บทที่ 2 กฎธรรมเนียม
บทที่ 2
กฎธรรมเนียม
แสงอรุณที่ลับขอบฟ้าแปรเปลี่ยนเป็นแสงดาราที่ส่องสว่างยามค่ำคืน ภายในจวนสกุลหวังกลับไม่มีผู้ใดสามารถข่มตานอนหลับได้ลง บ่าวรับใช้ในจวนต่างกังวลใจในความสัมพันธ์ของนายท่านและฮูหยินผู้เป็นนาย
ตามธรรมเนียนของแคว้นเมื่อกลับมาจากชายแดนในคืนแรกบุรุษจะต้องอยู่ร่วมห้องกับฮูหยินไม่อาจไปห้องของอนุคนใดได้ ที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะยามที่บุรุษออกไปรบที่ชายแดนฮูหยินของพวกเขาก็ต้องเหนื่อยดูแลจัดการจวนผู้เดียวเช่นกัน เมื่อกลับมาจากชายแดนบุรุษจำเป็นต้องให้เกียรติและให้ความสำคัญกับฮูหยินก่อนอนุ
ทั้งพวกเขายังต้องเอ่ยชมเชยที่นางเสียสละความสุขของตนมาทำหน้าที่ดูแลจวนแทน
“ท่านพี่ อยู่กับข้าไม่ได้หรือเจ้าคะ”
หญิงสาวเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ ก่อนจะวิ่งเข้าไปโอบกอดบุรุษผู้เป็นสามีที่กำลังก้าวเท้าเดินออกไปจากห้องทั้งน้ำตา
หลิวหรูเหม่ย รู้สึกเจ็บปวดไปทั้งหัวใจเมื่อรู้ว่าบุรุษที่ตนรักกำลังจะไปนอนร่วมห้องกับสตรีอื่นที่ไม่ใช่นาง แม้จะรู้ดีว่าตอนนี้ตนเองเป็นเพียงอนุ แต่นางก็ไม่อยากแบ่งปันบุรุษที่ตนรักให้สตรีใด
“ข้าเองก็ไม่อยากไป หากเลือกได้ข้าอยากอยู่กับเจ้า แต่ข้าไม่อาจฝ่าฝืนธรรมเนียมได้”
“แต่ข้านอนไม่หลับหากไม่มีอ้อมกอดของท่านพี่ อย่าไปเลยนะเจ้าคะ ได้โปรดอยู่กับข้า”
“แต่ข้า....”
เสียงของชายหนุ่มหายไปในลำคอหลังจากที่เขาถูกสตรีในอ้อมกอดโน้มคอของเขาลงไปป้อนจูบที่แสนหอมหวาน มือหนาลูบไล้แผ่นหลังของหญิงสาวอย่างลืมตัว
หญิงสาวที่คิดใช้เรือนร่างตนเองล่อลวงสามีเริ่มปลดสายคาดเอวของชายหนุ่มออกอย่างชำนาญ นี่ไม่ใช่ครั้งแรกระหว่างเขาและนางจึงไม่มีอะไรที่ต้องมาเขินอาย
อาภรณ์ชิ้นแล้วชิ้นเล่าถูกปลดออกกระจายเต็มพื้นห้อง ก่อนที่บทสวาทระหว่างคนทั้งสองจะเริ่มขึ้น หวังเพ่ยอิงในยามนี้ลืมเลือนกฎธรรมเนียมไปจนหมดสิ้น เขามัวเมาอยู่ในรสสวาทที่หญิงสาวป้อนให้ซ้ำแล้วซ้ำเล่าจนไม่อาจถอนตัวได้
ภายในห้องตอนนี้เต็มไปด้วยเสียงร้องครางของหญิงสาวและชายหนุ่มที่บ่งบอกว่าพวกเขาสุขสมแค่ไหน แต่ใครเลยจะคิดว่าอีกฝั่งของประตูกลับมีบรรยากาศที่ต่างออกไป
พ่อบ้านซุนและแม่นมหลินผู้ที่ตั้งใจว่าจะมาเชิญตัวนายท่านไปที่ห้องนอนของฮูหยินตามธรรมเนียนก็ยืนนิ่งชะงัก เสียงหวังเพ่ยอิงและหลิวหรูเหม่ยที่กำลังร่วมรักกันอย่างเร่าร้อนลอดผ่านช่องประตูออกมาทำให้คนทั้งสองตัวชาไปทั้งแถบ
“แม่นมหลินทำเช่นไรดี”
พ่อบ้านที่ตั้งสติได้ก่อนเอ่ยถามหญิงชราที่ยืนอยู่ข้างกายด้วยน้ำเสียงร้อนรน แต่เมื่อเห็นหญิงชรามองเขาผ่านม่านน้ำตาก็รับรู้ได้ว่านางก็ไร้ทางออกเช่นเดียวกัน
“พวกเรากลับเถอะ”
“แต่แม่นมแล้วธรรมเนียม...”
