บท
ตั้งค่า

บทที่1 เริ่มต้นชีวิตใหม่

"คุณหนู คนของอาณาจักรหมิวเยว่รออยู่ด้านนอกแล้วเจ้าคะ" ฮุ่ยหลิงในวัยสิบห้าวิ่งเข้ามารายงานผู้เป็นนาย

"เจ้ากลับไปบอกพวกเขาว่า ข้าไม่ไป!" หลิวฟางหรงหันกลับไปบอกความต้องการของตนให้แก่สาวใช้คนสนิท 

คนพวกนี้ช่างดื้อดึงยิ่ง เดือนนี้มาถึงสามครั้ง ไล่ไปแล้วก็ยังกลับมาอีก 

"ท่านหญิง องค์จักรพรรดิหมิงเสียนทรงรับสั่งให้บ่าวมารับพระองค์กลับวังหลวง" 

เสียงของนางกำนัลผู้อาวุโสดังขึ้นจากลานบ้าน

"คุณหนู" ฮุ่ยหลิงโอดครวญออกมา นางไม่รู้จะรับมือกับหญิงชราผู้นี้อย่างไรแล้ว คนผู้นี้ช่างดื้อดึงยิ่ง หากเป็นคนก่อนนางคงจับโยนออกไปแล้ว ทว่าคนผู้นั้นเป็นถึงผู้รับใช้ของไทเฮาผู้ล่วงลับแม่แต่องค์จักรพรรดิยังต้องไว้หน้า

หลิวฟางหรงเห็นท่าทางจนใจของคนสนิทตนแล้วก็ถอนหายใจเฮือกใหญ่ ก่อนจะเดินออกไปเผชิญหน้ากับคนพวกนั้น

เหล่าผู้มาเยือนยืนรอการปรากฏตัวของผู้ที่พำนักอยู่ภายในเป็นนาน ในที่สุดก็ได้พบนาง

ร่างของดรุณีน้อยวัยสิบห้าปรากฏตรงหน้าของพวกเขา แม้จะไม่งดงามหยาดเยิ้มเฉกเช่นหญิงงามในเมืองหลวง ทว่าด้วยรูปร่างอรชรตามแบบฉบับของสตรีดินแดนนอกเขตกลับทำให้นางมีเสน่ห์ ชวนหลงใหล หากยืนอยู่ท้ามกลางเหล่าหญิงงามฝั่งจักรวรรดิ ก็โดดเด่นสะดุดตากว่าผู้ใด

"ท่านหญิงฟางหรง" นางกำนัลอาวุโสท่านนั้นหย่อนตัวเคารพคนตรงหน้าตน

"กลับไปบอกเจ้านายของพวกเจ้า ข้าแซ่หลิว มิได้แซ่เยว่ ไม่ต้องส่งคนมาอีกแล้ว" 

หลิวฟางหรงทอดสายตามองไปยังคนจากอาณาจักรหมิงเยว่อย่างเฉื่อยชา พร้อมปล่อยพลังเวทของตนเข้ากดดันคนเหล่านั้น

"แต่ท่านหญิงอยู่ที่นี่เพียงตัวคนเดียว องค์จักรพรรดิไม่วางใจ จึงอยากรับท่านหญิงกลับไปดูแล พระองค์ทรงเป็นห่วงท่านหญิงมากเลยนะเพคะ" 

นางกำนัลอาวุโสผู้นั้นยังไม่คิดจะยอมแพ้โดยง่าย แม้จะถูกพลังเวทของผู้มีศักดิ์สูงกว่ากดดันจนลมหายใจติดขัด 

หลิวฟางหรงได้ยินว่าผู้เป็นปู่ของตนเป็นห่วงความเป็นอยู่ จึงแสยะยิ้มออกมา 

คนผู้นั้นมิได้เป็นห่วงนางหรอก เพียงแค่เป็นห่วงหน้าตาตนเองก็เท่านั้น

"ถ้าเช่นนั้น ข้าฝากไปทูนองค์จักรพรรดิของพวกเจ้าด้วยว่า เมื่อถึงเวลา ข้าผู้นี้จะไปเยี่ยมเยือนตัวตัวเอง" ทันทีที่เอ่ยจบ วงแหวนเวทพลันปรากฏขึ้นที่ลานบ้าน ก่อนที่กลุ่มคนจากอาณาจักรหมิงเยว่หายลับไป 

