
บทย่อ
เขามีปัญหาน้องชายไม่แข็งตัว เพื่อนจึงแนะนำให้ลองไปบาร์ลึกลับแห่งหนึ่ง ก่อนจะพบว่าที่แห่งนี้ได้เปลี่ยนชีวิตอันแสนจืดชืดของเขาไปตลอดกาล
ตอนที่ 1 บาร์ลึกลับ
พัทยานับว่าเป็นเมืองที่ขึ้นชื่อว่าเป็นสวรรค์ของคนหนุ่มสาวที่ชื่นชอบในการท่องราตรี และเป็นจุดมุ่งหมายแรก ๆ สำหรับชาวต่างชาติที่ต้องการมาเที่ยวประเทศไทย แต่นอกชานเมืองนั้นกลับเงียบสงบจนน่าประหลาด
ท่ามกลางพื้นที่รกร้างมีร้านหนึ่งชื่อ Beautiful Charm ที่มองดูแล้วคล้ายกับคลับทั่วไป แต่มาตั้งโดดเด่นเงียบเชียบในที่ที่ไร้ผู้คนอยู่อาศัยในย่านนี้
มันชวนให้แปลกใจไม่น้อย...
ตอนปิแอร์ขับรถมาถึงสถานที่แห่งนี้เพราะเขาอยากลองมาตามคำแนะนำของเพื่อนรักดู เขาก็ต้องเลิกคิ้วด้วยความแปลกใจแกมสงสัย ทั้งที่ร้านนี้น่าจะสามารถไปตั้งอยู่ท่ามกลางแสงสีเหมือนร้านทั่ว ๆ ไปได้ แต่มันกลับมาอยู่ตรงนี้ราวกับไม่ต้องการเป็นที่รู้จักสักเท่าไหร่
ถึงจะสงสัยไม่น้อยกับการเลือกพื้นที่ทำเลของเจ้าของที่นี่จนอยากกลับบ้านไปนอน ทว่าไหน ๆ ก็มาถึงแล้ว หากจะวนรถกลับไปเลย การเดินทางมายาวนานถึงสามชั่วโมงของเขาคงต้องสูญเปล่าแน่นอน ดังนั้นลองดูสักตั้งก็ไม่เสียหาย เพราะตอนนี้เขาก็ไม่มีอะไรให้เสียแล้วจริง ๆ
ทั้งชีวิตที่แสนจืดชืดและเซ็กซ์ที่มีแต่อะไรแบบเดิมจนเขาไม่ขันสู้ในยามปกติที่ควรจะเป็น วันนี้ปิแอร์จึงลองทำตามคำพูดของเพื่อนรักที่บอกให้มาที่นี่สักครั้งคงไม่เป็นไร แถมอีกอย่างบาร์นี้ก็ค่อนข้างลึกลับมากพอตัว หากเรื่องที่ลูกชายของตระกูลเซนต์มอร์มีไอ้นั่นไม่ขันแพร่งพรายออกมาก็คงไม่มีใครรู้ เพราะที่นี่ไกลจากตัวเมืองมากจนไม่น่าจะมีใครรู้จักเขา
ทว่ามีอีกอย่างหนึ่งที่เขาอดคิดไม่ได้เพราะบาร์แห่งนี้แตกต่างไปจากที่อื่นมากคือ นอกจากคนที่ไม่มีบัตรหรือคำแนะนำจากคนในมาก็จะไม่มีทางเข้าไปได้ ไหนกฎของบาร์ที่ตั้งขึ้นมาว่า ‘ขอให้สมาชิกทุกท่านเก็บความลับของเมมเบอร์ทุกคนเป็นความลับ’ นั่นอีก
เขาไม่รู้ว่าข้างในนั้นมีความลับอะไรนักหนา เพราะตอนที่เควินแนะนำเขามา สิ่งที่มันบอกกับเขาเอาไว้มีแค่ว่า ‘แกลองไปที่นั่นดู จากไร้อารมณ์จะกลายเป็นพวกเลือดร้อน อารมณ์พลุ่งพล่านกันเลยทีเดียว’
ต่อให้เขาถามกลับว่าในนั้นมีอะไร เพื่อนตัวดีก็ไม่บอกมากไปกว่านี้ ด้วยความสงสัยที่มันมีมากล้นขึ้นทุกวันจนเมื่อผ่านมาได้หนึ่งอาทิตย์หลังจากได้รับคำแนะนำมา สุดท้ายเขาจึงต้องมาเยือนสถานที่ที่เต็มไปด้วยความลึกลับแห่งนี้จนได้
“เหอะ” คิดไปแล้วก็อดแค่นเสียงหัวเราะในลำคอมาเย้ยหยันตัวเองไม่ได้ เพราะความอยากรู้อยากเห็นแท้ ๆ เขาเลยต้องเดินทางมาไกลขนาดนี้
จากนั้นปิแอร์จึงตบไฟเลี้ยวเข้าไปทางลานจอดรถ หลังจากหาที่จอดได้เหมาะ ๆ เขาก็ไม่รีรอที่จะเดินตรงดิ่งไปที่หน้าร้าน
