บทที่ 1 (5)
หญิงสาวร้องเสียงหลงพลางถลันลุกขึ้นทันที แต่ตอนนั้นเองที่ถูกภาคินคว้าร่างไว้จากทางด้านหลังพร้อมกับดึงรั้งหล่อนลงมาให้กลับมานั่งบนตักด้วยความรวดเร็วและแรงดึงของเขา หล่อนดิ้นรนขัดขืนเต็มที่จนแว่นสายตาที่สวมอยู่หลุดลงไปอยู่บนพื้นทางเดินตรงกลางพร้อมกับเสียงร้องอันแสดงถึงความตกใจ
“อุ้ย ปล่อยนะ โอ๊ย แว่นฉัน...”
วิกานดาร้องแล้วก็พยายามมองหาแว่นไปพลางดิ้นรนลงจากตักของชายหนุ่มไปพลาง ตอนนั้นเองที่เขาเพิ่งรู้ว่าเจ้าแว่นสายตานั้นไม่ได้ใส่เพื่อหลอกตบตาอำพราง แต่เจ้าหล่อนสายตาสั้นจริงๆ เขาจึงพยักหน้าให้ลูกน้องของตนเก็บแว่นไว้ให้ แต่ไม่ได้สั่งให้ส่งมันคืนให้หล่อน
“อย่าดิ้นสิ”
“ไม่นะ ฉันไม่พร้อมสำหรับเรื่องแบบนี้!”
หญิงสาวอ้อนวอนเขา แต่เป็นเสียงอ้อนวอนและคำร้องขอที่ทำให้คนในเคบินรวมถึงกัปตันกับผู้ช่วยกัปตันที่ต่างได้ยินชัดต้องกลั้นยิ้มด้วยความขบขัน แต่ไม่มีใครพูดอะไร เพราะทุกคนรู้ว่าคนอย่างทริเซียนโน ไม่เคยบังคับข่มขืนผู้หญิงคนไหน แต่เจ้าหล่อนคงไม่รู้และคงคิดว่าตัวเองกำลังจะเผชิญชะตากรรมเลวร้ายอยู่แน่
“เธอคิดว่าฉันจะทำอะไรเธอบนเครื่องบินหรือไง”
เขาถามยิ้มๆ นึกถูกใจกับความไม่ประสาของหล่อน เพราะไม่เคยเจอผู้หญิงแบบนี้มาก่อน ผู้หญิงที่เข้ามาในชีวิตของเขาส่วนใหญ่จะเจนจัดมากกว่าหล่อน แทบไม่ต้องให้สอนอะไรก็ทำเป็นหมดทุกอย่างแล้ว
วิกานดาทำตาปริบๆ พลางมองใบหน้าคมเข้มของเขาที่ลอยอยู่ไม่ห่างใบหน้าของหล่อน หญิงสาวขมวดคิ้วเพราะมองเขาได้ไม่ชัด มันทำให้หล่อนทรมานสายตาของตัวเองจนต้องร้องขอเขา
“ขอแว่นให้ฉันเถอะค่ะ”
ชายหนุ่มพยักหน้ากับคนของเขาพลางยื่นมือไปรับแว่นมาส่งให้หล่อน วิกานดารีบรับไปสวมทันที หล่อนรู้สึกสบายตาขึ้นมากเมื่อได้เห็นใบหน้าของเขาชัดเจนขึ้น แต่กลับไม่สบายใจขึ้นมาเมื่อสำนึกได้ว่าตนเองยังอยู่บนตักของเขา โดยมีลูกน้องเขายืนมองอยู่อีกสองคน
“ปล่อยฉันเถอะค่ะ” วิกานดาร้องบอกอีกครั้งแล้วก็ต้องใจหายวาบเมื่อเครื่องบินเริ่มเร่งเครื่องของมันพุ่งไปตามรันเวย์เพื่อเพิ่มระยะการขึ้นบิน จนกระทั่งอึดใจต่อมาเครื่องบินก็ทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้าและมันกำลังจะพาหล่อนไป
ถึงไหนก็ไม่รู้
“คุณหลอกฉัน!”