"พลังเวทของคุณหนูก้าวหน้าอีกขั้นแล้ว" ฮุ่ยหลิงมองผู้เป็นนายอย่างชื่นชม ก่อนจะนึกขึ้นมาว่าทำเช่นนั้นไม่เหมาะอย่างยิ่ง อีกทั้งจะนำปัญหาใหญ่มาสู่ผู้เป็นนายของตนได้ "คุณหนู พวกเราทำเช่นนั้นจะดีหรือเจ้าคะ หากว่าคนพวกนั้น..."

"เข้าเพียงส่งพวกเขากลับไปยังอาณาจักรหมิงเยว่เพียงเท่านั้น นักเวทเช่นข้าถึงกับเสียสละหินพลังเวทถึงสองก้อนส่งพวกเขากลับไป ไม่ต้องทนลำบากเดินทางเป็นเดือนๆคนพวกนั้น ต้องขอบคุณข้าสิถึงจะถูก" 

ขอบคุณกับผีน่ะสิ! พวกเขาไม่สาปแช่งก็ดีเท่าไรแล้ว

ฮุ่ยหลิงส่ายหน้าอย่างเอือมระอา การใช้วงแหวนเวทเคลื่อนย้ายด้วยความเร็วสูง ก็ไม่ต่างจากจับพวกเขาเหวี่ยงบนกลางอากาศแม้แต่น้อย ปกติแล้วใช้เพียงหินพลังเวทก้อนเดียวก็พอแล้ว หากใช้เกินกว่านั้นจะมีผลดังกล่าว ไม่รู้ว่าคนเหล่านั้นพอกลับไปถึงวังหลวงจะมีชีวิตอยู่ต่อได้อีกกี่ปี

"ฮุ่ยหลิงเจ้าไปช่วยข้าเก็บหินแร่ที่ก้นทะเลดีกว่า อย่างพึ่งกังวลเรื่องไม่เป็นเรื่องเช่นนี้เลย" หลินฟางหรงตบบ่าคนตัวเล็กว่าอย่างเบามือ แม้ว่านางกับฮุ่ยหลิงจะอยู่ในวัยเดียวกัน ทว่าตนกลับสูงกว่านางครึ่งศีรษะ 

"เจ้าค่ะ"

หวังว่าคนพวกนั้นจะไปถึงวังหลวงอย่างปลอดภัย

จากนั้นหลินฟางหรงกับฮุ่ยหลิงก็ตรงไปยังชายฝั่งทะเล ซึ่งอยู่ไม่กลับจากหมู่บ้านของตนมากนัก ก่อนที่ทั้งสองจะดำดิ่งสู่ก้นทะเลลึก เพื่อไปเก็บหินแร่ 

ด้วยการที่หลิวฟางหรงใช้พลังเวทสร้างลูกบอลใสขนาดยักษ์ครอบตัวนางกับคนสนิทคนละลูกและดำลงไป ทว่าลูกกลมใสนั้นกลับอยู่ได้เพียงครึ่งยามเท่านั้น หลังจากผ่านครึ่งชั่วยามแล้ว ก็พลันแตกสลายคล้ายกับฟองอากาศ

ฉะนั้นพวกนางจึงไม่มีเวลาให้ชื่นชมความงามของท้องทะเลมากนัก จึงรีบช่วยกันเก็บหินแร่ ก่อนจะครบกำหมดเวลา...

