
บทย่อ
ตามเนื้อเรื่องเดิมหลี่ม่านหลินได้หมั้นหมายกับพระเอกของเรื่อง ทั้งสองรู้จักกันมาตั้งแต่เด็ก เรียนมัธยมทั้งต้นและปลายด้วยกันเรียกได้ว่าเป็นคู่เหมยเขียวม้าไม้ไผ่ แต่ตอนนี้ทุกอย่างเปลี่ยนไปเพราะมีตัวประกอบที่กลับชาติมาเกิด และสิ่งแรกที่อีกฝ่ายทำคือวางแผนแย่งพระเอกไปจากเจ้าของร่างเดิม เฮอะ! ใครจะอยากได้พระเอกเฮงซวยกัน! ยัยตัวประกอบอยากจะได้ก็เอาไปเลย! โลกนี้มีผู้ชายอีกเป็นล้าน ไม่ขอไปแย่งชิงด้วยหรอกนะ!
ตอนที่ 1 ทะลุมิติ
ปี 1977 หมู่บ้านต้าฮวา
เวลาเที่ยงวันแสงแดดแผดจ้า ชาวบ้านที่ทำงานหนักมาทั้งเช้าในทุ่งนากำลังถือเครื่องมือกลับบ้านเพื่อเตรียมกินอาหารกลางวัน ตอนนี้เป็นเวลาเที่ยง ปล่องไฟทุกหลังคาเรือนเริ่มมีควันสีขาวลอยขึ้นมา
เมื่อเดินผ่านบ้านหลังหนึ่ง พวกเขาก็อดไม่ได้ที่จะมองเข้าไปข้างใน
“บ้านลุงหลี่ไม่ได้ไปทำงานมาสองวันแล้วใช่ไหม”
“ลูกสาวคนเล็กของเขายังไม่ตื่น จะมีแก่ใจไปทำงานได้ยังไง บ้านเขามีลูกชายตั้งสามคน ไม่ต้องกลัวอดหรอก!”
“ฉันได้ยินมาว่าบ้านตระกูลโจวจะมาขอถอนหมั้น โธ่เอ๊ย…สองวันก่อนฉันยังคุยกับลุงหลี่อยู่เลย ว่ารอให้เด็กๆ สอบเข้ามหาวิทยาลัยได้ก็จะจัดงานเลี้ยงแต่งงาน!”
“พูดไปก็เหมือนเป็นเรื่องของโชคชะตา นางหนูม่านหลินกับนางหนูมี่มี่ตกลงไปในแม่น้ำด้วยกัน แต่เจ้าโจวเหวินจวิ้นนั่น” เธอพูดพลางถอนใจ “กลับช่วยลูกสาวบ้านลุงจ้าวขึ้นมา ซะได้! หลังจากนี้ก็คงต้องรับผิดชอบนางหนูมี่มี่แทนเพราะว่าจับต้องเนื้อตัวเธอไปแล้ว”
“เอ๊ะ!...แล้วใครช่วยลูกสาวบ้านลุงหลี่ขึ้นมาล่ะ”
“ได้ยินว่า…ชื่อฮั่วซือเฉิงเป็นลูกชายของ ฟางเหมยที่เป็นแม่ม่ายอยู่ท้ายหมู่บ้าน”
บ้านหลี่ บ้านจ้าว บ้านโจว และบ้านแม่ม่ายท้ายหมู่บ้าน กลายเป็นหัวเราะข้อหลักของชาวบ้านในการพูดถึงกัน
เรื่องของเรื่องก็คือลูกสาวบ้านหลี่กับเด็กหนุ่มบ้านโจวเพิ่งจะหมั้นกันไปเมื่อเดือนก่อน ทั้งสองครอบครัวตั้งใจกันว่าหากเด็กทั้งคู่สอบติดมหาวิทยาลัยก็จะจัดงานเลี้ยงแต่งงาน
แต่ใครจะไปรู้ว่าเมื่อสองวันก่อน หลี่ม่านหลินกับจ้าวมี่มี่จะตกลงไปในแม่น้ำนอกหมู่บ้านด้วยกัน
ช่วงนี้เป็นฤดูฝน น้ำในแม่น้ำเชี่ยวกราก ถ้าช่วยคนขึ้นมาไม่ทัน ทั้งสองคนคงแย่แน่!
