2 เจ้าเป็นภรรยาของผู้ใดหรือไม่
เจ้าเป็นภรรยาของผู้ใดหรือไม่
จิ่นเสียนเผลอหลับไปตั้งแต่เมื่อใดนางก็ไม่อาจทราบได้ คงเพราะเหนื่อยและมีไข้อ่อนๆ ภาพในฝันคือเรื่องราวก่อนหน้านี้เมื่อเกือบสิบวันก่อน นางถูกแม่เลี้ยงขายเพื่อไปเป็นภรรยาเถ้าแก่ผู้หนึ่ง ระหว่างที่ซ่อนตัวอยู่ ได้ถูกกลุ่มคนแร่ร่อนเผ่าชยงเหล่าสูจับตัวไปเพื่อเป็นนางบำเรอ ก่อนพบว่า หนึ่งในกลุ่มคนพวกนั้นมีเซี่ยหมิง ผู้เป็นว่าที่สามีของตน
โอ้ สวรรค์คงเล่นตลกแน่ๆ หญิงสาวคิดเสมอว่า อีกฝ่ายคือจิตกรรูปงาม ที่วาดภาพขายพร้อมบทกวีที่ยกระดับจิตใจผู้อื่น เมื่อเกือบสามเดือนก่อนเขาบอกว่าจะไปเมืองหลวงเพื่อสอบรับราชการ หากเซี่ยหมิงหลอกลวงนาง และร่วมมือกับพวกที่เห็นชีวิตคนเป็นผักปลา แล้วทำสิ่งที่นางไม่อาจให้อภัยต่อเขา อย่างไรก็ตามเซี่ยหมิงก็มิอาจปกป้องจิ่นเสียได้ ฝ่ายนางจึงได้รับความช่วยเหลือจากชายคนหนึ่ง ซึ่งไม่ทราบชื่อแซ่ของเขา รู้เพียงว่าเป็นคนจากกองทัพ และคงมีตำแหน่งใหญ่โต เนื่องจากมีผู้ติดตามจำนวนหนึ่ง ซึ่งนางได้ยินคำว่า หน่วยเหยี่ยวไฟ
แต่อนิจจาทั้งหมดถูกสังหารอย่างโหดเหี้ยมในเวลาต่อมา เนื่องจากมีพวกตรงข้ามมีกำลังเหนือกว่าหลายเท่า ที่น่าหวาดหวั่นคือ บุรุษผู้นี้ต้องโทษสถานหนักจากฮ่องเต้ ด้วยฝ่าฝืนคำสั่งสำคัญ อย่างไรก็ตามในช่วงเวลานี้บ้านเมืองเข้าสู่ความเลวร้าย ผลพวงมาจากมังกรแห่งแคว้นต้าเหลียง หัวใจมืดบอดทั้งหูเบาเนื่องจากหลงผิดเป็นชอบ ทั้งยังถูกขุนนางชั่วปลุกปั่น จึงไม่ใช่เรื่องน่าประหลาดใจที่ชายคนนี้จะถูกหมายหัว เพราะเขาให้ความช่วยเหลือชาวบ้านที่ลักลอบขโมยเสบียงอาหารเพราะความอดยากเพื่อไม่ให้รับโทษตาย
และสำหรับคนทั่วไป สิ่งที่จิ่นเสียนกระทำเป็นเรื่องเสี่ยงอันตราย แต่นางไม่อาจทิ้งให้บุรุษผู้นี้สิ้นอายุไข อีกฝ่ายได้รับบาทเจ็บหนัก นอกจากนั้นยังมีพิษร้ายที่ทำให้ผมบนศีรษะเขาขาว ทั้งที่ประเมินแล้วอายุคงอยู่ในช่วงสี่สิบต้นๆ เท่านั้น
และที่นางตกอยู่ในช่วงเวลาหน้าสิ่วหน้าขวาน เพราะเชื่อว่าเขาเป็นคนดี ทั้งภาพสุดท้ายที่เห็น เขาใช้ร่างกายตนรับคมดาบ ลูกธนูแทนหญิงชรา และเด็กน้อยอีกสองคน กระทั่งร่างสูงใหญ่พลัดตกลงเขา ทั้งคู่จึงพบกัน แล้วต่างกระเสือกกระสนจนมาอาศัยที่เรือนร้างกลางป่า นอกเหนือจากนั้น ดูเหมือนว่าการมองเห็นของเขามีปัญหา ชายหนุ่มจึงใช้ผ้าพันดวงตาไว้ ซึ่งก็ดีเหมือนกัน ด้วยจิ่นเสียนยอมรับว่า ใบหน้าเขาสง่างามราวกับรูปปั้นเทพสงคราม ยิ่งกว่านั้นดวงตาคมๆ ซึ่งมีประกายแรงกล้าที่ส่งมาถึงนางราวกับจะทำให้ร่างกายนี้หลอมละลาย