หลังจากที่วิญญาณของหลิวฟางหรงถูกหลุมดำขนาดยักษ์ดูดเข้าไป วิญญาณของนางก็ลอยเคว้งคว้านอยู่ในความมืดเป็นเวลานาน ด้วยความเหนื่อยล้าจึงเผลอหลับไป รู้สึกตัวอีกทีก็พบว่าตนได้ย้อนกลับมาตอนที่อายุได้เพียงสิบสองปี ในช่วงเวลาที่ท่านตาหายสาบสูญไปพอดี 

เมื่อหลิวฟางหรงได้อ่านจดหมายในช่องลับที่ผู้เป็นตาทิ้งไว้ ก็พลันเข้าใจแล้วว่าเพราะเหตุใดตนถึงได้ย้อนกลับมาในอดีตได้  ท่านตาของนางเป็นผู้ใช้เวทที่อยู่ในระดับปราชญ์วิญญาณ ซึ่งอยู่ในขั้นสูงสุดของผู้ใช้เวท ท่านใช้พลังเวททั้งหมดส่งนางย้อนกลับมาในอดีต 

'หรงเอ๋อร์ ตาแก่แล้ว อยู่กับเจ้าได้ไม่นานนักหรอก มิสู่ยกส่วนที่เหลือให้เจ้าเสียดีกว่า อย่าเสียใจเลยหลานรัก หากเจ้ารู้สึกผิด เช่นนั้นก็ใช้ชีวิตให้ดี อย่างหลงเชื่อคนโดยง่ายดั่งเช่นกาลก่อน ตาอยากเห็นเจ้ามีความสุข'

นั้นคือข้อความที่ท่านตาทิ้งไว้ให้แก่นาง

หลังจากวันนั้นหลินฟางหรงจึงตามคำสั่งเสียของผู้เป็นตา ใช้ชีวิตอย่างมีความสุข เพราะสาเหตุนี้นางจึงไม่ย้ายไปอยู่ที่อาณาจักรหมิงเยว่ตามความต้องการของผู้เป็นปู่

เดิมทีบิดาของหลิวฟางหรงเป็นองค์ไท่จื่อของอาณาจักรหมิงเยว่ เยว่ลู่จิ่ง ผู้ซึ่งองค์จักรพรรดิหมายมั่นให้เป็นผู้สืบทอดบัลลังก์คนต่อไป ทว่าเขากลับพบรักกับสตรีดินแดนนอกเขต คนผู้นี้คือมารดาของหลิวฟางหรง หลิวอี้หลิน 

ต่อมาเขาได้ค้นพบว่าราชวงศ์นั้นโสมมเกินกว่าที่เขาคิด ไม่อยากคนรักของตนต้องมาพบเจอกับเรื่องเช่นนี้ จึงสละฐานะไท่จื่อผู้สืบทอดบัลลังก์ มาอยู่ที่ดินแดนนอกเขต ซึ่งอยู่อีกฟากฝั่งของทะเล และจักรพรรดิเยว่เสียนก็ไม่สามารถทำอันใดได้ เพราะผู้เป็นบิดาของหลิวอี้หลินนั้นคือปราชญ์วิญญาณ เป็นผู้ที่อยู่ในระดับสูงสุดของผู้ใช้เวท ได้เพียงปล่อยไปเลยตามเลย

ส่วนเยว่ลู่จิ่งนั้นย้ายมาอยู่ดินแดนนอกเขตได้เพียงไม่นาน ก็ค้นพบว่าตนนั้นถูกลอบวางยาพิษ ในยามนั้นหลิวอี้หลินผู้เป็นภรรยาได้ตั้งครรภ์แล้ว 

ด้วยความรักที่มีต่อสามีของหลิวอี้หลิน แม้ว่าตนจะตั้งครรภ์ก็พยายามสืบเสาะหาสมุนไพรและโอสถ เพื่อถอนพิษให้แก่คนรักตน ทว่าร่างกายเยว่ลู่จิ่งได้รับพิษเป็นแล้วเวลานานมากแล้ว จึงไม่อาจถอนพิษได้ ทำได้เพียงยับยั้งไม่ให้พิษกำเริบเท่านั้น

เมื่อหลิวฟางหรงอายุได้เจ็ดปี บิดานางก็จากไป อายุสิบปี ก็สูญเสียมารดาผู้ให้กำเนิด สิบสองปี ท่านตาผู้เลี้ยงดูก็จากไปด้วยเช่นกัน