ทันทีที่เปิดประตูและย่างกรายเข้ามาในร้าน กลิ่นหอมแปลกประหลาดก็โชยมาเตะจมูก เท้าทั้งสองข้างของปิแอร์หยุดชะงักโดยไม่รู้ตัว กว่าสติของเขาจะกลับมาอีกครั้งก็เป็นตอนที่เขาสูดดมกลิ่นหอมคล้ายกำยานเหล่านั้นเข้าไปหลายเฮือกจนร้อนรุ่มไปหมด หัวใจเริ่มเต้นแรง ลมหายใจถี่กระชั้นขึ้นทีละน้อย
ความรู้สึกแปลกประหลาดที่ประดังเข้ามาทำให้ร่างสูงใหญ่ของเขาร้อนรุ่มอย่างไม่เคยมาก่อน ก่อนจะมีเสียงเย็น ๆ เสียงหนึ่งดังขึ้นจากในมุมมืดทางซ้ายมือ
“ยินดีต้อนรับคุณผู้ชายผู้สูงศักดิ์ครับ”
ปิแอร์หันขวับทันทีพร้อมกับหรี่ตามองบาร์เทนเดอร์ทั้งสองที่ปรากฏกายขึ้นจากเคาน์เตอร์เล็ก ๆ ด้านข้างที่เขาไม่ทันได้สังเกตเห็นในทีแรก พวกเขาค่อย ๆ เดินออกมาจากที่ซ่อนแล้วมายืนตรงหน้าแขกผู้มาใหม่ ทำให้ปิแอร์เห็นว่าทั้งคู่ต่างสวมใส่ชุดสูทผูกโบกระต่ายไว้ตรงคอ
ปิแอร์อดก้าวถอยหลังไปสองก้าวไม่ได้ เพราะถ้าสถานการณ์ผิดปกติไปมากกว่านี้เขาจะได้ไหวตัวหนีทัน แม้เขาจะสูงกว่าคนทั้งคู่สองสามคืบแต่ก็ประมาทไม่ได้ เผื่ออีกฝ่ายมีอาวุธซ่อนไว้
แต่เหมือนบาร์เทนเดอร์ทั้งสองที่ใส่สูทคนละสีจะรับรู้ถึงความระแวดระวังภัยของเขา คนที่สวมชุดสีขาวก็โค้งตัวลงมาด้านหน้าเล็กน้อย
“ขอรบกวนถามหน่อยนะครับ ไม่ทราบว่าคุณผู้ชายมาที่นี่เพราะอะไรเหรอครับ” กล่าวจบเขาก็กลับมายืนตัวตรงตามเดิม ก่อนจะยิ้มจาง ๆ ในขณะมองแขก
ความสุภาพนอบน้อมที่อีกฝ่ายแสดงออกมาทำให้ปิแอร์กลับมายืนเป็นปกติบ้าง จากนั้นจึงกระแอมกระไอเล็กน้อยเรียกสติที่หายไปของตัวเองกลับคืนมาพร้อมปัดเสื้อผ้าแก้เขิน
“สวัสดี ฉันมาตามคำแนะนำจากบัตรนี้” ไม่พูดเปล่าปิแอร์ล้วงมือเข้าไปในกระเป๋ากางเกง แล้วเอาบัตรสีดำกรอบทองออกมาโชว์ตรงหน้า
เพียงแค่พนักงานหนุ่มเห็นบัตรเรียบง่ายแต่หรูหราเอาการอยู่ในมือของแขกหน้าใหม่ สีหน้าของคนทั้งคู่ก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย จากนอบน้อมห่างเหินก็กลายเป็นนอบน้อมที่แฝงไปด้วยความยำเกรง
“ดูท่าพวกผมสองคนตาไร้แววจนทำให้คุณชายผู้สูงศักดิ์ต้องลำบากใจ ต้องขออภัยด้วยนะครับ” คราวนี้เป็นคนสวมชุดสีดำพูดขึ้นแล้วก็กดหัวคนข้าง ๆ ให้ก้มลงทำความเคารพ ทั้งคู่ก้มจนแทบจะเป็นมุมเก้าสิบองศา
“ไม่ต้องขนาดนั้นก็ได้ ไม่เป็นไร” เมื่อเห็นความเล่นใหญ่ปิแอร์ถึงกับต้องรีบเอ่ยทักท้วงด้วยสีหน้าตกใจพร้อมกับมือไม้ก็โบกพัลวัน
“งั้นผมขอรบกวนให้คุณชายเดินเอาบัตรในมือมาให้พวกผมตรวจก่อนนะครับ”
ปากบอกว่าให้ปิแอร์เดินไปยื่นบัตรให้ ทว่ากลับกลายเป็นคนพูดที่สวมใส่ชุดสูทสีดำเดินมาเอาบัตรในมือของเขาไปแทน ก่อนจะนำมันไปเข้าเครื่องตรวจอะไรสักอย่างที่วางอยู่บนเคาน์เตอร์ ผ่านไปสักพักชายหนุ่มตรงหน้าบาร์ก็เงยหน้าขึ้นมาแล้วพยักหน้าน้อย ๆ ให้คู่หู ชายชุดขาวจึงเดินไปหาเพื่อนที่หลังบาร์ด้วย
