1
......เอี๊ยด.....โครม..........เสียงล้อรถยนต์บดกับถนนก่อนจะเกิดเสียงกระทบกันของรถยนต์ต่างสัญชาติสองคัน ฝุ่นละอองจากการซ่อมผิวการจราจรลอยคละคลุ้งก่อนจะร่วงหล่นลงมาเคลือบสีดำมันปลาบจนหม่นหมองไปเล็กน้อย ถึงกระนั้นก็ยังเห็นได้ชัดว่าเป็นรถยนต์รุ่นที่มีน้อยมากในเมืองไทย
ปานอัปสรหญิงสาวผู้มีความงามปานนางฟ้าสมกับชื่อของหล่อน นั่งเกร็งอยู่หลังพวงมาลัยหัวใจสั่นระริกก่อนจะค่อย ๆ ลืมตาขึ้นมาพบกับความเป็นจริงตรงหน้า......วันนี้มันวันโลกาวินาศหรือไงวะถึงได้เจอะเจอแต่ความซวย ซวยซ้ำซวยซ้อนไม่หยุดไม่หย่อนตั้งแต่เช้ากระทั่งจวนจะกลับเข้าคอนโดอยู่แล้วเชียวยังจะซวยส่งท้ายได้อีก หญิงสาวหันหน้าไปมองคนข้าง ๆ เมื่อนึกขึ้นได้ว่าไม่ได้มาคนเดียวนี่หว่า ภาพที่เห็นก็แทบอยากจะเอาหัวโขกพวงมาลัยให้ตาย ๆ ไปซะจะได้สิ้นเรื่องสิ้นราว......อยากจะบ้าตายเมื่อเห็นเพื่อนเอาแต่นั่งหลับตาสวดมนต์ทำปากขมุบขมิบราวกับตัดช่องย่องหายไปคนเดียวปล่อยให้หล่อนเผชิญความจริงแต่เพียงลำพัง
“คม ลงไปดูซิว่ามีใครเป็นอะไรหรือเปล่า” คนเป็นหมอถึงแม้จะวางมือจากงานรักษามานานแล้วก็ตามแต่จิตวิญญาณของคนที่เคยแต่ช่วยยื้อชีวิตเพื่อนมนุษย์ก็ยังมีความห่วงใยในชีวิตคนเป็นอันดับแรกเสมอ สิ่งเหล่านี้อาจจะแทรกซึมเข้าสู่กระแสเลือดไปแล้วก็ได้ถึงแม้ว่าดูเหมือนจะไม่มีเหตุการณ์ร้ายแรงขนาดนั้นเพราะชนไม่แรงมากนักเขาก็ยังไม่วางใจจึงให้คนสนิทลงไปดูแลแทน
อลันนายแพทย์หนุ่มลูกครึ่งไทยอิตาลีวัยสามสิบสองปีรูปร่างสูงใหญ่ ผิวคล้ำแดดแตกต่างจากภาพลักษณ์ของหมอทั่วไป แต่นั่นยิ่งทำให้เขามีเสน่ห์โดดเด่นรับกับใบหน้าคมเข้มคิ้วหนาดวงตาคมกริบริมฝีปากหยักโค้งจมูกโด่งเป็นสัน แต่น่าเสียดายที่เจ้าตัวชอบหมกตัวอยู่กับป่าเขามากกว่า นาน ๆ จะออกมาตรวจตราโรงพยาบาลในเครือแค่เดือนละครั้ง ครั้งละไม่เกินหนึ่งสัปดาห์เท่านั้นเขานั่งนิ่งรออยู่ในรถอย่างใจเย็น
“ขับรถประสาอะไรวะเนี่ย...ห๊า....ซื้อใบขับขี่มาหรือไงถึงได้ทะเล่อทะล่าวิ่งมาชนรถคนอื่นเขาแบบนี้อ่ะ.......รู้ไหมว่าเวลาทุกนาทีของฉันมีค่า....ฮึ่ย...บ้าชะมัด” หญิงสาวเรือนร่างบางระหง วงหน้าสวยงามไร้ที่ติแต่ที่ต้องติก็คือวาจาที่หล่อนหลับหูหลับตา พ่นใส่คู่กรณีอย่างประสาทเสีย
“ขอโทษครับ คุณผู้หญิงผมเกรงว่าจะเป็นรถของคุณนะครับ ที่...เอ่อ..ทะเล่อทะล่าขับเข้ามาชนรถผมเอง” คมชี้แจงด้วยท่าทีที่สุภาพเนิบนาบตามแบบฉบับของเขา