“พ่อบ้านซุน เรื่องทุกอย่างมาไกลเกินกว่าพวกเราจะจัดการอะไรได้แล้ว พรุ่งนี้ข้าจะไปรับโทษจากฮูหยินเอง”
“ข้าเองก็เช่นกัน”
พ่อบ้านซุนพูดออกมาเสียงอ่อน พวกเขาเป็นเพียงแค่บ่าวในจวนมีหรือจะกล้าไปขัดจังหวะการร่วมรักของผู้เป็นนาย สิ่งที่พวกเขาทำได้มีเพียงไปรับโทษจากฮูหยินที่พวกเขาไม่อาจพานายท่านมาทำตามธรรมเนียมได้
ภายในห้องนอนของฮูหยินสกุลหวัง หนิงอันมองผู้เป็นนายหญิงแววตาเต็มไปด้วยความสงสาร เพราะนี่ก็ดึกมาแล้วแต่นายท่านกลับไม่แม้แต่จะย่างกายเข้ามาในห้อง หากจะให้พูดตามความจริงหลังจากที่เข้าไปในห้องกับสตรีแปลกหน้าผู้นั้นแล้วนายท่านก็ไม่ย่างกายออกมาอีกเลย
“ไม่ต้องรอแล้ว ดึกขนาดนี้เขาคงไม่มาแล้ว”
หญิงสาวเอ่ยกับหญิงรับใช้คนสนิทก่อนจะอ้าปากหาวออกมา นางทนนั่งรอคนผู้นั้นมาเกือบชั่วยามแค่นี้ก็ถือว่าเพียงพอแล้ว ถึงอย่างไรตามนิยายพระเอกก็ปล่อยให้นางร้ายนั่งรออยู่แบบนี้ทั้งคืน ส่วนตัวเองก็ร่วมรักกับนางเอกทั้งคืนเช่นกัน!
ข้าไม่โง่พอจะมานั่งรอบุรุษทั้งคืนหรอกนะ
“นายท่านต้องมาแน่นอนเจ้าค่ะ”
“เขาไม่มาหรอก เจ้าเองก็เลิกรอแล้วไปนอนเถอะ” พูดจบหญิงสาวก็ยันกายลุกขึ้นยืนย่างกายเดินตรงไปยังเตียงนอน
หนิงอันที่เห็นว่าผู้เป็นนายล้มตัวนอนคลุมโปงบนเตียงก็เข้าใจว่าอีกฝ่ายอาจจะแอบนอนร้องไห้คนเดียว หญิงสาวจึงหันกลับไปมองที่ประตูห้องนอนในใจเต็มไปด้วยความหวัง นางตัดสินดับเทียนในห้องก่อนจะย่างกายออกไปจากห้อง
หญิงสาวไม่ได้กลับไปนอนที่ห้องของสาวใช้แต่เลือกที่จะนั่งรอนายท่านอยู่ที่หน้าประตูห้องนอนของฮูหยิน คิดเพียงว่าหากเห็นว่านายท่านมาตนเองจะรีบเข้าไปแจ้งฮูหยินที่ร้องไห้เสียใจอยู่บนเตียงทันที
หากนายท่านมาแล้วฮูหยินก็จะไม่ต้องเสียใจอีก
ด้านฮวาซือเล่อที่นอนหลับอยู่บนเตียงเริ่มเข้าสู่ห้วงแห่งความฝัน นางพบว่าตนเองยืนอยู่ในสถานที่ที่คุ้นเคยนัยน์ตาคู่สวยมองรอบกายที่ปลุกคลุมไปด้วยหมอกสีขาว
ที่นี่เหมือนกับตอนที่ข้าพบท่านเซียนครั้งแรกก่อนที่จะเข้ามาอยู่ในร่างฮวาซือเล่อ...
“ได้พบเจอกันเสียที”
เสียงของสตรีผู้หนึ่งดังขึ้นท่ามกลางความเงียบ แต่เพียงไม่นานตรงหน้าของนางก็ปรากฏร่างของสตรีผู้หนึ่ง ฮวาซือเล่อที่เพียงแค่เห็นใบหน้าอีกฝ่ายก็รับรู้ได้ทันทีว่าคนที่ยืนตรงหน้านางคือดวงวิญญาณของฮวาซือเล่อ
“เป็นเช่นไรบ้าง ใช้ร่างของข้าเพื่อต่อชีวิตตนเองมีความสุขหรือไม่”
ลู่ซือซือหรือฮวาซือเล่อในยามนี้ไม่รู้เลยว่าตอนนี้ตนเองต้องทำเช่นไร นางไม่รู้ว่าอีกฝ่ายมาปรากฏตัวอยู่ตรงหน้าของนางทำไม
จะมาต่อว่าที่ข้าขโมยร่างนางมา
หรือนางต้องการร่างของนางคืน...
“ว่าอย่างไร เจ้าได้ครอบครองทุกอย่างของข้าแล้วมีความสุขหรือไม่” หญิงสาวเอ่ยออกมาด้วยรอยยิ้มสายตาที่มองคนตรงหน้านั้นยากจะคาดเดา
“เจ้า....จะมาเอาร่างคืนหรือ”
“แล้วไม่ได้หรือ...ก็นั่นมันร่างกายของข้าทุกอย่างที่เจ้าได้รับก็ล้วนเป็นของข้า”
เถียงไม่ได้เลยว่าทุกอย่างที่นางพูดล้วนเป็นความจริง นางเป็นหัวขโมยที่มาขโมยร่างของคนอื่นจริง ๆ และหากฮวาซือเล่ออยากได้ร่างคืนนางก็ไม่หน้าด้านพอที่จะปฏิเสธ
แต่ข้าเองก็อยากมีชีวิตอยู่ ข้าไม่ได้อยากตาย...
