บทที่ 19 ขวัญใจ ไพเราะ
“นี่แสดงว่ามึงนัดผู้ชายมาคุยด้วยจริงๆ นังสารเลวคิดนอกใจกูเหรอ” ผู้จัดการวงไม่ฟังคำอธิบายใดๆ อีกต่อไปเขาลุกขึ้นยืนและตบฉาดเข้าที่ใบหน้าวิไล จิ๋มกับน้อยนั่งมองอยู่ถึงกับลุกขึ้นยืนทิ้งผ้าที่กำลังซักอย่างไม่ไยดี วิไลนิ่งงันไปกับความป่าเถื่อนของสามี หล่อนจ้องหน้าเขาไม่อยากเชื่อว่าผู้ชายที่หล่อนรักจะกล้าตบหน้าหล่อนเพียงเพราะหล่อนคุยกับผู้ชายที่ไม่รู้จักเท่านั้น
“นี่พี่กล้าตบหน้าฉันเหรอ”
“ใช่ ในเมื่อมึงมันไม่รักดีคิดคบชู้กูก็กล้าตบมึง บอกมาไอ้สารเลวนั่นเป็นใคร”
“พี่เพทาย ใจเย็นๆ สิจ๊ะค่อยๆ พูดกันก็ได้อย่าลงไม้ลงมือกันเลยฉันสงสารวิไล เจ็บมั้ยวิไลแกมีอะไรกับใครก็บอกๆ พี่เขาไปเถอะจะได้ไม่เจ็บตัว” มณีรัตน์แอบมองอยู่นานหล่อนเข้ามาห้ามเหมือนกับหวังดีแต่คำพูดของหล่อนจงใจยั่วยุให้สามีภรรยาแตกกัน วิไลหันมาจ้องหน้าเพื่อนรักด้วยความไม่เข้าใจมณีรัตน์พูดราวกับว่าหล่อนมีผู้ชายคนใหม่อย่างนั้น
“แกพูดอะไร ฉันไม่มีอะไรกับใครไม่เคยแอบคุยอย่างที่แกพูดนะรัตน์”
“โถๆ วิไลจ๋า เธอคุยกับวินมอเตอร์ไซค์หน้าปากซอยมาตั้งหลายครั้งแล้วไม่ใช่เหรอจ๊ะทำปากแข็งไปได้นี่นายอมรับซะเถอะพี่เพทายเขาไม่ว่าอะไรหรอกจริงมั้ยคะพี่เพทายขา”
มณีรัตน์เข้าไปกอดแขนเพทายใบหน้ายิ้มหวานระรื่นของหล่อนยิ้มหยันวิไลสายตาที่มองมานั้นทั้งสมเพชและเย้ยหยัน มณีรัตน์ไม่เคยแสดงกิริยาเช่นนี้สักครั้งแล้วนี่เกิดอะไรขึ้น เพื่อนรักของหล่อนกำลังจะทำอะไร
“พี่วิไล พี่วิไล เป็นอะไร มีอะไรเหรอพี่”
พาขวัญถือใบสมัครเดินกลับมาหาวิไลซึ่งหล่อนไม่รู้ว่าพี่สาวจำเป็นกำลังเจอกับเพื่อนเก่าเพื่อนที่กล้าฆ่าเพื่อนได้อย่างเลือดเย็น เพียงเพื่อต้องการแย่งผู้ชายที่เพื่อนรักเท่าชีวิตไปครอบครัวเท่านั้น
“เอ่อ ไม่มีอะไร ได้ใบสมัครแล้วเหรอ เขียนรึยังล่ะ” วิไลฝืนยิ้มทั้งที่ยิ้มไม่ออก
“ยังจ้ะ ไม่ต้องเขียนอะไรเลยพี่ แค่กรอกชื่อ อายุ ที่อยู่แค่นั้นเอง” พาขวัญอ่านใบสมัครที่หล่อนรับมาคร่าวๆ
