้าเล่นงาน จนกลายเป็นโรคกลัวเมียเรื้อรัง แค่เอ่ยชื่อเขาก็กลัวจนหัวหด

ก๊อก ก๊อก ก๊อก

เสียงเคาะกระจกรถทำให้ชายหนุ่มลืมตาขึ้นหลุดจากภวังค์ เขาหันไปมองคนที่มาเคาะกระจกอย่างชั่งใจก่อนจะเปิดกระจกให้

“ช่วยอุดหนุนคนแก่หน่อยเถอะพ่อหนุ่ม ตายังขายไม่ได้เลยสักอัน”

ชายชราคนหนึ่งในชุดสีดำ สวมหมวกแหลมๆ เหมือนพ่อมดยื่นตาข่ายดักฝันเสนอขายให้เขา

“ได้ครับคุณตา ราคาเท่าไหร่ครับ”

วิทยาเอ่ยถามพร้อมรับของนั้นมาวางข้างตัว หยิบกระเป๋าเตรียมจ่ายเงินให้ชายชรา ตัวเขาชอบทำบุญชอบช่วยผู้อื่นแต่ไม่เคยขออะไร แค่อยากทำก็ทำไม่ได้หวังผลอะไรเหมือนคนอื่นเขา หากเทวดาจะใจดีมาให้พรเขาจริง ก็คงเลือกไม่ถูกว่าควรให้อะไรเขาดี เพราะเขามีทุกสิ่งทุกอย่างครบแล้ว ไม่ว่าบ้านรถเงินทองครอบครัว ขาดเพียงแค่ความสุข ซึ่งเขาไม่รู้ว่ามันจะหามาจากไหน

“ร้อยเก้าสิบเก้าบาท”

ชายชราบอกราคา ใบหน้าเหี่ยวย่นมีรอยยิ้มเมื่อเจอคนใจดีช่วยซื้อของ

“ผมให้ตาห้าร้อยเลยครับ”

วิทยาหยิบธนบัตรสีม่วงส่งให้ เขาเป็นคนประหยัดไม่ค่อยชอบเที่ยวหรือซื้ออะไรแพงๆ แต่เรื่องทำบุญวิทยาไม่เคยขี้เหนียว

“ขอบใจมากพ่อหนุ่ม โอย... ตารู้สึกหน้ามืด ยืนตากแดดขายของมาทั้งวัน”

ชายชราไม่ทันรับเงินก็ทรุดลงนั่งกองกับพื้น ทำเอาชายหนุ่มตกใจรีบเปิดประตูรถออกมาช่วยพยุงคนแก่ให้เข้าไปนั่งในรถ

“บ้านคุณตาอยู่ที่ไหน เดี๋ยวผมไปส่งให้”

วิทยาเอ่ยถาม พลางขันอาสาไปส่งอีกฝ่าย เขามองสภาพคนแก่ที่กำลังจะเป็นลมด้วยความสงสาร ตัวเขากำพร้าไม่มีพ่อแม่จึงมักทำบุญกับคนแก่บ่อยๆ

“ขอบใจมากพ่อหนุ่ม ช่วยพาตาไปส่งที่...”

ชายชราบอกชื่อซอยแห่งหนึ่งซึ่งอยู่ไม่ไกลจากบริเวณนั้น

“ได้ครับคุณตา เดี๋ยวผมพาไป”

วิทยาลืมนึกถึงกฎเหล็กของภรรยาเรื่องการกลับบ้านช้า เขาเป็นห่วงชายชรามากกว่าห่วงตัวเอง เมื่อสัญญาณไฟเขียวชายหนุ่มก็ขับรถไปยังสถานที่ที่อีกฝ่ายบอก เขาเลี้ยวรถเข้าไปในซอยค่อนข้างเงียบไปจนสุดซอย พบว่ามีวิหารแห่งหนึ่งตั้งอยู่ที่นั่น