แต่ทว่าก็มิได้อับจนหนทาง ในคลังลับใต้ดินที่นางค้นพบจดหมาย ผู้เป็นตาได้ทิ้งหินพลังเวทและตำราเวทต่างๆไว้ให้นางได้ฝึกฝน อีกทั้งยังมีเสด็จป้า ผู้ซึ่งเป็นพี่น้องร่วมมารดาค่อยช่วยเหลืออยู่ลับๆ ทำให้หลิวฟางหรงได้เป็นผู้ใช้เวทระดับข้างต้น หรือที่เรียกกันว่านักเวท และยังสำเร็จเป็นช่างหลอมอาวุธ ระดับจอมปราชญ์ เพียงอายุแค่สิบห้าปี

ในดินแดนนอกเขตนี้มีเพียงหลิวฟางหรงผู้เดียว ที่สำเร็จเป็นช่างหลอมระดับกลาง และใช้ความสามารถนี้หาเงินเพื่อเลี้ยงชีพตนและสาวใช้คนสนิท ทว่าผู้ว่าจ้างกลับไม่รู้ว่าช่างหลอมระดับกลางที่พวกเขายกย่องเทิดทูนเป็นเด็กสาวอายุสิบห้า 

ผู้ที่จะเป็นช่างหลอมได้นั้น จะต้องเป็นผู้ใช้เวทเท่านั้น เพราะการหลอมอาวุธได้ใช้ธาตุไฟเป็นหลัก ซึ่งผู้ที่สามารถดึงพลังธาตุออกมาใช้ได้ มีเพียงนักเวทที่ทำได้ และช่างหลอมส่วนใหญ่จะเพียงหลอมเพียงอาวุธเวท ที่สำคัญยิ่งไปกว่านั้นคือผู้ใช้เวทมีน้อยกว่าผู้ใช้ปราณยุทธ์ 

เพราะด้วยวิธีการเพิ่มระดับพลังของผู้ใช้เวทนั้น ทำได้เพียงดูดซับจากหินพลังเวท จึงจะสามารถเลื่อนขั้นพลังได้ แม้ผู้ใช้เวทจะมีอยู่เพียง ขั้นนักเวท ขั้นจอมเวทและขั้นปราชญ์วิญญาณ ทว่าราคาหินพลังเวทนั้นแพงยิ่ง คนธรรมดาจึงไม่สามารถเอื้อมถึงได้ พวกเขาจึงเลือกที่จะเป็นผู้ใช้ปราณยุทธ์ เพราะปราณยุทธ์นั้นเลื่อนขึ้นโดยใช้ความสามารถและความพยายามของแต่ละบุคคล หากเป็นผู้มีฐานะดี ก็จะให้ยาลูกกลอนวิญญาณเข้ามาเพิ่มพูนพลังยุทธ์ของพวกเขา อีกทั้งยาลูกกลอนนั้นหาซื้อได้ง่ายกว่าหินพลังเวท แม้จะมีระดับขั้นมากขึ้น แต่กลับมีโอกาสก้าวหน้าเลื่อนระดับพลังกว่าผู้ใช้เวท จึงเป็นเหตุให้คนส่วนใหญ่เลือกเส้นทางยุทธ์มากกว่า ทำให้มีนักเวทอยู่ไม่มากนัก 

ยิ่งไม่ต้องเอ่ยถึงผู้เป็นช่างหลอม มีเพียงแค่หยิบมือ ทำให้เป็นที่ต้องการของขุมกำลังต่างๆ ด้วยเพราะสาเหตุนึ้หลิวฟางหรงจึงปกปิดสถานะช่างหลอมอาวุธของตนนั้นเอง

เมื่อชาติก่อนหลิวฟางหรงก็เป็นผู้ใช้ปราณยุทธ์ อีกทั้งยังเป็นผู้มากพรสวรรค์ ก่อนที่นางจะสิ้นลม ก็ก้าวเข้าสู่ปราณยุทธ์ขั้นที่เจ็ด ทว่าน่าเสียดายที่ต้องจบเสียชีวิตตั้งแต่อายุยังไม่ถึงสามสิบด้วยซ้ำ

ในเมื่อชีวิตนี้ของนางปราชญ์วิญญาณผู้ยิ่งใหญ่เป็นคนมอบให้ นางจะสืบทอดเจตนารมณ์ของผู้เป็นตาไม่ได้เชียวหรือ....

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel