2
2
“ไม่มีวัน”
นภัสปฏิเสธอย่างไม่มีเยื่อใยหลังจากที่ฟังสิ่งที่ญาติผู้น้องต้องการให้ทำจบ หญิงสาวมองหน้าสองแม่ลูกสลับกันไปมา ไม่คิดว่าจะคิดเรื่องบ้าๆ นี้ออกมาได้ สิ่งที่ทั้งสองต้องการนอกจากจะไม่เข้าท่าแล้วยังผิดกฎหมายด้วย ดีไม่ดีพลาดขึ้นมาจะเดือดร้อนกันไปหมด
“นี่ถ้าแกไม่ทำแล้วใครจะทำ” ช่อชบาถามอย่างเห็นแก่ตัว
“ถามจริงๆ นะ คิดได้ยังไงมันผิดกฎหมาย รู้ไหม” นภัสปวดประสาทกับสองแม่ลูกจริงๆ คิดอะไรที่สร้างสรรค์กว่านี้ได้ไหม
“ฉันต้องการสร้างความประทับใจให้เขาก็เท่านั้น คิดดูสิผู้ชายต้องประทับใจแน่ๆ ถ้าเกิดมีผู้หญิงเสี่ยงชีวิตไปช่วย” กวินนิตาพูดอย่างมั่นใจ
“การสร้างความประทับใจมีตั้งมากมาย เช่นทำงานให้เขาพอใจ หรือไม่ก็เอาส่วนที่เรียกว่าสมองมาใช้ ผู้หญิงเก่งและอ่อนหวานน่าจะสร้างความประทับใจให้ผู้ชาย มากกว่าผู้หญิงที่เข้าไปช่วยเขาจากโจร”
“แต่วิธีนี้มันน่าจะดีที่สุด คิดดูสิละครยังทำกันเลย วิธีที่เธอบอกมันต้องใช้เวลาแต่วิธีที่ฉันคิดมันน่าจะเร็วกว่า” กวินนิตายังคงยืนยันความคิดของตนเอง
“มันก็แค่ละคร และตอนจบพระเอกก็ไม่ได้ประทับใจคนที่ไปช่วย แต่ประทับใจคนที่จับเขาไว้ต่างหาก” นภัสถอนหายใจดังๆ
“อย่ามาพูดมาก เขาไม่มีทางประทับใจเธอหรอก เธอมีอะไรให้ประทับใจได้บ้าง หน้าตาก็จืดๆ งั้นๆ หุ่นก็ยังกับกระดาน อะไรที่มันน่าจะนูนก็ไม่นูน แถมยังขี้บ่นผู้ชายที่ไหนชอบก็บ้าแล้ว แล้วอีกอย่างละครกับเรื่องจริงมันคนละเรื่องเข้าใจไหม อย่าโง่สิ” กวินนิตาดูแคลน
“แล้วทำไมต้องเป็นฉัน”
“ข้อแรกเพราะเธอไม่มีอะไรที่เขาจะชอบแน่ ข้อสองเธอคงไว้ใจได้ ข้อสามถ้าเราทำแผนนี้สำเร็จ ฉันก็จะได้ไปเป็นคุณนายหลานสะใภ้คุณหญิง และบ้านเราก็จะสบายขึ้น” กวินนิตายิ้มหวานฝันไปไกลแล้วว่าจะได้เป็นหลานสะใภ้คุณหญิง
“ถ้าอยากจะสบายก็ต้องขยัน จะมาอยากสบายโดยวิธีการแบบนี้มันไม่ถูกต้อง” นภัสยืนยันความคิดเดิม
“ไม่รู้แหละ ยังไงก็ต้องช่วยฉัน” กวินนิตายืนกรานคำเดิม