“แม่นาง... จะ เจ้ามีกลิ่นไอบางอย่าง ที่ทำให้จิตใจข้าสงบ เพียงแต่กลิ่นไอเดียวกันนี้ กระตุ้นข้าให้คิดในสิ่งไม่สมควร”
จิ่นเสียนสะดุดใจต่อสิ่งที่เขากล่าว แม้พิษร้ายที่พวกชยงเหล่าสูกรอกใส่ปากนางจะเจือจางลงไปบ้างแล้ว ทว่าร่างกายจิ่นเสียนมีความพิเศษ พอดื่มน้ำแกงราคะ ปานโลหิตรัญจวน(ปานพรหมจรรย์) ที่ใต้ท้องแขนข้างหนึ่งก็เด่นชัดขึ้น
“หากข้าทำให้ผู้มีพระคุณหงุดหงิด ผู้น้อย จะอยู่ให้ห่างท่านให้มากๆ”
ชายหนุ่มนิ่งขรึม และพ่นลมหายใจหนักๆ ออกมาช้าๆ
อนิจจานอกจากพิษร้ายรุนแรงในร่างกาย ความทรงจำเขายังถูกควักออกไปด้วย จดจำไม่ได้แม้แต่ชื่อของตน รับรู้แต่ว่า เขาต้องปกป้องผู้ที่อ่อนแอกว่า ทว่ายามนี้ แม้จะลุกเดินยังต้องใช้ไม้ค้ำ โต้วเหวยถานหัวเราะเสียงขื่น ก่อนเอื้อมมือไปข้างหน้า สัมผัสร่างบอบบาง
“เจ้าเป็นภรรยาของผู้อื่นหรือไม่...”
จิ่นเสียนนิ่งไปเกือบอึดใจ นางไร้ที่พึ่งพิง ว่าที่สามีก็ลาจากกันด้วยเหตุจำเป็น อีกทั้งเขาแสดงออกให้เห็นว่า มิต้องการนางแล้ว หากสตรีด้อยวาสนา มีใครสักคนปรารถนาให้เป็นคนข้างกายเขา จิ่นเสียนซึ่งมีใจให้อีกฝ่ายเลยมิอาจปฏิเสธโอกาสอันดีงามนี้
“ต้าเกอปรารถนาสิ่งใดเยี่ยงนั้นหรือ”
จิ่นเสียนเรียกเขาเช่นนั้นด้วยเสียงอ่อนหวาน และนางยอมรับว่า นอกจากความกล้าหาญของเขาที่ได้เห็นด้วยตาของตน บุรุษผู้นี้ยังหล่อเหลาทั้งสง่างาม หัวใจดวงน้อยจึงนิยมเขายิ่งนัก
“คงเป็นสิ่งที่ข้ามิอาจกระทำต่อสตรีที่ดูไร้เดียงสา ยกเว้นเจ้ายินยอม”โต้วเหวยถานบอก และพยายามขยับตัวไปอีกทาง ด้วยร่างกายเขาร้อนรุ่มกว่าเดิม ทั้งส่วนที่แข็งแกร่งในร่างกายพองขยายจนน่าอึดอัด อย่างไรเขาคงให้นางเห็นสิ่งที่ไม่สมควรนี้ไม่ได้
จิ่นเสียนแม้ไม่ประสีประสาเรื่องระหว่างชายหญิง แต่นางเข้าใจได้ไม่ยาก “ตัวข้ายามนี้ไร้คนสู่ขอ หากต้าเกอไม่รังเกียจความโง่เขลา ขะ ข้ายินดีติดตามท่าน”
ชายหนุ่มสูดลมหายใจลึก แล้วยื่นมือไปสัมผัสใบหน้าหวานของนาง ก่อนทำในสิ่งที่ร่างกายต้องการ และสายตาคมมองไปยังเรือนกายบอบบางทีละส่วน
“ร่างกายเจ้ายังมีพิษของพวกชยงเหล่าสูตกค้างอยู่ สมควรต้มน้ำแกงดื่มสักหม้อ และหลังจากนั้น ข้าจะช่วยปรับสมดุลในร่างกายให้”
เขาบอกนางด้วยเสียงทุ้มๆ และฝ่ายจิ่นเสียนใจเต้นระส่ำ
หญิงสาวหยุดแรงปรารถนาของตนลง และลุกขึ้นยืนตั้งใจออกไป เก็บสมุนไพรบนเขา เพื่อนำมาปรุงน้ำแกงขับพิษราคะ
