บทที่ 8 พังทลาย
“คุณหนู ข้าว่าเขาไม่มาแล้ว”
“ไม่หรอก ก็พี่หยางบอกว่าจะมาหาข้า เขาต้องมาแน่”
ซูลี่มองคุณหนูของนางที่กอดกระบี่ด้วยรอยยิ้ม ซูลี่มองท้องฟ้าที่ตอนนี้เริ่มปกคลุมไปด้วยเมฆดำ ชายไม่ได้เรื่องนั่นผิดนัดมาสามวันแล้ว เหตุใดคุณหนูยังเอาแต่เฝ้ารอ นายท่านในตอนนี้ก็ไปส่งคุณชายทั้งสองที่ชายแดน นางต้องดูแลคุณหนูให้ดีแทนนายท่านแล้ว
“อากาศเริ่มเย็นแล้ว เดี๋ยวข้าจะไปเอาผ้าคลุมมาให้นะเจ้าคะ”
“อืม ไปเถอะ”
ฟางหรงพูดออกมาด้วยรอยยิ้ม เธอก้มลงมองกระบี่ที่อยู่ในอ้อมกอด ถ้าตงหยางเห็นจะดีใจแค่ไหนกัน แต่ทำไมถึงไม่ตอบจดหมายเธอเลยกันนะ คงไม่ได้เป็นอะไรใช่ไหม
“ช่างน่าอิจฉา ข้าได้ยินมาว่าเจ้าสาวก็หน้าตาดีและร่ำรวยเป็นถึงลูกพ่อข้า ตงหยางนี่ช่างโชคดีจริง ๆ ”
เสียงสาวใช้ที่เดินผ่านพูดคุยกันเสียงดัง ทันทีที่ได้ยินชื่อที่นางคิดถึงก็หันไปมองสาวใช้ทันที ตงหยาง??
“ข้าเฝ้าแอบรักท่านตงหยางมาตั้งนาน เหตุใดเจ้าสาวไม่ใช่ข้ากันนะ”
เจ้าสาว?? ตงหยาง???
“เดี๋ยว!!! พวกเจ้าพูดเรื่องอะไรกัน”
“คุณหนู/คุณหนู”
ฟางหรงเดินไปหาสาวใช้ทั้งสอง ที่ตอนนี้มีท่าทางตกใจที่เห็นฟางหรง
“ข้าถามว่าพวกเจ้าพูดเรื่องอะไรกันอยู่”
“คุณหนู คือว่าพวกข้ากำลังพูดคุยกันเรื่องพิธีแต่งงานของตงหยาง วันนี้เจ้าค่ะ”
“ตะ....แต่งงาน....พวกเจ้าพูดเรื่องอะไร”
“.........”
“ข้าถามว่าพวกเจ้าพูดเรื่องอะไร!!!!”
“วันก่อนตอนที่คุณหนูออกจากจวนไปกับคุณชายทั้งสอง ท่านตงหยางพาว่าที่เจ้าสาวมาคารวะนายท่าน พวกข้าเลยรู้ว่าเขากำลังจะแต่งงาน”
“..........”
ฟางหรงกำกระบี่ในมือแน่น นางเดินออกไปทันที ฟางหรงเดินตรงไปที่หน้าประตูจวน
“คุณหนูท่านจะไปไหน”
“ไปนำรถม้ามา ข้าจะไปบ้านตงหยาง”
นางในตอนนี้ไม่มีทางเชื่อว่าตงหยางที่เฝ้าพร่ำบอกว่ารักนางมาตลอดหลายปีจะทำเช่นนี้ เขาไม่มีทางแต่งกับผู้อื่น ทุกอย่างต้องเป็นเรื่องเข้าใจผิด
บ้านตงหยาง
ฟางหรงเม้มปากแน่น นางมองผ้าสีแดงที่ถูกตกแต่งอยู่ด้านหน้า เสียงดนตรีและเสียงพูดคุยของแขกในงานดังไปทั่ว ฟางหรงกำมือแน่น ใจของนางตอนนี้เต้นแรงจนรู้สึกเจ็บ นางมาที่นี่แค่อยากมาเห็นด้วยตาของตัวเองเท่านั้น ฟางหรงเดินเข้าไปในบ้าน ทุกก้าวของนางสั่นเทาด้วยความกลัว ในตอนนี้นางแค่กลัวยอมรับความจริง แม้ในใจลึก ๆ จะเชื่อมั่นว่า ตงหยางไม่มีทางทรยศนางเหมือนกับจางหมิ่งในอดีต
“คุณหนู.....”
หญิงชราเดินเข้ามาทักทายนาง
“ข้ามาพบตงหยาง เขาอยู่ไหน”
“อาหยางตอนนี้.....กำลังเข้าหอ”
“............”