แต่มันก็บังเอิญเหลือเกินที่โจวเหวินจวิ้นกับ ฮั่วซือเฉิงผ่านมาทางนั้นพอดี และทั้งสองคนก็ลงไปช่วย
ในเมื่อบ้านโจวกับบ้านหลี่มีสัญญาหมั้นกันแล้ว เขาก็ควรจะช่วยคู่หมั้นของตัวเองสิ แต่กลับช่วยจ้าวมี่มี่ขึ้นมาซะได้!
ทีนี้เรื่องก็เลยวุ่นวายกันใหญ่ ทั้งกอดทั้งจับตัวผู้หญิงคนอื่นแล้วก็ต้องรับผิดชอบ ส่วนหลี่ม่านหลินที่ถูกผู้ชายอื่นช่วยขึ้นมา ก็ต้องแต่งงานกับอีกคนแทน!
แอ๊ด~~
ประตูห้องถูกเปิดออก แสงแดดจากภายนอกส่องเข้ามา ทำให้ห้องที่มืดมิดดูสว่างขึ้นมาก บนเตียงตรงกลางมีหญิงสาวหน้าซีดนอนอยู่ เธอมีใบหน้างดงามหมดจด ความซีดเซียวนี้กลับเพิ่มความงดงามที่ดูอ่อนแอให้เธอ
คนที่เข้ามาคือหญิงวัยกลางคน ในมือถือถ้วยยาที่ยังร้อนกรุ่น เธอพยุงตัวหญิงสาวลุกขึ้นนั่ง ก่อนจะตักยาในถ้วยเป่าเบาๆ รอจนหายร้อนแล้วค่อยๆ ป้อนเข้าไปในปากอย่างระมัดระวัง
หลังจากป้อนยาเสร็จ หญิงวัยกลางคนก็ดึงผ้าห่มบางๆ ขึ้นมาคลุมตัวลูกสาว สายตาที่มองเต็มไปด้วยความสงสาร
“วันนี้หลินหลินยังไม่ตื่นอีกเหรอ” หลี่เหว่ยยืนอยู่ตรงประตู มองเข้าไปข้างใน เห็นลูกสาวของตัวเองยังคงนอนอยู่บนเตียง สีหน้าของเขาก็ยิ่งเศร้าหมอง “ลูกสาวบ้านจ้าวฟื้นตั้งแต่เมื่อวานแล้ว ทำไมลูกสาวเรายังไม่ฟื้นสักที”
รั่วหลานเหลือบมองสามีของตัวเองแล้วค่อยๆ เดินออกไปปิดประตูอย่างเบามือ พอประตูปิดลง สีหน้าของเธอก็เปลี่ยนเป็นขุ่นเคืองทันที
“ทำหน้าอะไรของคุณ ลูกสาวยังไม่เป็นอะไร สักหน่อย เก็บสีหน้าซังกะตายของคุณไปเลยนะ! หมอดูทักแล้วว่าหลินหลินบ้านเรามีบุญวาสนาดี ยังไงก็ต้องไม่เป็นอะไร คุณอย่ามาพูดจาไม่เป็นมงคลให้ฉันได้ยินนะคะ!”
หลี่เหว่ยพูดเสียงอ่อน “ผมก็แค่เป็นห่วงลูกสาว นี่นา”
“เป็นห่วงลูกสาวก็ไปหาเนื้อจากบนภูเขามาให้ฉันสิ ถ้าลูกตื่นขึ้นมาจะได้เอามาบำรุงร่างกาย!”
หลี่เหว่ยได้ยินภรรยาพูดก็เห็นด้วย เขารีบหันหลัง คว้าตะกร้าสะพายหลังแล้วเดินฝ่าแดดร้อนขึ้นไปบนเขา ในใจก็คิดว่าต้องไปหาไก่ป่าหรือกระต่ายป่ากลับมาให้ได้!
เมื่อหลี่เหว่ยไปแล้ว สีหน้ากังวลก็กลับมาปรากฏบนใบหน้าของรั่วหลานอีกครั้ง ความจริงเธอก็เป็นห่วงอยู่เหมือนกันที่ลูกสาวสุดที่รักนั้นยังไม่ฟื้น
เป็นเพราะไอ้เด็กบ้านโจวคนนั้นแท้ๆ หลินหลินเป็นคู่หมั้นของเขานะ ทำไมไม่ช่วยหลินหลินขึ้นมาก่อน
ถ้าหลินหลินเป็นอะไรไป เธอจะไม่ปล่อยพวกมันเด็ดขาด!
ในดวงตาของเธอมีแต่ความโกรธ แต่ทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงดังมาจากห้องข้างหลัง หญิงวัยกลางคนรีบเปิดประตูทันที
เมื่อเข้าไปก็เห็นว่าลูกสาวในเวลานี้ตื่นขึ้นมาแล้ว!
“ลูกสาวสุดที่รักของแม่ ในที่สุดลูกก็ตื่นเสียที!” รั่วหลานโผเข้าไปกอดลูกสาวด้วยความดีใจ “อย่าเพิ่งลุกนะลูก ร่างกายลูกยังไม่ดีขึ้นเลย! เด็กดี แม่ตกใจแทบแย่ ถ้าลูกเป็นอะไรไป แม่จะทำยังไง…”
หลี่ม่านหลินหน้าซีด เผยรอยยิ้มอ่อนแรงก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงแหบแห้ง “แม่คะ ไม่ต้องห่วง หนูไม่เป็นอะไรค่ะ”
“เป็นขนาดนี้แล้วยังบอกว่าไม่เป็นอะไรอีกเหรอ!” รั่วหลานตาแดงก่ำ จ้องลูกสาวแล้วดึงผ้าห่มขึ้นมาคลุมตัวให้ดีๆ แล้วถามด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “หลินหลิน หิวไหม แม่จะไปต้มน้ำตาลแดงใส่ไข่ให้กินดีไหม”
หลี่ม่านหลินส่ายหน้า “หนูยังไม่หิวเท่าไหร่ค่ะ ขอนอนพักอีกสักหน่อยดีกว่า”
“ได้ ลูกนอนพักเถอะ ตื่นแล้วแม่จะต้มน้ำตาลแดงใส่ไข่ให้กินนะ” รั่วหลานตอบด้วยสีหน้าเป็นห่วง คอยเฝ้าอยู่ข้างเตียงจนเห็นลูกสาวหลับไปจริงๆ ถึงค่อยๆ ลุกขึ้นออกจากห้อง
หลี่ม่านหลินไม่ได้นอนหลับ เพียงแต่กำลังทบทวนความทรงจำของร่างเดิม ในชาติก่อนเธอป่วยหนักเป็นโรคร้าย หลังจากสิ้นใจเธอคิดว่าวิญญาณคงไปสู่สัมปรายภพ แต่ไม่น่าเชื่อว่าตอนนี้เธอจะได้ทะลุมิติเข้ามาในนิยายที่เคยอ่านเมื่อนานมาแล้ว
นี่คือโลกนิยายที่ต้นฉบับถูกทำลาย เดิมทีเธอคือนางเอกของนิยายเรื่องนี้แต่ก็ถูกตัวประกอบแย่งชิงบทบาทไป
ตามเนื้อเรื่องเดิมเธอได้หมั้นหมายกับ ‘โจวเหวินจวิ้น’ ที่เป็นพระเอกของเรื่อง ทั้งสองรู้จักกันมาตั้งแต่เด็ก เรียนมัธยมทั้งต้นและมัธยมปลายด้วยกันเรียกได้ว่าเป็นคู่เหมยเขียวม้าไม้ไผ่
หลังจากที่ทั้งสองสอบติดมหาวิทยาลัยก็แต่งงานไปเรียนด้วยกัน ตอนเรียนจบก็เริ่มสร้างธุรกิจเปิดบริษัทร่ำรวยกลายเป็นเศรษฐี
แต่ตอนนี้ทุกอย่างเปลี่ยนไปเพราะมีตัวประกอบชื่อ ‘จ้าวมี่มี่’ ที่กลับชาติมาเกิด สิ่งแรกอีกฝ่ายทำหลังจากกลับชาติมาเกิดคือวางแผนแย่งพระเอกไปจากเจ้าของร่างเดิม
จ้าวมี่มี่หลอกเจ้าของร่างเดิมไปที่ริมแม่น้ำตรงทางเข้าหมู่บ้าน จากนั้นก็อาศัยจังหวะที่เจ้าของร่างเดิมเผลอ ดึงเธอตกลงไปในแม่น้ำที่เชี่ยวกรากด้วยกัน
จังหวะนั้นเองโจวเหวินจวิ้นก็ปรากฏตัวขึ้นและ กระโดดลงไปในแม่น้ำ แต่คนที่เขาช่วยขึ้นมากลับเป็น จ้าวมี่มี่ ช่วงสามวันที่ผ่านมามีฝนตกหนักหลายครั้ง น้ำในแม่น้ำไหลเชี่ยวและแรงมาก พริบตาเดียวก็พัดพาเจ้าของร่างเดิมไปไกลลิบ