ขณะที่หาสมุนไพรตามที่โต้วเหวยถานบอกสองสามอย่าง นางก็เกิดความร้อนรุ่มระคนเสียวซ่าน ร่างกายเป็นเช่นนี้ คงเพราะถูกการกระตุ้นจากน้ำแกงของพวกชยงเหล่าสู
หญิงสาวหาที่ลับตาคน ซึ่งใกล้กับม่านน้ำตก นางหวังให้ไอน้ำ และความสดชื่อของธรรมชาติบำบัดร่างกาย ทว่ายิ่งขยับตัว การเสียดสีไปมา โดยเฉพาะบริเวณส่วนหวานฉ่ำนั้น ก็ส่งความหอมหวานออกมาไม่หยุด
เวลาผ่านไปชั่วเวลาชาพองตัว จิ่นเสียนจึงพบว่า โต้วเหวยถานตามนางมาถึงที่นี่
ชายหนุ่มสวมเพียงกางเกงตัวบางๆ ส่วนที่อยู่ใต้ร่มผ้าก็เห็นปลายหัวหยักบานใหญ่ไหวไปมาอย่างชัดเจน และเปลือยกายด้านบน กระนั้นแม้มีผ้าผูกปิดตาเอาไว้ แต่ดูเหมือนประสาทสัมผัสเขาดีเยี่ยมโดยเฉพาะจมูก ที่ยามนี้ใช้นำทางแทนสองตา
“ข้าให้ทางเลือกแม่นาง รีบฆ่าข้าให้ตายด้วยมีดในมือนั้นเสีย หรือไม่ก็หนีไปให้ไกลที่สุด ในขณะที่ข้าสกัดจุดตนเองเอาไว้ เจ้ามีเวลาชั่วครึ่งก้านธูปดับในการทำเรื่องสำคัญนี้”
จิ่นเสียนมือไม้อ่อน และลำคอแห้งผากเหลือเกินนางไม่ได้ยากมองร่างกายของบุรุษรูปร่างกำยำผู้นี้ ทว่าส่วนที่พองขยายซึ่งผงกหัวอย่างผงาดท้าทายไม่หยุด และเชิญชวนให้นางเข้าไปสัมผัสอยู่ทุกลมหายใจเข้าออก
“ต้าเกอ เหตุใดข้าต้องลำบากหนีจากท่าน ในเมื่อข้าไม่คิดรังเกียจ ทั้งยังสนับสนุนสิ่งที่ท่านทำก่อนหน้านี้ทั้งหมด อีกอย่าง หากมีใครสักคนอยากครอบครองข้าด้วยใจจริง สตรีผู้นี้ก็ไม่ขัดขืนแม้แต่น้อย”
“หึๆ ๆ เป็นเจ้าที่ท้าทายข้า ทั้งยังประเมินผู้อื่นต่ำเกินไปหรือไม่ แม้ภายนอกข้าจะผมขาว และยามนี้ตาบอด แต่ข้ารู้ว่าร่างกายตน พร้อมปลดปล่อยความอึดแน่นที่อยู่ข้างในด้วยพละกำลังอันมหาศาล”
“ต้าเกอ เสียนเอ๋อร์ผู้นี้ ไม่กลัวตาย และถึงข้าต่ำต้อยก็จริง ทว่าข้ายังบริสุทธิ์ รอให้ท่านได้ชมเชยจนพอใจ” นางเปิดใจบอกเขาเช่นนั้น จะว่ายั่วยวนก็สุดแต่โต้วเหวยถานจะคิดเถิด
“เสียนเอ๋อร์ ดีชื่อนี้เหมาะกับแม่นาง”เขากล่าวจบ ไอร้อนจากร่างกายสูงใหญ่ก็ถ่ายโอนมาถึงนาง ความรู้สึกแสนวาบหวิวส่งผลให้จิ่นเสียนเผลอถูไถเนื้อตัวกับอีกฝ่าย อย่างไรก็ตามนางยังมีพิษน้ำแกงราคะอยู่ในตัว อีกทั้งปานแดงรัญจวนทำให้นางต้องการบุรุษสักคนที่จะช่วยรีดน้ำหวานจากกลีบดอกไม้งามออกมา เพื่อทำให้ร่างกายนี้หายป่วยไข้
“ใช้ปากให้ข้าก่อน จากนั้นข้าจะสอนให้เจ้า... บีบรัดความแข็งแกร่งของบุรุษด้วยส่วนอ่อนนุ่มแสนหวานฉ่ำของสตรี”
