3/5
รัตติกัลยาเงยหน้าขึ้นมองผู้หญิงสาวที่นั่งอยู่ข้างๆ ผู้หญิงคนนี้ถูกส่งมาให้ไปทำงานพร้อมกับเธอ เวลานี้บนเครื่องบินส่วนตัวของใครบางคนที่เธอไม่รู้จัก และจันทร์นภาบอกว่าถ้าขึ้นเครื่องบินลำนี้มาเธอจะไปถึงร้านอาหารแห่งหนึ่งที่อยู่ในนครซาลามัดรียะห์ โดยไม่ต้องมีวีซ่า จริงหรือเปล่าก็ไม่รู้ แต่เธอคงเป็นพวกหัวอ่อนที่หลงเชื่อคนง่ายจนต้องมานั่งอยู่บนเครื่องบินของใครและกับใครไม่รู้ หญิงสาวอยากถามเธอคนที่นั่งข้างๆ อยากพูดคุยถามไถ่ แต่ดูเหมือนผู้หญิงคนนั้นจะไม่อยากเสวนากับเธอ คิดง่ายๆ ให้ความสบายใจแก่ตนเองว่าเจ้าหล่อนคงยินดีที่จะไปทำงานร้านอาหารแห่งนั้น และถ้าหล่อนยังยินดีแล้วตัวเธอล่ะ รัตติกัลยาก็ควรจะยินดีไม่ใช่เหรอ ในเมื่อไม่มีใครบังคับเธอมาสักหน่อย ทุกอย่างเธอเลือกเองนี่นา มาถึงขนาดนี้แล้วจะให้กระโดดลงกลางเวหาก็ทำไม่ได้ ต้องยอมนั่งเงียบโดยสารไปกับเครื่องบินลำนี้ หวังว่าอีกไม่นานเธอจะได้รู้ว่าร้านอาหารในนครซาลามัดรียะห์เป็นเช่นไร
“ถึงแล้วลงมาเร็ว”
เสียงห้วนห้าวตะโกนคล้ายข่มขู่ เรียกให้รัตติกัลยาใจหล่นไปอยู่ที่ตาตุ่ม ความรู้สึกบอกเธอว่ากำลังถูกหลอก ทำไมหนอเพิ่งมารู้สึกเอาตอนนี้ แล้วที่นี่ที่ไหนกัน มองไปทางไหนก็เห็นแต่ทะเลทราย หรือว่านครซาลามัดรียะห์จะเป็นดินแดนของคนไร้อารยธรรม ก็จากที่เคยได้ยินทะเลทรายเวิ้งว่างจะมีแต่คนไร้อารยธรรม กฎหมายอยู่ในมือของผู้ปกครองแต่ละแว่นแคว้น จะเปลี่ยนแปลงตอนไหนก็ได้ดั่งใจนึก
“เร็วเข้าสิ ชักช้าอยู่ได้เดี๋ยวก็มืดกันพอดี”
รัตติกัลยาถูกผลักให้เดินไปตามผู้ชาย 4 คน หญิงสาวที่นั่งเคียงข้างเธอมาตลอดยังคงสงบปากสงบคำเงียบกริบ จนเธออดใจไม่ไหวต้องกระซิบถามเสียงเบา
“คุณคะ ที่นี่คือซาลามัดรียะห์หรือคะ ฉันไม่เห็นว่าจะมีร้านอาหารเลยสักร้าน มองไปทางไหนมีแต่ทะเลทราย”
หญิงสาวคนนั้นเงยหน้าขึ้น ดวงตาฉายแววประหลาดจนรัตติกัลยาต้องเบือนหน้าไปทางอื่น
“เค้าหลอกเธอว่าพามาทำงานร้านอาหารสินะ แล้วเธอก็เชื่อ แต่ก็นะ หน้าเธอมันใสซื่อขนาดนี้ ฉันไม่น่าถามเลย”
“หลอก? จันทร์นภาหลอกเรามายังงั้นเหรอ ไม่จริงหรอก คุณโกหกใช่ไหม คุณล้อฉันเล่นแน่ๆ”
แม้จะแน่ใจว่าถูกหลอก หญิงสาวก็ยังพยายามให้เรื่องที่เกิดขึ้นเป็นเพียงความฝัน เธอหยิกเนื้อที่แขนตัวเองแรงๆ แล้วต้องนิ่วหน้าเมื่อมันเจ็บ เธอไม่ได้ฝัน แต่เรื่องที่เกิดขึ้นนี้มันเป็นเรื่องจริง