“เขียนให้ครบแล้วรีบส่ง เขาเรียกไปเต้นคัดเลือกแล้วนะ” วิไลมองไปที่มณีรัตน์อีกครั้ง
“เขียนใบสมัครแล้วมาเข้าแถวที่นี่ เดี๋ยวฉันจะคัดตัว” เสียงเรียกรวมผู้สมัครทั้งหมด พาขวัญจึงวางใบสมัครลงบนโต๊ะไม้แล้วเดินไปยืนรวมกลุ่มกับหญิงสาววัยไล่เลี่ยกับหล่อน
“เปิดเพลงได้แล้ว” มณีรัตน์หันกลับไปสั่งเด็กหนุ่มที่นั่งอยู่ข้างเครื่องเสียงด้านหลังหล่อน ครู่เดียวเสียงเพลงก็ดังขึ้น
“เริ่มเต้นได้ อยากเต้นท่าไหนก็ตามสบายเลยนะ” เพทายตะโกนแข่งกับเสียงเพลง หญิงสาวสี่ห้าชีวิตขยับแขนขยับขาตามจังหวะของเพลง ทุกคนเต้นตามแบบที่คิดว่าถูกใจกรรมการตัดสินไม่มีใครประหม่าหรือเขินอายกับสายตาหลายคู่ที่กำลังจ้องมา ท่วงทำนองเพลงเร็วกระตุ้นให้พาขวัญรู้สึกสนุกและมั่นใจว่าหล่อนต้องผ่านการคัดเลือกด้วยการเต้นในครั้งนี้ได้อย่างแน่นอน
เพทายมองลีลาการเต้นของพาขวัญเขาอดคิดถึงวิไลไม่ได้ทำไมพาขวัญจึงเต้นคล้ายกับวิไลไม่ว่าการหมุนตัวสะบัดหน้าและวางเท้าแต่ละครั้ง เขานั่งนิ่งมองพาขวัญจนกระทั่งจบเพลงจึงพยักหน้าช้าๆ มณีรัตน์เข้าใจกิริยาของเขา พาขวัญผ่านการคัดเลือกหล่อนได้เป็นหางเครื่องสมดังที่ตั้งใจไว้
“นี่เธอ เธอผ่านแล้วนะเอาใบสมัครมาให้ฉันแล้วเข้ามาคุยกับผู้จัดการวงเร็วด้วยนะยะ”
มณีรัตน์พูดกับพาขวัญไม่มีหางเสียงและสายตาที่มองมายังหญิงสาวนั้นแฝงความไม่พอใจซ่อนอยู่ บอกไม่ถูกว่าทำไมจึงไม่ชอบพาขวัญตั้งแต่เห็นครั้งแรกและคำตอบของความไม่ชอบก็กระจ่างชัดเมื่อเพทายเรียกพาขวัญเข้ามาคุย
“ชื่ออะไร”
“ชื่อขวัญใจ ไพเราะค่ะ” พาขวัญตอบเสียงชัดเจน
“ทำไมถึงอยากเป็นหางเครื่อง” เพทายถามโดยไม่มองหน้าพาขวัญ
“ชอบค่ะ แล้วก็อยากได้เงินไปให้แม่ที่ต่างจังหวัดด้วยค่ะ”
“พี่ก็ไม่ต้องไปถามเหตุผลมากนักหรอกมันก็อยากได้เงินทั้งนั้นแหละใครบ้างจะไม่อยากได้เงิน”
มณีรัตน์แทรกขึ้นแล้วแย่งใบสมัครมาอ่านเสียเองและหล่อนก็ต้องเบิกตากว้างกับชื่อญาติที่พาขวัญเขียนไว้
“นี่เธอเป็นญาติกับวิไลงั้นเหรอ” มณีรัตน์เสียงดังและคำถามของหล่อนทำให้เพทายเหลียวมาจ้องหน้าพาขวัญอีกคน