“ยังมีหน้ามากล่าวหาว่าฉันเป็นฝ่ายผิดงั้นเหรอ...”ปานอัปสรยกมือขึ้นท้าวสะเอว อันเป็นกิริยาที่ไม่ได้เกิดขึ้นบ่อยนัก หล่อนตอบโต้อย่างไม่พอใจก่อนจะหันมองไปรอบ ๆ จึงเริ่มเห็นจริงอย่างที่หนุ่มใหญ่ตรงหน้าบอกเพราะหล่อนเป็นฝ่ายที่ขับรถพุ่งออกมาจากในซอยจริง ๆ
“แก.....ฉันว่า...เราผิดว่ะ” ริชชี่หญิงสาวขาวอวบอารมณ์ดีที่ยืนเงียบอยู่นาน สะกิดบอกเพื่อนก่อนที่มันจะหน้าแหกมากไปกว่านี้
“อ้าวเหรอ.......งั้นก็ต่างคนต่างซ่อมก็แล้วกันเนอะ” ปานอัปสรพูดเสียงอ่อนลง ยิ้มแหย ๆ รีบสรุปจบ พอสติกลับมาปัญญาก็เกิดประเมินจากสายตาคร่าว ๆ แล้ว หากอีกฝ่ายเอาเรื่องให้หล่อนจ่ายค่าซ่อมมีหวังตายกับตาย รถหรูระดับนี้ลำพังค่าซ่อมคงจะซื้อรถของหล่อนได้ทั้งคันเผลอ ๆ ไม่พอค่าซ่อมอีกต่างหาก
“ผมต้องถามเจ้านายก่อนนะครับ” คมเอ่ยออกมาอย่างสุภาพพร้อมกับหลุบตาลงต่ำเหมือนซ่อนอะไรบางอย่าง ดีที่อีกฝ่ายไม่ได้ใส่ใจ
คมเดินกลับไปที่รถยนต์คันหรู เจ้านายหนุ่มนั่งอยู่ด้านหลังในมือถือสมาร์ทโฟนค้างอยู่ที่หน้าข่าวของแม่นางฟ้านางสวรรค์ที่ครั้งหนึ่งเขาเคยอยากได้หล่อนเพียงแค่แรกเห็นบนแคทวอล์คในงานการกุศลงานหนึ่งคิดไกลขนาดว่านิสัยใจคอเข้ากันได้ก็อาจจะคบหาดูใจหรือหากว่าหล่อนขายเขาก็เต็มใจจะซื้อ แต่สิ่งที่ได้รับกลับมาคือคำปฏิเสธชนิดที่เรียกได้ว่าปิดประตูใส่หน้าตั้งแต่ยังไม่เคยเจอกันด้วยซ้ำ เหตุการณ์ครั้งนั้นสั่นคลอนความรู้สึกของคนที่ไม่เคยมีใครกล้าขัดใจจนแทบจะแล่นไปลากหล่อนมาสั่งสอนเสียให้รู้สำนึกหากไม่มีเหตุการณ์ยุ่ง ๆ เข้ามาในชีวิตเสียก่อน......แต่วันนี้คงจะถึงเวลาเอาคืน....แว่ว ๆ มาว่าหล่อนถังแตกเสียด้วย แบบนี้ยิ่งง่ายใหญ่............
“บอกเขาว่าฉันเรียกค่าซ่อมแปดแสน” อลันบอกเรียบ ๆ
“เอาอย่างนั้นเหรอครับ” คมแปลกใจจึงได้ถามย้ำ ปกติเจ้านายของเขาใจดีจะตาย เรื่องแค่นี้หยวน ๆ ให้กันง่าย ๆ ขนหน้าแข้งไม่ร่วง แต่ทำไมวันนี้จึงแปลกไป....
“คม !” อลันเรียกลูกน้องที่ยืนลังเล เตือนให้ไปจัดการตามที่สั่ง เรื่องอะไรเขาจะยอมทิ้งโอกาสงาม ๆ อย่างนี้ไป...ริมฝีปากหยักโค้งคล้ายรอยยิ้ม แต่มันดูน่าสะพรึงมากกว่า ถือว่าเป็นคราวซวยของเธอแล้ว.....แม่นางฟ้าติดหล่ม........
“ครับ ๆ ไปแล้วครับ” คมรีบผละไปอย่างรู้งาน