“หากคุณหนูอยากพบอาหยาง ข้าจะไปเรียก”
“ไม่ต้อง ขอบคุณท่านป้ามาก อย่ารบกวนคือเข้าหอของเขาเลย”
ฟางหรงฝืนยิ้มออกมา มองงานแต่งตรงหน้าผ่านม่านน้ำตา นางหันหลังก่อนจะตัดสินใจเดินออกมา
“หรงหรง ท่านแม่ข้าจะคุยกับนางเอง”
เสียงเรียกที่คุ้นเคย ทำให้ฟางหรงหันไปทันที พบตงหยางยืนอยู่ ในตอนนี้เขาสวมชุดสีแดงมองมาที่นางด้วยสีหน้าลำบากใจ ฟางหรงที่เห็นเช่นนั้นก็เข้าใจทันที แท้จริงแล้วเป็นนางที่หลอกตัวเอง ตงหยางกำลังจะแต่งงานแล้วจริง ๆ
“หรงหรง ข้า”
“ข้ารักท่านปักใจเช่นนี้ เหตุใดท่านไปแต่งงานกับสตรีอื่น สิบปีที่ผ่านมาไม่ใช่ท่านบอกรักข้าหรือ ไหนท่านบอกจะส่งแม่สื่อมาสู่ขอข้า!!!”
“หรงหรง..ข้าขอโทษเจ้า...เจ้ากลับไปเถิดที่นี่ไม่เหมาะกับเจ้า”
ตงหยางเองในตอนนี้พูดด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ เขาหันหลังทันทีที่เห็นน้ำตาของเด็กสาวตรงหน้า เสียงร้องไห้ดังจากด้านหลังทำให้เขาสงสารจับใจ อยากวิ่งเข้าไปกอดและปลอบประโลมนางแต่ไม่อาจทำได้ ตงหยางกำมือแน่นข่มอารมณ์ของตัวเอง
“หากวันนี้เจ้าเดินเข้าห้องหอไป ข้าเฉินฟางหรงผู้นี้จะไม่มีวันให้อภัยเจ้า เลือกมาข้าหรือนาง!!!!”
ตงหยางหยุดชะงัก มองไปที่มารดาของเขาที่ยืนอยู่เบื้องหน้านางส่ายหน้าเป็นการห้ามไม่ให้ตงหยางหันกลับไป ตงหยางทำเพียงหลับตาลง น้ำตาของเขาไหลที่ฝืนไว้ตอนนี้ไหลออกมา
“พี่หยาง จริง ๆ แล้วมันเกิดอะไรขึ้นกับเรากันแน่”
“ฟางหรงเจ้าตัดใจเถิด ข้าในตอนนี้แต่งงานแล้ว ข้าขอให้เจ้าได้พบคนที่ดีกว่าข้า”
ฟางหรงเองมองแผ่นหลังของตงหยางที่เดินออกไป
“ตงหยาง...พี่หยาง!!!”
“คุณหนู เห็นแก่หญิงชราเช่นข้า ท่านปล่อยตงหยางบุตรชายข้าไปเถิด”
หญิงชราตัดสินใจคุกเข่าตรงหน้าฟางหรงทันที
“ข้าขอร้องคุณหนู ตัดใจจากบุตรชายข้าเถิด ตงหยางลูกข้าไม่อาจใช้ชีวิตเคียงคู่ในแบบที่ท่านต้องการได้”
“ท่านป้า ข้า....”