“ตาอาศัยอยู่ที่นี่ วิหารศักดิ์สิทธิ์แหงคาไลน์” ตาแก่บอก

วิทยาขับรถผ่านประตูรั้วเห็กเข้าไปตามทางจนถึงหน้าวิหาร แล้วเปิดประตูรถลงมาช่วยพยุงคนแก่พาเดินเข้าไปในวิหาร พลางมองไปรอบๆ บริเวณนั้นอย่างสนใจ ยามนี้เป็นเวลาค่อนข้างเย็นแล้วแดดอ่อนแสงลงจึงไม่ร้อนเท่าไหร่ บวกกับต้นไม้ใหย่น้อยที่ปลุกไว้ทั่วบริเวณ ทำให้ร่มรื่นเย็นสบาย เขามองหาคนที่อาศัยอยู่ที่นั่นแต่ไม่พบใคร มันดูเงียบสงบราวกับไร้คนอาศัย แต่บริเวณโดยรอบสะอาดดีมีการบำรุงรักษาไม่ได้รกร้าง อาคารของวิหารก็ยังใหม่เหมือนเพิ่งสร้างได้ไม่นาน

“คุณตาอยู่กับใครครับ ที่นี่ดูเงียบๆ” เขาหันมาถามคนแก่

“ตาอยู่กับเพื่อนๆอีกสองคน เดี๋ยวจะแนะนำให้รู้จัก”

ชายแก่ยิ้มให้ พลางเดินนำเข้าไปในวิหารด้วยท่าทางกระฉับกระเฉงต่างจากก่อนหน้าราวกับคนละคน วิทยารีบเดินตามเข้าไป พอเข้ามาถึงด้านในชายหนุ่มถึงกับยืนตะลึง เมื่อพบว่า ภายในวิหารแห่งนี้ ตกแต่งได้อย่างสวยงามด้วยโทนสีดำและทอง ตรงกลางห้องโถงใหญ่วางรูปปั้นประหลาดไว้ ลักษณะเป็นรูปปั้นคนแต่มีศีรษะเป็นแพะสีดำ ด้านหน้ามีบ่อน้ำพุสีฟ้าอยู่และมีแท่นบูชาทำจากหินอ่อนสีดำขนาดกว้างเท่ากับเตียงวางไว้ วิทยาเห็นชายสามคนในชุดคลุมสีดำยืนอยู่หน้าแท่นพิธี แต่ไม่พบชายแก่ที่เดินนำเข้ามาแต่อย่างใด ทั้งสามคนมีใบหน้าไม่เหมือนคนไทยน่าจะเป็นลูกครึ่งฝรั่ง เพราะมีสีตาออกสีฟ้า สีม่วงและสีเขียว ชายคนที่ยืนตรงกลางรูปร่างสูงใหญ่ดวงตาสีม่วงมีผมสีดำยาวกลางหลัง ส่วนชายที่อยู่ด้านซ้ายมือมีผมสีทองดวงตาสีฟ้าและชายอีกคนมีผมสีน้ำตาลดวงตาสีเขียว ทุกคนอายุน่าจะรุ่นราวคราวเดียวกับเขา

“เอ่อ... ผมพาคุณตามาส่งครับ แกบอกว่าอาศัยอยู่ที่นี่ แกเพิ่งเดินเข้ามาก่อนหน้าผมเมื่อสักครู่นี้เอง”

วิทยารีบบอกเจ้าของสถานที่ เกรงอีกฝ่ายจะเข้าใจผิดว่าเขาบุกรุกเข้ามา นี่ก็ใกล้ค่ำแล้วมันชวนเข้าใจผิดได้ง่าย

“เจ้าชื่ออะไร”

ชายคนที่ยืนอยู่ตรงกลางเอ่ยถามเสียงเข้ม

วิทยากะพริบตาเมื่อรู้สึกว่าเขาเห็นพรายแสงสีฟ้าบางอย่างส่องออกมาจากด้านหลังของคนพูด

“ผมชื่อวิทยาครับ วิทยา มหาบำรุง”

เขาบอกชื่อและนามสกุลเต็มยศ พลางลอบถอนหายใจแรงๆ ไม่ให้ตัวเองรู้สึกเกร็งกับสถานการณ์ชวนอึดอัดนี้