“ขอให้คุณชายสละเวลาสักครู่นะครับ พวกผมกำลังเตรียมเอกสารให้คุณเซ็นก่อนที่จะเข้าไปในพื้นที่ส่วนลับ เกี่ยวกับกฎระเบียบนิดหน่อยในการเข้าไปข้างใน”
ปิแอร์เองเป็นคนง่าย ๆ มาแต่ไหนแต่ใด พอได้ยินแบบนี้ก็อดขมวดคิ้วไม่ได้
ก็แค่บาร์ธรรมดาบาร์หนึ่งเท่านั้น แล้วอะไรคือพื้นที่ส่วนลับนั่น
ด้วยความสงสัยที่ค่อย ๆ ก่อตัวเกิดมาภายในใจ เขาจึงไม่สามารถหักห้ามเท้าทั้งสองที่ก้าวเดินไปหาคนสองคนนั้นได้ กระทั่งปิแอร์เดินมาหยุดตรงหน้าบาร์เหล้า ชายหนุ่มในชุดสูทสีขาวก็ยื่นกระดาษแผ่นหนึ่งมาให้แขกอย่างไม่รอช้า
ปิแอร์รับมาแล้วก้มหน้าอ่านตัวอักษรที่เรียงรายกันอย่างสวยงาม
กฎข้อที่หนึ่ง สมาชิกทุกท่านที่เข้ามาใหม่จะต้องเก็บเรื่องทั้งหมดในบาร์นี้ไว้เป็นความลับ ไม่อย่างนั้นคุณจะโดนตัดสิทธิ์ทันทีถ้าทำผิด
กฎข้อที่สอง คุณต้องมีชื่อปลอมมาแทนชื่อจริงหลังจากเข้าไป (เรื่องนี้ทางบาร์ของพวกเราไม่บังคับ)
กฎข้อที่สาม ห้ามมองทาสของคนอื่นจนเกินพอดี มิฉะนั้นพวกเราจะเชิญคุณออกไปทันทีที่ได้รับการรายงาน
ส่วนข้อสุดท้าย ขอให้คุณชายมีความสนุกสนานกับค่ำคืนอันแสนสั้นนี้
ด้วยรัก จากเจ้าของกิจการ
หลังจากอ่านกฎเกณฑ์สั้น ๆ ทั้งสามข้อของบาร์ Beautiful Charm จบ ปิแอร์ก็เงยหน้าขึ้นไปสบกับสายตาของคนทั้งสองพลางเดาะลิ้นอย่างตื่นเต้น ก่อนจะเลิกคิ้วขึ้นน้อย ๆ เป็นเชิงถาม
“ไหนปากกาล่ะ แล้วฉันต้องเซ็นตรงไหน”
สิ้นเสียงของเขาชายชุดขาวก็ยื่นมือออกมาหยิบกระดาษคืนแล้ววางลงบนบาร์เพื่อให้ชี้จุดที่ต้องลงชื่อ ซึ่งชายหนุ่มอีกคนเองก็ไม่รอช้า ตอนนี้ต่างคนต่างเริ่มทำหน้าที่ ชายชุดดำหยิบปากกาที่เตรียมไว้ออกมาวางข้าง ๆ กระดาษ
ปิแอร์ก็ไม่อยากชักช้าเช่นกัน เพราะเขาแทบทนไม่ไหวที่จะได้เข้าไปลองความแปลกใหม่ที่กำลังรออยู่ข้างใน
เมื่อเห็นนิ้วเรียวขาวของบาร์เทนเดอร์ชี้ในจุดลงชื่อท้ายกระดาษ ปิแอร์ก็หยิบปากกาขึ้นมาเซ็นชื่อเต็มว่า ‘ปิแอร์ ศิลา เซนต์มอร์’ ลงไป แล้วทันทีที่เขาวางปากกาลงที่เดิม ชายหนุ่มในชุดสูทสีขาวก็เก็บกระดาษลงไปในลิ้นชักพลางหยิบของบางอย่างออกมาแทน อย่างแรกคือบัตรสีทองหรูหราที่เป็นประกายแม้ในแสงไฟสลัว ๆ จากเคาน์เตอร์ส่อง ก่อนจะตามด้วยหน้ากากพลาสติกไร้ลวดลายสีดำ
“คุณผู้ชาย หน้ากากนี้แล้วแต่ว่าคุณจะใส่หรือไม่ใส่ ส่วนเรื่องบัตรใบนั้นผมจะอธิบายให้ฟังในตอนเดินเข้าไปในบาร์ลับ” ชายชุดดำพูด
ปิแอร์ไม่ได้พูดอะไรให้มากความ เขาเอาทุกอย่างใส่เข้ากระเป๋ากางเกงพลางพยักหน้าหงึกหงักอย่างเชื่อฟัง แต่ก็ไม่มีวี่แววจะขยับมือไปหยิบหน้ากากขึ้นมาใส่