“ใช่ แกต้องช่วย ไม่อย่างนั้นใครจะช่วย คิดดูดีๆ นะ ถ้านิต้าได้คบหาถึงขั้นแต่งงานกับหลานชายของคุณหญิงอนุชนารถ เราจะสบายแค่ไหน แล้วถ้าแกอยากจะได้โฉนดของบ้านนี้คืนมาแบบไม่ต้องใช้เวลานาน มันก็ต้องเป็นวิธีนี้เท่านั้น” ช่อชบาช่วยกล่อมอีกแรง
“โฉนดนั่นลุงเอาไปไว้กับคุณหญิงและนิต้าก็ไปทำงานใช้หนี้ เมื่อครบกำหนดคุณหญิงก็จะคืน หนูเชื่อว่าคนระดับนั้นคงไม่ทำอะไรผิดคำพูด” นภัสพูดอย่างมั่นใจ
เธอเคยพบคุณหญิงอนุชนารถอยู่หลายครั้งยามท่านเข้าบริษัท ท่านเป็นผู้ใหญ่ใจดีมากคนหนึ่ง ส่วนหลานชายนั้นยังไม่เคยเจอ แต่มีคำร่ำลือว่าเป็นผู้ชายที่บริหารงานเก่งมาก และเสเพลมากเช่นกัน
“แกจะไปไว้ใจเขาได้อย่างไร คนรวยมีเล่ห์เหลี่ยมมากจะตาย” ช่อชบามองในแง่ลบ
“ไม่ว่าจะพูดอย่างไรหนูจะไม่ทำตามทั้งนั้น มีอย่างเหรอจะให้จับผู้ชายไปขังแล้วนิต้าทำเป็นเสี่ยงเข้าไปช่วย เพื่อต้องการให้เขาประทับใจ นี่มันชีวิตจริงไม่ใช่ละคร อย่าคิดอะไรตื้นๆ” นภัสสรุปสั้นๆ แล้วเดินหนีไป ทิ้งให้สองแม่ลูกมองหน้ากันอย่างอารมณ์เสียเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายไม่เอาด้วย
อนิรุทธ์มองโฉนดที่ดินที่อยู่บนโต๊ะทำงานของผู้เป็นยายอย่างสนใจ ที่ดินแปลงนี้เหมาะสมที่จะทำคอนโดมิเนียมหรือไม่ก็บ้านจัดสรรมาก มันสามารถสร้างกำไรมหาศาลได้ไม่ยากเลย อยากรู้เหลือเกินว่ายายได้มันมาได้อย่างไร
“แม่จ๋ามีที่ดินสวยๆ แบบนี้ก็ไม่บอก” อนิรุทธ์เอ่ย เมื่อเห็นว่าหญิงชรามองโฉนดแล้วถอนหายใจ
“มันไม่ใช่ของยาย เขาเอามาฝากยายไว้เรียกว่ามาจำนองดีกว่า ตอนนี้ลูกสาวเขาก็มาทำงานให้เราอยู่นี่ไง”
“อ๋อ ของกวินนิตา” เขาเข้าใจทันทีโดยไม่ต้องพูดอะไรมาก
“ความจริงยายไม่อยากเก็บไว้แต่สงสารเลยต้องรับ นี่ถ้ายายไม่เก็บไว้มีหวังป่านนี้ไม่มีที่อยู่กันแล้ว น่าเศร้านะ พ่อติดการพนัน แม่ก็ไม่ได้ทำอะไร ลูกก็ต้องมาทำงานใช้หนี้ ตอนแรกจะให้หลานที่อยู่ด้วยมาทำงานนี้ แต่ถ้ามาเขาจะเสียรายได้ไป”
“แม่จ๋ารู้จักเหรอครับ”
“คนที่เอาโฉนดมาวางเคยทำงานที่นี่ แล้วก็มีหลานทำงานเป็นเลขาของคุณวิชาผู้จัดการฝ่ายบุคคลของบริษัทเรา ทำงานดีขยันแต่ก็อย่างว่าต้องขยันเพราะต้องเลี้ยงคนในบ้านทุกคน ว่าแต่ดูเหมือนหลานจะเบื่อกวินนิตา” คุณหญิงสังเกตว่าท่าทีหลานชายที่มีต่อสาวน้อยไม่เหมือนผู้หญิงอื่น
“ผมเบื่อครับ” เขาตอบตามตรง
“อะไรกัน นี่ยายหูฝาดไปหรือเปล่า”
“จริงนะ แม่จ๋า บางทีอะไรที่มันบ่อยเกินไปมันก็น่าเบื่อ ตอนนี้ผมมีอะไรที่อยากจะทำหลายอย่างเลยทำให้ลืมๆ เรื่องอย่างว่าไปบ้าง ที่สำคัญผู้หญิงคนนั้นไม่ใช่แนวผมเลย” อนิรุทธ์พูดตามตรง
“แล้วกวินนิตาเป็นอย่างไรล่ะ” หญิงชราถาม
“ดูไม่จริงใจ ทำงานไม่ได้เรื่อง ท่าทางอยากได้ผมจนตัวสั่น แค่นี้พอไหมครับที่ผมจะไม่ชอบ” เขาบอกสั้นๆ แต่คุณหญิงรู้ดีว่าหลานท่านหมายความว่าอย่างไร
“ว่าแต่ผมสนใจที่ดินนี่ อยากได้” อนิรุทธ์วกกลับมาในสิ่งที่ต้องการ
“เรื่องนั้นมันคงไม่ง่าย เราคงต้องคุยกับเจ้าของโฉนด”
“พวกเขาติดหนี้แม่จ๋าเท่าไหร่เหรอครับ”
“ถ้ารวมตอนนี้ก็เกือบจะห้าล้านแล้ว”
อนิรุทธ์นิ่งคิดเล็กน้อย ถ้าอยากได้ที่ดินแปลงนี้ สงสัยต้องหาวิธีให้ได้มาเสียแล้ว และถ้าได้ที่ดินมากวินนิตาก็คงไปให้พ้นหน้าด้วยเช่นกัน
“ไม่ได้ ทำแบบนั้นไม่ได้ ที่ดินนี่ไม่ใช่ของลุง ของป้าและของเธอ มันเป็นของพ่อและแม่ฉัน ทุกคนไม่มีสิทธิ์ทำแบบนี้”
นภัสตะโกนลั่นบ้าน เมื่อได้ยินว่าวันนี้อนิรุทธ์มาคุยเรื่องบ้านและที่ดินว่าต้องการจะขอซื้อ และดูเหมือนว่าทุกคนจะยินดีตกลง เพราะต้องการเงินมากกว่าจะหาทางรักษาบ้านที่ไม่ใช่สมบัติของตัวเอง
“เขาชอบที่นี่มาก ถ้ายอมเราจะได้เงินเข้ามาอีกหลายล้าน” กวินนิตาพูดออกมาอย่างคนโลภ
“ไม่ ฉันไม่ยอม” นภัสยืนกรานคำเดิมหนักแน่น
“ถ้าไม่ยอม เธอก็ต้องช่วยฉันสิ” คราวนี้กวินนิตาต่อรองบ้าง
“ช่วยอะไร”
“ทำตามแผนที่ฉันบอกไว้ไง อย่าลืมสิ ถ้าทำสำเร็จโฉนดที่ดินนั่นจะเป็นของเธอ ส่วนฉันก็จะได้คบหาอาจจะเลยไปถึงขั้นแต่งงาน เรามีแต่ได้กับได้และถ้าเธอยอมทำตามแผนที่ฉันวางไว้ ฉันจะเอาโฉนดมาคืนให้ เธอก็จะได้ไอ้ที่ดินพร้อมบ้านโทรมๆ หลังนี้กลับไป ส่วนฉัน พ่อ และแม่ก็จะไปอยู่ในที่ที่ดีกว่านี้อีกมาก” กวินนิตาวางแผนทุกอย่างไว้อย่างสวยหรู ไม่วิธีใดก็วิธีหนึ่งเธอมีแต่ได้กับได้อย่างเดียว