“ตงหยางบุตรชายข้า ไม่เหมาะสมกับคนสูงส่งเช่นท่านหรอก ข้าไม่อาจดึงผู้มีพระคุณเช่นท่านมาลำบากกับบ้านข้าได้ ข้าขอร้องท่านกลับไปใช้ชีวิตของท่าน ลืมตงหยางลูกข้าเถิด”
ฟางหรงมองหญิงชราที่คุกเข่าตรงหน้าก้มหัวขอร้องนาง ฟางหรงเม้มปากแน่นก่อนจะตัดสินใจหันหลังเดินออกจากบ้านของตงหยางด้วยแววตาเหม่อลอย
“คุณหนูกลับจวนเลยไหมขอรับ”
ฟางหรงเพียงพยักหน้า นางขึ้นไปนั่งบนรถม้ามองเบื้องหน้าด้วยแววตาเหม่อลอย ตอนนี้ความคิดมากมายต่างตีกันในหัวของนาง ภาพของจางหมิ่งที่เอาแต่ผลักไสนางและเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นระหว่างนางกับตงหยางฉายซ้ำไปมาในหัว
“เฉินฟางหรง รักที่ดีอะไรกัน เจ้าช่างโง่งม”
ฟางหรงมองไปนอกหน้าต่างด้วยแววตาเศร้า กี่ครั้งแล้วที่นางทุ่มเทให้ผู้อื่นเช่นนี้ ฟางหรงมองกระบี่สีขาวนวลที่นางตั้งใจซื้อให้ตงหยาง
“ทั้งเจ้าและข้า ต่างไม่เป็นที่ต้องการ”
รอยยิ้มเศร้า ๆ ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของฟางหรง พลางคิดว่าตลอดหลายปีที่รักกันหวานชื่นแท้จริงแล้วแค่เรื่องโกหกจริงหรือ
“สุราเลิศรส อาหารเลิศล้ำ บุรุษรูปงาม สตรีอ่อนหวาน มีแค่หอผู่เยว่เท่านั้น เชิญเลย คุณชายเชิญเลย”
เสียงของหญิงสาวมีอายุดังขึ้น เรียกความสนใจให้ฟางหรงหันไปมอง พบสตรีและบุรุษมากมาย ที่แต่งกายน้อยชิ้น เรียกผู้คนผ่านไปมาด้วยใบหน้ายั่วยวน
“หอผู่เยว่”
ฟางหรงพูดออกมาอย่างแผ่วเบา นางจำได้ดีนี่เป็นนรกของนางในอดีต เพราะซินซินได้ขายนางเป็นนางโลมที่นี่ ฟางหรงมองไปที่สตรีที่แต่งกายน้อยชิ้นยืนเรียกบุรุษอยู่หน้าร้าย ก็รู้สึกพะอืดพะอม ภาพในอดีตยามนางต้องรับแขกและเรียกแขกเช่นนี้ฉายเข้ามาในหัว ฟางหรงพยายามข่มอารมณ์ไว้จนรถม้ามาจอดที่หน้าจวน นางสูดหายใจเข้าลึก ๆ เพื่อเรียกสติ ก่อนจะฝืนยิ้มออกมา นางลงไปจากรถม้ามองไปที่หน้าจวนพบซูลี่ที่กำลังยืนเถียงกับสตรีมีอายุหลายคนอยู่หน้าจวน
“ข้าบอกให้พวกท่านกลับไปไง ตอนนี้นายท่านไม่อยู่”
“งั้นพวกเจ้าก็รับของกำนัลไว้ เจ้านายขอข้าอยากยื่นไมตรีให้คุณหนูของเจ้า เจ้ามีหน้าที่แค่ไปส่งของก็พอ”
“นายท่านสั่งว่าไม่รับของจากแม่สื่อคนใดทั้งสิ้น”
เธอมองแม่สื่อที่อยู่เบื้องหน้าด้วยความไม่พอใจ
“งั้นแจ้งข้าหน่อยว่าเป็นแม่สื่อจากตระกูลใด เหตุใดไร้มารยาทเช่นนั้น เวลาเช่นนี้สมควรหรือไม่มาตะโกนหน้าจวนของข้า”
“คุณหนู”
ซูลี่ยิ้มออกมา ฟางหรงเดินผ่านบรรดาแม่สื่อไปยืนข้าง ๆ ซูลี่
“นั่นใช่คุณหนูเฉินใช่ไหมเจ้าคะ”
เสียงหนึ่งดังขึ้นฟางหรงปรายตาไปทางต้นเสียง
“พวกข้ามาขอพบคุณหนูอยู่หลายครั้ง แต่นางบ่าวไม่ได้ความคนนั้นไม่ยอมให้พวกข้าได้พบ”
“...........”
“ข้าเป็นแม่สื่อจากตะ....”
“ออกไป”
“คุณหนู หะ..หากท่านทำเช่นนี้จะเป็นสาวเทื้อนะเจ้าคะ อย่างน้อยแค่รับน้ำใจหรือเทียบเชิญ”
“ข้าไม่ต้องการเอากลับไป”
“เหอะ บุตรสาวท่านกุนซือชั่งอวดเก่งนัก เห็นทีหากไม่แต่งบุรุษเข้าจวนเอง นิสัยไร้มารยาทเช่นนี้คงไม่มีผู้ใดอยากแต่งเข้าจวน”
แม่สื่อพูดออกมาด้วยน้ำเสียงท้าทาย ฟางหรงปรายตามองพวกนางนิ่ง พลางมีความคิดหนึ่งขึ้นมาในหัว รอยยิ้มปรากฏขึ้นบนใบหน้าของนางทันที
“อยากแต่งหรือ เช่นนั้นก็มาแต่งสิ ข้าเฉินฟางหรงจะไม่แต่งเข้าสกุลใด หากผู้ใดอยากแต่งก็ส่งบุตรชายมาแต่งเข้าตระกูลข้า หากรูปงามข้าจะนำมาเป็นอนุ แต่หากหน้าตาใช้ไม่ได้ก็จะส่งไปทำงานที่คอกม้าแทน เอาคำข้าไปแจ้งแก่นายพวกเจ้าด้วย”
