บทที่ 5 การพบกันครั้งแรก
บทที่ 5
การพบกันครั้งแรก
ฉุดขึ้นมา
ไม่อยากมีชีวิตอยู่อีกต่อไปแล้ว...
หัวใจดวงน้อยเจ็บปวดเจียนตาย เมื่อบิดา มารดา พี่ชาย พี่สาว ถูกคนชั่วช้าสกุลอี้ฆ่าตายอย่างโหดร้ายทารุณ นางเป็นเพียงเด็กหญิงวัยสี่ขวบ ถูกจับมัดปากไม่ให้ส่งเสียงร้องแล้วขังนางเอาไว้ในหีบไม้ใบใหญ่
ในหีบไม้มีรูไม่เล็กไม่ใหญ่ เด็กหญิงมองลอดออกมาเห็นคนที่รักค่อยๆ ตายตกลงอย่างน่าใจหาย หวังอ้ายซินกรีดร้องออกมาอย่างสุดเสียง ทว่าเสียงนั้นไม่อาจรอดผ่านผ้าที่อุดปากนางออกไปได้ หยาดน้ำตามากมายไหลรินแทบเป็นสายเลือด
ดวงตากลมโตเบิกโพลงจ้องมองร่างไร้วิญญาณของบิดา มารดา พี่ชาย และพี่สาวแทบไม่ยอมกะพริบตา ดั่งสติค่อยๆ หลุดลอยหายไป
วันต่อมาจึงได้มีคนมาพบเด็กหญิงตัวน้อยในหีบไม้ นางถูกทางการพามาส่งยังโรงเลี้ยงเด็กกำพร้าที่สกุลหยางให้การอุปถัมภ์
กระนั้นเด็กหญิงกลับไม่พูด ไม่ยิ้ม ไม่หัวเราะ และไม่ร้องไห้ ดั่งความเจ็บช้ำฝังรากลึกยากจะบรรเทาเบาบาง
หวังอ้ายซินปลีกตัวแยกจากเด็กคนอื่นๆ ทรุดกายลงนั่งใต้ต้นอู่ถงสูงใหญ่ จังหวะนั้นเองมีชายวัยรุ่นรูปร่างสูงโปร่ง แต่งกายด้วยอาภรณ์งดงาม ผิวพรรณผุดผาด เรือนผมดำขลับ เขาก้าวย่างด้วยท่วงท่าสง่างามผิดแผกจากเด็กหนุ่มรุ่นราวคราวเดียวกัน
เด็กหนุ่มสูงศักดิ์จากตระกูลยิ่งใหญ่เดินตรงเข้ามาหาเด็กหญิงมอมแมมที่นั่งคู้เข่าชิดอกด้วยท่าทางเหม่อลอยแล้วพูดขึ้นว่า
“เจ้าคือเด็กใหม่หรือ”
หวังอ้ายซินไม่ตอบ เด็กหญิงเพียงเหลือบมองเด็กหนุ่มรูปงามอย่างไม่ใส่ใจ
“ข้าได้ยินเรื่องราวของเจ้ามาบ้างแล้ว แต่อย่าคิดว่าข้าจะมอบความสงสารให้เจ้าเฉกเช่นผู้ใหญ่คนอื่นๆ เพราะความสงสารมันไม่ได้ช่วยให้เจ้าแข็งแกร่งขึ้น”
“…”
ปกติแล้วคำพูดของมนุษย์ก็ไม่ต่างจากเสียงลมหวีดหวิวที่พัดหายไป แต่ทว่าคำพูดของเด็กหนุ่มรูปร่างสูงโปร่งกลับทำให้อ้ายซินเงี่ยหูฟัง
นับตั้งแต่เด็กหญิงมาอยู่ที่โรงเลี้ยงเด็กกำพร้า นางมักจะได้รับสายตาเวทนาจากผู้คนรอบข้าง ได้รับการปฏิบัติที่ราวกับนางเป็นแก้วบอบบางพร้อมจะแตกสลาย
ในสายตาเวทนา
ในความสงสารที่แสดงออกทางสีหน้าท่าทาง
ในน้ำเสียงที่ทอดอ่อนดั่งสะเทือนใจ
หวังอ้ายซินไม่รู้สึกถึงความจริงใจของผู้ใหญ่เหล่านั้นเลย ไม่มีใครเข้าใจถึงความเจ็บปวดของนาง ไม่มีใครเข้าใจว่านางทุกข์ทรมานเพียงใด
“หากเจ้ายังใช้ชีวิตอย่างไร้ค่าเช่นนี้ต่อไปเจ้าก็จะกลายเป็นแค่ขยะชิ้นหนึ่ง ขยะที่ไม่เป็นที่ต้องการของใครทั้งนั้น เจ้า...ไม่รู้หรือว่าโรงเลี้ยงเด็กกำพร้าแห่งนี้ไม่เลี้ยงเด็กที่ไร้ประโยชน์ ใครที่ไม่มีประโยชน์จะถูกฆ่าทิ้ง หรือไม่ก็จะถูกขับไล่ออกไป”
“...”
เด็กหญิงไม่ตอบ หน้าตาฉายชัดว่าอยากตายไปเสียให้พ้นๆ โลกที่แสนโสโครกใบนี้ หากนางไม่มีประโยชน์ก็ฆ่านางเสียเลยสิ นางอยากพบบิดา มารดา พี่ชาย และพี่สาวอีกครั้ง นางไม่อยากใช้ชีวิตอยู่โดยไม่เหลือใคร เพราะความเหงาความอ้างว้างกำลังฆ่านางให้ตายทั้งเป็นอยู่ดี
“ไม่อยากแก้แค้นหรือ ไม่อยากฆ่าพวกมันเพื่อสังเวยให้แก่ดวงวิญญาณครอบครัวเจ้าหรอกหรือ...”