“ฉันว่าแกน่าจะทำตามที่นิต้าบอก ฉันเองก็ไม่อยากอยู่ไอ้บ้านซอมซ่อต่อไปแล้ว มันได้ประโยชน์กับเราทั้งสองฝ่ายเลย” ช่อชบาได้ทีเลยรีบพูดหวังจะให้หลานสาวทำตามแผน
“หนูขอคิดดูก่อน” นภัสเริ่มลังเลแม้จะไม่เห็นด้วย แต่ก็ดีกว่าที่จะขาย
“ไม่ต้องคิดอะไรแล้ว แกก็ทำตามที่นิต้าบอกก็จบ” ปกรณ์สรุปหลังจากนั่งฟังมานาน
“เรื่องนี้มันจะไม่เกิด ถ้าลุงไม่ขโมยโฉนดที่ดินของหนูไป” นภัสหันมาจ้องหน้าคนต้นเหตุ แต่ปกรณ์โวยวายกลับไปว่า
“อย่ามาปากดีกับฉัน ถ้าไม่มีฉัน แกไม่มีวันโตมาได้แบบนี้หรอก ฉันกับเมียเลี้ยงดูแกมาตั้งแต่ยังเด็ก จนแกโตมาเถียงฉันได้ขนาดนี้ แกควรสำนึกบุญคุณพวกฉันไว้บ้าง ฉันต้องอดทนแค่ไหนที่ต้องเลี้ยงดูแก ส่วนป้าแกก็ไม่เคยมาดูดำดูดี มีแต่ครอบครัวของฉันเท่านั้นที่เลี้ยงดูแกมา และเรื่องที่ลูกฉันอยากให้แกทำมันก็เป็นผลดีกับทุกฝ่าย”
นี่ถ้านภัสยังเป็นเด็กเขาคงตบคว่ำไปแล้ว ในขณะที่นภัสเม้มปากแน่นอยากจะเถียงใจจะขาดว่า ป้าที่เป็นเจ้าของสวนที่กุยบุรีนั้นไม่ได้เป็นอย่างที่ปกรณ์พูดเลยสักนิด
ตรงกันข้าม ปกรณ์และช่อชบาต่างหากที่พยายามกีดกันไม่ให้เธอพบกับป้า แต่อย่างไรก็ตามเธอกับป้าผกากรองนั้นแอบติดต่อกันมาตลอดโดยไม่ให้คนพวกนี้รู้
“หนูรู้ค่ะว่าป้ากับลุงดูแลหนูมาตั้งแต่เด็ก แต่เรื่องที่จะให้หนูไปทำ มันเป็นเรื่องที่เสี่ยงมาก ถ้าพลาดเราจบกันหมดและหนูจะซวยที่สุด”
“แกก็อย่าทำพลาดสิ” ช่อชบาสำทับ
“หนูขอคิดดูก่อน หนูมีงานต้องทำด้วย จะขาดงานมันคงไม่ใช่เรื่องดีนัก” นภัสประวิงเวลา
“แกใช้พักร้อนบ้างสิ ตั้งแต่ทำงานมาไม่เคยหยุดเลย ขนาดป่วยก็ยังไปทำงาน แล้วแค่ช่วยเหลือครอบครัวของผู้มีพระคุณแค่นี้ แกจะต้องคิดอะไรมาก อีกอย่างแกก็ทำงานที่นั่นมานานเจ้านายก็ใจดี เขาต้องยอมบ้างแหละ เห็นแก่ความดีความชอบของแก” กวินนิตาจัดการเสร็จสรรพ
“มันลาได้กี่วัน” ช่อชบาถาม
“มากสุดสิบห้า แต่มันไม่ควรลาขนาดนั้น” นภัสพูดด้วยน้ำเสียงที่ค่อนข้างจะเครียด
“แกลาเต็มที่ไปเลย”
“นี่จะให้หนูจับเขาไปสิบห้าวันเลยหรือไง” หญิงสาวโวยทันทีที่ฟังจบ
“แค่สามสี่วันเท่านั้นแต่อยากให้แกได้พักบ้างไง นี่ฉันหวังดีกับแกนะ เลยแนะนำแบบนี้” ช่อชบาเอ่ย
