1/2
“โว้วๆๆ เอาที่เกี่ยวกับนาย ไม่อยากได้ยินเรื่องของซาลาบัด”
“หึ...แต่คราวนี้นายหนีไม่พ้น เพราะนายเป็นน้องฉัน” คำตอบของพี่ชายเล่นเอาร่างสูงที่เดินลากกระเป๋านำไปก่อนชะงักกึก แล้วเหลียวหลังมามองพร้อมกระตุกแว่นตาออกจากใบหน้า
มาดขรึมๆ ของฝาแฝดที่เกิดก่อนเพียง 2 นาที สร้างความประหลาดใจให้กับแฝดผู้น้อง ทุกครั้งการสัพยอกหยอกล้อเป็นเรื่องปกติ ตามติดด้วยการสรวลเสเฮฮาเป็นกิจนิสัย แต่คราวนี้ริมฝีปากสวยที่มีพิมพ์เดียวกับเขากลับไม่ได้แย้มกลีบอย่างที่เคย
“เรื่องใหญ่เหรอ อืม...ท่าจะใหญ่จริง เพราะนายเครียดจัดขนาดนี้” คนลากกระเป๋าเดินย้อนกลับมายกมือโอบบ่ากว้างแล้วดันให้เดินไปพร้อมกัน “พี่ชาย หลังจากที่น้องยัดข้าวใส่ท้องแล้วนอนหลับสักตื่น เราค่อยมาคุยเรื่องนี้ก็แล้วกันนะ ได้มั้ยครับ”
“ได้สิ นายจะนอนสักกี่ตื่นก็ตามใจ แต่มะรืนนี้ฉันคงต้องกลับ”
“เอาน่ะ คุยกันแล้วไปกินของหวานด้วยกันต่อ มะรืนนี้จะกลับฉันก็ไม่ว่า นายน่ะภาระเยอะจะตายชัก”
“ของหวาน? นี่นายคงไม่ได้หมายถึง...”
“ถูกต้องแล้วคร๊าบ จะมีอะไรหวานไปกว่าเนื้อสาวล่ะพี่ชาย จริงมั้ย ฮ่ะ ฮ่ะ ฮ่ะ”
ป้าอาอีซาถลาเข้าไปโอบกอดร่างสูงในชุดสูทเต็มยศก่อน ทิ้งให้อีกคนต้องลากกระเป๋าผ่านเข้าไปต้อยๆ
“เรย์ฮาน จะมาทำไมไม่บอกป้า แล้วนี่หลานสบายดีมั้ย ดูผ่ายผอมลงไปเยอะนะ เกิดอะไรขึ้นรึเปล่า”
“ป้าครับ ไหนตอนคุยโทรศัพท์กัน ป้าบอกว่าคิดถึงผมนี่ครับ แต่พอมากลับกอดถามไถ่สารทุกข์สุขดิบแต่กับเรย์ฮาน ผมน้อยใจแล้วนะครับป้า” คนน้อยใจแสร้งทำหน้าหงิกแต่มุมปากกลับเตรียมจะยกขึ้น หากได้ยินป้าที่รักตอบกลับ
“ป้าคิดถึงหลานรักทั้งสองคนนั่นแหละ แต่สำหรับชีคเรย์ฮานแล้วป้าเป็นห่วงมากกว่าเรย์ยาช หลานอย่าลืมสิว่าพี่ชายต้องปกครองบ้านเมืองและคนจำนวนเท่าไหร่ อย่าน้อยใจป้าเลยนะเรย์ยาช”
“ป้าครับ ผมว่าอย่าไปใส่ใจเรย์ยาชเลยครับ หมอนั่นชอบให้คนเอาใจมาตลอดจนติดเป็นนิสัย ขี้น้อยใจก็ที่หนึ่ง”
“หึ หึ...เรย์ฮานก็ต้องเข้าใจน้อง เจ้านั่นจากแม่มาไกล อยู่สุขสบายแต่ต้องพลัดจากอกแม่ ก็ไม่ดีเท่าอยู่อย่างลำบากแต่ได้อยู่ใกล้แม่หรอกนะ”
“เอาล่ะๆ ป้าของหลานดูจะพูดมากไปหน่อย ลุงว่าเรามาทานข้าวกันดีกว่า เรย์ฮานกับเรย์ยาชเดินทางมาเหนื่อยๆ จะได้พักผ่อนกันเสียที” ลุงฮาลีมขัดตาทัพภรรยา เพราะดูเหมือนอาอีซาจะลืมไปว่าเมื่อใดที่พูดถึงแม่ เรย์ยาชจะเงียบขรึมเพราะบาดแผลในใจตั้งแต่เกิด แฝดหนุ่มผู้น้องที่มีชนชั้นเป็นถึงชีคเหมือนผู้เป็นพี่ แต่เป็นชีคที่คนเป็นแม่เลือกจะส่งมาอยู่ไกลบ้าน พลัดพรากจากพี่ชายฝาแฝดจากบ้านเกิดเมืองนอน รวมถึงทิ้งความเป็นชีคและใช้ชีวิตแบบคนธรรมดาสามัญ แต่ทั้งนี้และทั้งนั้นก็เพราะความปลอดภัยของลูกๆ ทั้งสอง
เรย์ฮานมองน้องด้วยความเห็นใจ แต่ไร้ความกังวลเพราะรู้ดีว่าเรย์ยาชแกร่งแค่ไหน แม้จะเป็นคนคิดมากในบางเรื่องแต่น้องชายฝาแฝดก็ไม่เคยทำให้ใครต้องหนักใจ เขาเสียอีกที่เป็นพี่แต่กำลังมาขอความช่วยเหลือร่วมมือจากน้อง ก็เขามองไม่เห็นใครเป็นที่ปรึกษาได้ดีเท่าน้องชายฝาแฝดเลย เรย์ยาชจะเข้าใจทุกเรื่องได้เร็วเสมือนกับเป็นตัวเขาเองที่กำลังเผชิญ คงเป็นเพราะความเป็นฝาแฝดทำให้สื่อถึงกันได้ดี
บนโต๊ะอาหารอาการเงียบขรึมของแฝดน้องก็หายไป เหลือแต่เสียงพูดคุยหยอกเย้าทุกคนอย่างสนุกสนาน นี่แหละตัวจริงของเรย์ยาช ตัวตนจริงๆ ที่บางครั้งเรย์ฮานก็แอบอิจฉาไม่น้อย เขาไม่ค่อยได้หัวเราะเท่าใดนักในยามที่ต้องอยู่ในซาลาบัด ภาระหน้าที่โอบรัดจนบางครั้งชายหนุ่มวัย 21 ปี ก็เหนื่อยล้าไม่เบา แต่เขาปฏิเสธมันไม่ได้เด็ดขาดและไม่คิดจะปฏิเสธด้วย
“นายมีเรื่องอะไรรึเรย์ฮาน จะให้ฉันช่วยอะไรก็บอก” เรย์ยาชบอกหลังจากรวบช้อนส้อมเข้าหากัน ดวงตาสีฟ้าใสสบกับดวงตาสีดำนิลนิ่ง
“เราถูกขโมยน้ำมัน บ่อน้ำมันที่พ่อพบก่อนที่ท่านจะสิ้น แต่ยังไม่ได้ขุดเจาะเวลานี้เจอมือดีมาขโมยเจาะไปจนแทบไม่เหลือ”
“หืม...ถ้านายบอกว่าไม่เหลือ แสดงว่าพวกมันลักลอบทำกันนานแล้วสิ น้ำมันบ่อหนึ่งกว่าจะหมดก็ใช้เวลานานอยู่นะ”
“ใช่ ฉันว่าคงตั้งแต่ท่านพ่อสิ้น หรือตั้งแต่ตอนที่พวกเราเกิด ตอนที่ฉันรู้จากท่านลุงมาลิคก็เมื่อไม่นานมานี้ พอไปดูก็อย่างที่พูด อีกอย่างภาษีของประชาชนที่ท่านพ่อเรียกเก็บเพื่อพัฒนาซาลาบัด จากดินแดนที่เคยแห้งแล้งกลายเป็นดินแดนที่เปิดการค้าเสรี มีเงินไหลเวียนทำให้ประชาชนของเรามีความเป็นอยู่ดีมากกว่าคนในแคว้นอื่นของนครซาลามัดรียะห์ แต่ตั้งแต่ฉันจำความได้ แคว้นเราไม่ได้พัฒนากว่าเก่าเลย แต่เงินภาษีจากประชาชนที่ควรจะยังอยู่กลับร่อยหรอลงมาก”
“เกิดการฉ้อฉลคดโกงของเสนาบดีรึเปล่า”
“ตอนนี้กำลังให้ซาบินสืบอยู่ เมื่อ 5 ปีก่อน มีเสนาบดีหลายคนตบเท้าเรียงแถวกันออกจากซาลาบัด ฉันว่าบางทีพวกนั้นต้องมีส่วนเกี่ยวข้อง”
“แล้วทำไมพวกเขาถึงออกจากซาลาบัดล่ะ ท่านลุงมาลิคไม่ทราบเรื่องนี้เหรอ”
“ทราบ มันเป็นคาบเกี่ยวของอำนาจไงเรย์ยาช ท่านลุงมาลิคกำลังโอนถ่ายอำนาจมาให้ฉัน เวลาส่วนใหญ่ท่านจะอยู่กับฉัน คอยสั่งสอนชี้แนะและซาลาบัดก็เงียบสงบมาเนิ่นนาน ท่านลุงคงวางใจและหละหลวมมากไปหน่อย แต่ฉันไม่โทษท่านลุงหรอกนะ”