ในเวลาต่อมาก็มีคนกระโดดลงไปในแม่น้ำช่วยเจ้าของร่างเดิมขึ้นมา แต่ก็สายเกินไป…เจ้าของร่างเดิมที่ไม่รู้วิธีว่ายน้ำได้ขาดใจตายไปนานแล้ว และวิญญาณของหลี่ม่านหลินก็เข้ามาแทนที่พอดี
“เธอไม่ต้องห่วงนะ ฉันจะเปลี่ยนชะตาของเธอให้เอง” หลี่ม่านหลินพึมพำกับตัวเองเป็นการบอกกับวิญญาณของนางเอกคนเดิม
เวลานี้ด้านนอกดวงอาทิตย์ใกล้จะลับขอบฟ้าแล้ว หลี่ม่านหลินใช้แขนที่ยังปวดเมื่อยเล็กน้อยยันตัวลุกขึ้นนั่งช้าๆ ผมยาวที่ปรกอยู่สองข้างแก้มทำให้ใบหน้าเล็กเท่าฝ่ามือของเธอดูเล็กลงไปอีก
“ลูกตื่นแล้วเหรอ…หิวไหม ” รั่วหลานถือชามเข้ามาในห้อง เห็นลูกสาวลุกขึ้นก็รีบเดินเข้าไป วางชามไว้บนโต๊ะข้างเตียงแล้วหยิบหมอนมาหนุนหลังให้เธอพิง “มาดื่มน้ำแกงไก่บำรุงร่างกายหน่อย พ่อของลูกขึ้นภูเขาไปเมื่อตอนบ่าย จับไก่ป่าได้ตัวนึง แถมยังได้ไข่ไก่ป่ามาอีกห้าฟอง แม่เก็บไว้ให้ลูกหมดเลยนะ ลูกแม่เจอเรื่องเลวร้ายขนาดนี้ ต้องบำรุงร่างกายให้ดีๆ”
กลิ่นหอมกรุ่นของน้ำแกงไก่คลุ้งไปทั่วห้อง หลี่ม่านหลินสูดกลิ่นแล้วกลืนน้ำลายอย่างไม่รู้ตัว
“คนอื่นๆ กินแล้วหรือยังคะ” หลี่ม่านหลินเงยหน้าถาม
รั่วหลานรีบพูดว่า “พี่สะใภ้รองของลูกยังทำกับข้าวอยู่ เดี๋ยวก็กินทีหลัง ลูกกินก่อนเถอะ ไม่ได้กินอะไรมาสองวันแล้ว ดูสิหน้าซูบไปหมดเลย”
พ่อแม่ของร่างเดิมรักเธอมาก โดยเฉพาะรั่วหลาน ผู้เป็นแม่ เธอเลี้ยงดูเจ้าของร่างเดิมราวกับแก้วตาดวงใจ ต่อให้ตัวเองหิวก็ต้องให้ลูกสาวอิ่มท้อง
หลี่ม่านหลินรู้ว่ารั่วหลานจะต้องเก็บไก่ทั้งตัวไว้ให้ตัวเอง เธอจึงหยิบสะโพกไก่มากินคำหนึ่ง แล้วยื่นให้ รั่วหลาน “แม่คะ ลองชิมดูสิคะ อร่อยค่ะ”
ถึงแม้ว่าสภาพความเป็นอยู่ตอนนี้จะดีกว่าเมื่อก่อนมาก ทุกคนไม่อดอยากอีกต่อไป แต่มันก็แค่นั้น เนื้อยังคงเป็นของมีค่ามาก
สำหรับบ้านหลี่แล้ว เดือนหนึ่งคงจะได้กินเนื้อแค่ครั้งเดียวหรือไม่ก็เฉพาะช่วงเทศกาลสำคัญเท่านั้น
“อร่อยก็กินเยอะๆ ลูกกินเองเถอะ เดี๋ยวแม่จะไปกินข้าวกับพวกพี่ชายพี่สะใภ้ลูกเอง”
“แม่คะ ลองชิมดูเถอะค่ะ” หลี่ม่านหลินทำเสียงออดอ้อน หลังจากดื่มน้ำแกงไก่ลงไป เสียงที่แหบแห้งของเธอก็ดีขึ้น
รั่วหลานทั้งซาบซึ้งใจและสงสาร เธออ้าปากกัดสะโพกไก่คำเล็กๆ กลืนลงคอด้วยน้ำตาคลอเบ้า
สองแม่ลูกผลัดกันกินสะโพกไก่และน้ำแกงไก่จนหมด