“คิดดีๆ นะฟ้า ทำตามที่ฉันบอกดีที่สุด ถ้าไม่ทำฉันจะรับเงินจากเขามา ถ้าแกอยากได้บ้านและที่ดินคืนก็ต้องไปใช้หนี้เอง ฉันจะไม่ยอมให้พ่อแม่หรือตัวเองต้องมายุ่งเกี่ยวกับเรื่องนี้เป็นอันขาด” กวินนิตาขู่
นภัสนั่งมองภาพถ่ายของพ่อแม่ตัวเองด้วยความเศร้า ดวงตาคู่หวานมีน้ำตาคลออยู่เล็กน้อย เธอกำลังอับจนหนทาง ไม่อยากทำในสิ่งที่กวินนิตาต้องการ
แต่ต่อให้ทำงานมานานเธอก็มีเงินเก็บไม่มากนัก เพราะเงินเดือนที่หามาได้ก็ถูกป้าและลุงรวมทั้งกวินนิตารีดไถเพราะคำว่าบุญคุณ เงินเก็บตอนนี้มีไม่ถึงครึ่งล้านด้วยซ้ำ ดังนั้นเรื่องการไปใช้หนี้แทนล้มความคิดไปได้เลย
“นี่หนูต้องทำเรื่องบ้าๆ พวกนี้จริงๆ ใช่ไหมคะพ่อ แม่” หญิงสาวพูดเสียงเครือ
“หนูยอมเสียบ้านและที่ดินตรงนี้ไปไม่ได้ แต่หนูก็ไม่อยากทำอะไรแบบนั้น และที่สำคัญหนูไม่มีเงินมากพอที่จะทำในทางที่ถูก ไม่รู้ว่าทำไมเขาถึงมาสนใจที่ดินตรงนี้นัก” หญิงสาวรู้สึกไม่ชอบหลานชายของคุณหญิงอนุชนารถขึ้นมาดื้อๆ ทั้งที่ยังไม่เคยเห็นหน้า
ทุกคนยิ้มอย่างพอใจ เมื่อนภัสเดินเข้ามาบอกว่าจะยอมทำตามแผนการที่วางไว้ ถึงแม้ว่าจะเป็นการยอมแบบจำใจก็ตาม
“ดีมาก แกคิดแบบนี้ถูกต้องที่สุด การตัดสินใจของแกครั้งนี้ เป็นการตัดสินใจที่ฉันชื่นชมมาก” ช่อชบากับปกรณ์พูดออกมาพร้อมๆ กัน
“แล้วต้องเริ่มเมื่อไหร่ จับไปกี่วัน และแน่ใจเหรอว่าเขาจะไม่หนี” หญิงสาวหันมาถามญาติผู้น้องด้วยความกังวล ถ้าจัดการไม่ดีทุกอย่างจะพังได้ง่ายๆ
“เรื่องหนีไม่น่าเป็นห่วงเธอคงมีทางป้องกันได้ จับไปแค่สามสี่วันเท่านั้น ส่วนจะจับไปไว้ที่ไหนนั้นก็ตั้งใจว่าจะจับไปไว้ที่ชนบท เขาว่าจะไปเที่ยวอะไรที่มันเป็นธรรมชาติ เดินป่า เข้าถ้ำอะไรแบบนี้ เธอมีญาติอยู่แถวกุยบุรีไม่ใช่เหรอ จับไปไว้แถวนั้นน่าจะดี”
“ต้องบอกป้าก่อน”
พี่สาวของพ่อทำสวนผลไม้อยู่ที่นั่น นภัสและป้าติดต่อกันมาตลอด หลายครั้งป้าอยากจะให้ไปอยู่ด้วยกันที่นั่น แต่เธอไม่สามารถทิ้งบ้านหลังนี้ไปได้ และแน่นอนว่าป้าพี่สาวพ่อไม่ถูกชะตากับป้าพี่สาวของแม่มากนัก