หญิงสาวกล่าวหาพยายามลุกจากตักเขา แต่กลับไม่เป็นผลเมื่อถูกเขายึดไว้อย่างแน่นหนา มือใหญ่โอบเอวหล่อนไว้ข้างหนึ่ง ส่วนอีกข้างวางอยู่บนต้นขาของหล่อนพลางนวดเบาๆ อย่างเผลอไผล
“หยุด...หยุดนะ ฉันไม่ได้มาเพราะตกลง!” หล่อนบอกพลางจับยึดมือเขาที่ป้วนเปี้ยนอยู่บนต้นขาของหล่อนไว้ เพื่อไม่ให้เขาทำตามใจชอบ
“แต่สำหรับฉันมันแปลว่าตกลง”
“แต่...แต่ฉันไม่รู้อะไรเกี่ยวกับการเป็นนางบำเรอเลยนะ” วิกานดาพยายามบอกเขา อย่างน้อยก็อยากให้เขาฟังเหตุผลของหล่อนบ้างก็ยังดี
“นางบำเรอที่ไม่รู้อะไรเลย น่าสนุกกว่านางบำเรอที่รู้มากเป็นไหนๆ”
ชายหนุ่มกระเซ้าพลางยกมือที่นวดต้นขาหล่อนอยู่ขึ้นไปไล้แก้มของหล่อนเบาๆ ด้วยอาการทะนุถนอม ที่ชวนให้หล่อนสยิวขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก
“อย่า...อย่าค่ะ”
“อายเหรอ?”
“ฉันไม่ใช่โสเภณีนะคะ”
หล่อนบอกพลางผินหน้าไปทางหนึ่งด้วยความอับอาย แม้ปากจะบอกว่าไม่ใช่โสเภณี ไม่ต้องการเป็นนางบำเรอของเขา แต่แค่เขาสัมผัสแตะต้องเพียงปลายนิ้ว หล่อนก็ซาบซ่านหลงใหลไปกับมันเสียแล้ว
“ไว้ถึงอิตาลีเมื่อไหร่ เราค่อยมาตกลงกันอีกครั้งก็ยังไม่สาย”
“ว่าอะไรนะคะ!” หล่อนร้องเสียงหลงอีกครั้ง
“เรากำลังเดินทางกลับอิตาลี แต่คงต้องแวะเติมน้ำมันกลางทางนิดหน่อย แต่ถึงที่นั่นแล้ว ฉันน่าจะได้คำตอบจากเธอนะว่าเต็มใจเป็นนางบำเรอให้ฉันหรือเปล่า แต่ไม่ต้องห่วง ถ้าเธอไม่ยอมเป็น ฉันก็มีงานอื่นให้เธอทำอยู่แล้ว ฉันไม่นิยมข่มขืนผู้หญิง แต่จะทำให้เธอยอมฉันเองอย่างช้าๆ”
ชายหนุ่มบอกด้วยน้ำเสียงมั่นใจ มันเป็นเสียงของความมั่นใจที่ทำให้วิกานดาสั่นสะท้าน ทั้งสัมผัส ทั้งน้ำเสียง ทั้งความต้องการของเขามันส่งตรงมายังหล่อนอย่างไม่ปิดบัง และมันบอกด้วยว่าระหว่างเขากับหล่อนจะมีอะไรเกิดขึ้นมากกว่านั้นแน่นอน
“คุณ...”
“ชื่อของฉันคือ ภาคิน หรือเธอจะเรียกว่าทริเซียนโนก็ได้นะ ที่รัก”
สิ้นเสียงบอกของเขา จุมพิตอันแสดงถึงชั้นเชิงที่เหนือกว่าก็ทาบลงมาบนเรียวปากของหญิงสาวในอ้อมแขนพร้อมกับลิ้นนุ่มนวลสอดเข้าไปในช่องปากของหล่อนด้วยอาการไล้เลีย กระหวัดเกี่ยวพันลิ้นของหล่อนและดูดดุนอย่างช่ำชอง เพื่อทำให้หล่อนรู้ว่าหลังจากนี้ถ้าหล่อนตอบตกลง หล่อนจะได้ลิ้มรสมันมากกว่าที่เขาปรนเปรอให้ในขณะนี้...