คำถามนั้นทำให้เด็กหญิงที่เอาแต่นั่งนิ่งหันกลับมามองเด็กชายตัวโตกว่าด้วยความสนใจ
“ข้าหยักแจ้แค้ง! ข้าต้องฉำยัมไง!” (ข้าอยากแก้แค้น! ข้าต้องทำยังไง!)
ท้ายที่สุดอ้ายซินจึงเอ่ยถามออกไปด้วยเสียงที่ยังพูดไม่ชัด อีกทั้งฟันหน้าสองซี่ยังหลอ กระนั้นดวงตาที่ไร้แววของเด็กหญิงกลับเต็มไปด้วยไฟแค้นบ้าคลั่งเกินกว่าเด็กอายุสี่ปีควรจะมี
คุณชายหยางซีถิงหยักยิ้มน้อยๆ กดข่มความขบขันเอาไว้ได้เป็นอย่างดี ก่อนจะยืดแผ่นหลังตรงด้วยท่วงท่าสง่างาม
“ที่นี่ไม่ใช่โรงเลี้ยงเด็กกำพร้าทั่วไป เราฝึกให้เด็กเหล่านี้เติบโตขึ้นเป็นนักฆ่า เป็นสายลับ เป็นทหารเงา เจ้าจงเติบโตขึ้นอย่างแข็งแกร่งเพื่อที่จะล้างแค้นให้ครอบครัวของเจ้า”
ตึก! ตึก! ตึก!
หัวใจของเด็กหญิงอ้ายซินกระโจนแรงแทบทะลุออกจากอกซ้าย ดวงตาที่อ้างว้างวาวโรจน์ ดั่งชีวิตที่มืดดับได้รับแสงสว่างอีกครั้ง
ในที่สุดเด็กหญิงหวังอ้ายซินก็มีจุดมุ่งหมายในการมีชีวิตอยู่ นั่นก็คือการแก้แค้น!
“ข้าจะเข็งเกร่ง ข้าจะฆ่าพวกมังทุกคง!” (ข้าจะแข็งแกร่ง ข้าจะฆ่าพวกมันทุกคน!)
หวังอ้ายซินกำมือน้อยๆ เข้าหากันแน่น คุณชายหยางเห็นดังนั้นก็หยักยิ้มอย่างพึงพอใจ
“เมื่อเจ้าแข็งแกร่งขึ้นจนล้างแค้นได้สำเร็จเมื่อไหร่ ข้าจะมารับเจ้าไปเป็นคนของข้า...”
คุณชายหยางเอ่ยดั่งให้คำมั่นก่อนจะเดินจากไป นับจากนั้นทั้งสองก็ไม่เคยได้พบเจอกันอีกเลย หวังอ้ายซินฝึกฝนเป็นนักฆ่าอย่างจริงจัง
ความแค้นรังสรรค์พรสวรรค์
เพียงอายุห้าปีเด็กหญิงก็สามารถปามีดสั้นได้อย่างแม่นยำ เมื่ออายุหกปีนางสามารถยิงธนูได้ราวกับจับวางและสามารถใช้ดาบไม้ฟันหุ่นฟางให้ขาดเป็นสองท่อนได้สำเร็จ และเมื่ออายุเจ็ดปีนางก็ถูกส่งเข้าป่าเพื่อฝึกฝนพร้อมกับเหล่านักฆ่าฝึกหัด
ไฟแค้นผลักดันให้หวังอ้ายซินเก่งกาจกว่าเด็กรุ่นราวคราวเดียวกันทั้งหมด แม้แต่รุ่นพี่ที่มีอายุมากกว่าหลายปีก็ยังพ่ายแพ้ให้แก่นาง
นางก้าวขึ้นเป็นศิษย์เอกที่เหล่าอาจารย์ทุกศาสตร์รักใคร่ ในขณะที่คนอื่นนอนพักแต่นางกลับเข้มงวดกับตนเองแทบไม่หยุดพัก
จนเมื่อเด็กสาวอายุสิบสี่ปี นางก็หลบหนีออกจากฐานฝึกในป่า เดินทางเข้าสู่เมือง กลางดึกในคืนไร้ดาวหวังอ้ายซินฆ่าล้างตระกูลอี้อย่างโหดเหี้ยมไร้ความปรานี
หัวใจที่หนักอึ้งราวกับถูกปลดโซ่ตรวน นางไปเคารพหลุมศพของตระกูล บอกกล่าวแก่ดวงวิญญาณของครอบครัวผู้วายชนม์
“บัดนี้ลูกแก้แค้นสำเร็จแล้วเจ้าค่ะ ท่านพ่อ ท่านแม่ พี่ชาย พี่สาว ข้าลงโทษพวกมันอย่างสาสมแล้ว”
หวังอ้ายซินดั่งเรือเล็กที่ลอยเคว้งอยู่กลางทะเล เมื่อจุดมุ่งหมายเดียวของการมีชีวิตอยู่ได้บรรลุแล้ว นางก็ไม่หลงเหลือความปรารถนาที่จะมีชีวิตอยู่อีกต่อไป
ทว่า...
ภาพเด็กหนุ่มในวันวานกลับฉายชัดขึ้นมาในห้วงแห่งความทรงจำ คุณชายหยางผู้นั้นสัญญาว่าจะมารับนาง หากไม่มีเขาในวันนั้นนางก็คงไม่มีโอกาสแก้แค้นได้สำเร็จ ดังนั้นหญิงสาวจึงเลือกที่จะใช้ชีวิตที่เหลืออยู่เพื่อเขา