“เธอจัดการก็แล้วกัน” กวินนิตาโยนความรับผิดชอบให้กับนภัสทันที
นภัสถอนหายใจด้วยความเครียด รู้ตัวว่ากำลังจะทำในสิ่งที่บ้าที่สุดในชีวิต ทำสิ่งที่ไม่เคยคิดว่าจะทำเลยแม้แต่เสี้ยวหนึ่งของความคิด
คุณหญิงอนุชนารถมองหลานชายที่เดินถือกระเป๋าลงมาจากชั้นบนด้วยรอยยิ้ม พร้อมทั้งกวักมือเรียกให้มากินอาหารเช้าร่วมกันก่อนที่จะออกเดินทาง ชายหนุ่มทำตามโดยดีพร้อมมองอาหารตรงหน้าด้วยความพอใจ คุณยายช่างรู้ใจหลานชายคนนี้เหลือเกิน
“วันนี้ข้าวต้มหมูฝีมือแม่จ๋าใช่ไหมครับ”
“รู้ได้อย่างไรว่ายายทำ” คุณหญิงถามกลับด้วยน้ำเสียงที่มีความสุข
“หน้าตาแบบนี้ กลิ่นหอมๆ แบบนี้ต้องแม่จ๋าทำไม่มีคนอื่นแน่ๆ ข้าวต้มหมูของแม่จ๋านี่อร่อยที่สุดเลย แม่ยังทำสู้ไม่ได้” เขาเริ่มประจบ
“อย่ามาประจบคนแก่เลย ว่าแต่เตรียมตัวพร้อมหรือยัง”
“พร้อมครับ”
“ทำไมถึงอยากไปกุยบุรี” หญิงชราชวนคุย
“กวินนิตาคุยว่าสงบ อีกอย่างผมไม่ได้เที่ยวแบบธรรมชาตินานแล้ว”
“แล้วกวินนิตาจะมารับเราเมื่อไหร่” คุณหญิงถามต่อ
“เห็นว่าเก้าโมงเช้าครับ ความจริงผมอยากขับรถไปคนเดียวมากกว่า” อนิรุทธ์พูดตามตรง
“ทำไมพูดแบบนี้ล่ะ เขาได้ยินจะเสียใจนะ มีเพื่อนไปด้วยยายว่ามันเป็นสิ่งที่ดี อย่างน้อยจะได้คอยดูแลหลานไง” นางพยายามมองเป็นเรื่องดีมากกว่า
“ผมจะต้องดูแลเสียมากกว่า บอกตรงๆ ผู้หญิงคนนั้นน่ารำคาญ”
กวินนิตาน่ารำคาญมาก ทำตัวจุ้นจ้านแถมยังชอบให้ท่าทุกครั้งที่มีโอกาส ทำไมเขาจะไม่รู้ว่าเธอคิดอะไรอยู่เพียงแต่แกล้งทำเป็นไม่สนใจเท่านั้น
“เอาเถอะ ครั้งนี้ก็แค่ไปส่งหลานไม่ใช่เหรอ”
“ใช่ครับ ให้ไปอยู่ด้วยคงไม่ไหว ผมคงไม่ได้พักผ่อน”
“ไปเที่ยวให้สนุก พักผ่อนให้เต็มที่ กลับมาก็ลุยงานเต็มที่ซะ” หญิงชราพยายามพูดให้หลานชายรู้สึกดี
“แม่จ๋านี่รู้ทันทุกเรื่องเลยนะครับ แบบนี้แหละต้นฉบับผู้หญิงในอุดมคติของผมเลย” อนิรุทธ์ยิ้มหวาน ทำให้คนที่ฟังยิ้มอย่างมีความสุข
“ถ้าเป็นอย่างที่พูดยายก็สบายใจ เพราะถ้าเราไปคว้าพวกสาวสังคมหรือพวกนางแบบเจนโลกมากๆ มา ยายคงต้องปวดหัวแน่ๆ” คุณหญิงดักคอไว้ก่อน ในขณะที่อนิรุทธ์ได้แต่ยิ้ม