ผู้เป็นแม่ก็ถามขึ้นว่า “ลูกตกลงไปในแม่น้ำได้ยังไง แม่บอกแล้วใช่ไหมว่าอย่าไปที่อันตรายแบบนั้น”
“หนูไม่ได้อยากไปค่ะ” หลี่ม่านหลินหลุบตาลง ใบหน้าเล็กซีดเซียว ตอบด้วยเสียงแผ่วเบา “จ้าวมี่มี่ต่างหากที่ดึงหนูไป บอกว่ามีเรื่องจะคุยด้วย แล้วไม่รู้ยังไงเธอก็พลัดตกลงไปในแม่น้ำ แล้วหนูก็พลัดตกตามไปด้วย…”
หลี่ม่านหลินรู้ว่าจ้าวมี่มี่ตั้งใจวางแผนดึงเธอลงไปในแม่น้ำ แต่ถึงอย่างไรตอนนี้ก็ไม่มีหลักฐานพิสูจน์ว่า จ้าวมี่มี่จงใจทำร้าย ดังนั้นหญิงสาวจึงไม่ได้พูดความจริงออกมา อย่างไรก็ตามยังมีวิธีจัดการจ้าวมี่มี่อีกมากมาย ไม่ต้องรีบร้อนในตอนนี้
“แม่ก็คิดเอาไว้แล้ว ลูกเชื่อฟังขนาดนี้ จะไปที่อันตรายแบบนั้นได้ยังไง! เด็กผู้หญิงบ้านจ้าวไม่ใช่คนดีจริงๆ แม่จะต้องไปเอาเรื่องแน่ … แล้วก็โจวเหวินจวิ้น ไอ้เด็กเวรนั่นก็แย่พอกัน คู่หมั้นตัวเองไม่ช่วยดันไปช่วยผู้หญิงคนอื่น ไอ้คนใจดำ!” รั่วหลานพูดด้วยความโมโห
“แม่คะ” หลี่ม่านหลินขัดคำพูดของเธอ “รอให้หนูหายดีแล้ว หนูจะไปถอนหมั้นกับบ้านโจวค่ะ”
“ถอนหมั้น ต้องถอนหมั้นแน่นอน! ไอ้เด็กเวรนั่นแม้แต่คู่หมั้นตัวเองยังไม่ช่วย! ตอนแรกแม่ก็เห็นว่า โจวเหวินจวิ้นเป็นเด็กไม่เลว ท่าทีสุภาพเชื่อฟัง เหอะ! แม่มันตาถั่วจริงๆ!” รั่วหลานตบเข่าดังฉาด โกรธจนหน้าดำหน้าแดง “หลินหลินลูกไม่ต้องห่วงนะ เรื่องหมั้นนี่เราไม่เอาแน่นอน!”
ลูกสาวบ้านเธอสวย ฉลาด และมีเหตุผลขนาดนี้ กลัวจะหาคู่ที่ดีไม่ได้หรือไง!
ตอนนี้รั่วหลานนึกดีใจที่ตอนนั้นทั้งสองครอบครัวตัดสินใจหมั้นกันไว้ก่อน ถ้าเกิดแต่งงานกันไปแล้ว ลูกสาวสุดที่รักของเธอคงโชคร้ายกว่านี้
รั่วหลานมองลูกสาวที่นอนอยู่บนเตียงด้วยใบหน้าซีดเซียว ดวงตาเต็มไปด้วยความสงสาร เธอเอื้อมมือไปลูบใบหน้าของอีกฝ่ายเบาๆ “ดูสิ หน้าซูบไปตั้งเยอะ ยังหิวอยู่หรือเปล่า ในหม้อยังมีเนื้อไก่กับน้ำแกงเหลืออยู่ เดี๋ยวแม่ไปตักมาให้กินอีก!”
“ไม่ต้องแล้วค่ะแม่” หลี่ม่านหลินส่ายหน้า “ที่เหลือพวกแม่กินกันเถอะค่ะ หนูอิ่มแล้ว”
รั่วหลานพยักหน้า “ถ้าอย่างนั้นลูกพักผ่อนเถอะ เดี๋ยวแม่กินข้าวเสร็จแล้วจะเข้ามาดูลูกอีก!”
หลี่ม่านหลินมองตามแผ่นหลังของรั่วหลาน อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจออกมา ช่างน่าสงสารหัวอกคนเป็นแม่เสียจริง…
หลังจากกินอิ่มหญิงสาวก็รู้สึกง่วงซึมเอนตัวลงนอน ไม่นานก็ผล็อยหลับไป