“เธอต่างหากที่ถูกหลอก ฉันยินดีที่จะมาที่นี่เอง”
“ห๊า...ละ...แล้วเราจะไปทำงานร้านอาหารใช่ไหม”
“หึ หึ...ลองใช้สมองน้อยๆ ของเธอคิด มองไปรอบๆ นี่สิ เธอเห็นร้านรวงที่ไหนบ้าง แล้วถ้ามีจริง ที่นี่คงไม่ต้องการพนักงานในร้านเพิ่มหรอกมั้ง”
รัตติกัลยาหน้าเสียที่ถูกดุเสียงดัง ใจของเธอสั่นจนจะบินหนีหายแล้วยังต้องมาได้ยินเสียงดุอีก น้ำตาพานจะไหล ทีนี้เธอจะทำยังไงต่อไป จะกลับบ้านยังไง จะไปทางไหน
“แล้วคุณมาที่นี่ เพื่อจะมาทำงานอะไรคะ”
“ขายตัวไง ไม่น่าถาม”
“ขะ...ขายตัว! ไม่นะ ฉันไม่ขาย แค่ฉันต้องหนีพ่อเลี้ยงมาก็มากพอแล้ว อย่าให้ฉันต้องเจอคนใจทรามอีกเลย” ว่าแล้วเท้าบางๆ ก็ขยับวิ่งหนี หากแต่วิ่งไปได้แค่ไม่กี่ก้าว ร่างของเธอก็ถูกเหวี่ยงลงพื้น
“จะหนีเหรอนังนี่ มาถึงที่แล้วทำมีฤทธิ์นะ”
“ปล่อยฉันไปเถอะจ้ะ ฉันถูกหลอกมา ฉันไม่ได้เต็มใจเลยสักนิด” หญิงสาวพนมมือไหว้ขอร้อง น้ำตาหยดแหมะอาบสองแก้ม
“ฮ่ะ ฮ่ะ ฮ่ะ สายไปแล้ว แกมาเองนะ ไม่มีใครบังคับให้มาสักหน่อย ที่สำคัญค่าตัวแกก็ให้นายไปแล้ว ตอนนี้หน้าที่ของฉันก็คือส่งแกให้ถึงมือลูกค้า”
“ไม่นะ ค่าตัวฉันเท่าไหร่ ฉันจะจ่ายคืนเขาเอง แต่พี่ปล่อยฉันเถอะนะ”
“ถุย!!! แกจะเอาเงินที่ไหนมาใช้คืน เงินตั้งหลายหมื่นสำหรับตัวแก หึ...อย่าฝันลมๆ แล้งๆ เลยว่ะ”
“พี่จ๋า นึกว่าสงสารฉันเถอะ ฉันถูกหลอกมาจริงๆ นะ”
“หึ...ถ้าฉันสงสารแก ก็ต้องสงสารนังพวกนั้นด้วยสิ” ผู้ชายคนนั้นโบ้ยหน้าไปยังกลุ่มคนที่เดินตามกันมา “ไม่ได้มีแค่แกหรอกนะที่ถูกหลอก ฮ่ะ ฮ่ะ ฮ่ะ”
รัตติกัลยานึกอยากจะเป็นลมเห็นกลุ่มผู้หญิงที่ถูกฉุดกระชากลากถูตามมาอีกหลายคน สรุปว่าบนเครื่องบินลำนั้นไม่ได้มีแค่เธอกับผู้หญิงที่นั่งข้างๆ หรอกหรือ ทำไมเธอถึงไม่เห็นคนอื่น คงเป็นเพราะบนเครื่องบินลำนั้นแบ่งออกเป็นสองส่วนสินะ และเธอก็ได้นั่งในส่วนที่มีกัปตันขับเครื่องบิน
ทำไมเธอถึงได้โง่ซ้ำซากแบบนี้นะ!
“ถ้าไม่อยากเจ็บตัวก็เงียบๆ เถอะ” ผู้หญิงคนข้างๆ กระซิบบอก “ถ้าโชคดีเธออาจจะได้เข้าไปอยู่ในฮาเร็ม แล้วทีนี้เธอก็จะสบายไปตลอดชาติ”
“ฮาเร็มเหรอ” วันนี้ถือเป็นวันที่รัตติกัลยากลายเป็นคนช่างสงสัยที่สุดในชีวิต
“ใช่สิ ที่นี่มีฮาเร็มสำหรับท่านชีค ถ้าดวงดีก็จะได้ถูกเลือกให้ไปอยู่ในฮาเร็ม สบายไม่ต้องทำอะไรนอกจากให้ความสุขท่านชีค แค่นี้เธอก็สบายไปตลอดชาติ”
“ไม่เอา ฉันไม่อยากเป็น ไม่!!”
