ep14
“เขาไปทำงาน ต่างอำเภอ ไม่กลับวันนี้หรอก ว่าแต่เพิ่งรู้เหรอ ว่านินสึก” ปลายหางเสียงแกมเยาะ ไหนว่ารักนักรักหนา คนรักสึกมาเสียหลายอาทิตย์ ดันไม่รู้
ทศวารรู้สึกเหมือนตัวเองหน้าชา หากก็เป็นความจริงที่ว่า เขาละเลยอนินนาถจนไม่รับรู้ข่าวคราวของเธอเลย
“ผมเริ่มงานใหม่ ก็เลยยุ่งนิดหน่อยนะครับ เพิ่งรู้ข่าวเมื่อเช้านี้ สางงานเสร็จ ก็รีบมาเลยครับ”
“พักเสียที่นี่ก่อนก็แล้วกัน ไหนๆ ก็มาแล้ว” นางจันทร์กล่าวด้วยความเอื้อเฟื้อ แม้ไม่ชอบขี้หน้า
“เอ่อ ไม่เป็นไรครับ แต่ว่า นินไปทำงานที่ไหนละครับ บางทีผมอาจจะตามไป”
“ไม่เหมาะมั้งคุณ ที่ก็ค่ำมืดดึกดื่นแล้ว นอนเสียที่นี่ พรุ่งนี้ นินมันอาจจะกลับ แล้วค่อยคุยกัน” นางจันทร์ตัดบท นางไม่บอกเขาว่า อนินนาถไปทำงานรีสอร์ตที่ไหน อย่างไร ขณะที่ชายหนุ่มใจร้อน อยากเจอหน้าสาวคนรัก อยากอธิบายว่า ทำไมเขาจึงไม่มาในวันที่เธอสึก และละเลยมาเสียหลายวันโดยไม่รู้ว่าเธอสึก กระทั่งเธอได้งานใหม่ เขาก็ยังไม่รู้ ถ้าจะโทษ ก็โทษตัวเองที่เปลี่ยนเบอร์โทร. เปลี่ยนงาน แต่อนินนาถไม่รู้ เพราะเขาชะล่าใจไปเอง เกือบปีที่ผ่านมา คิดว่า อนินนาถยังไม่สึก และลึกๆ เขาเองหมดหวังว่า อนินนาถคงไม่สึกเสียแล้ว
**********************
ด้านอนินนาถ หลังรับประทานอาหารเย็นร่วมกับหุ้นส่วนรีสอร์ต เธอขอตัวกลับห้องพักที่ พี่นนท์จัดเตรียมไว้ให้ ดูเป็นส่วนตัวดี เฟอร์นิเจอร์ครบครัน และอาจจะมากเกินความจำเป็น เพราะห้องพักของอนินนาถ ไม่ใช่ห้องพักที่สร้างเพื่อให้แขกเข้าพัก แต่สร้างขึ้นเพื่อให้หุ้นส่วนพัก มันจึงดูครบครัน ทั้งห้องน้ำห้องครัวเล็ก ๆ ห้องอาหารเล็ก ๆ ห้องนอนกว้างขวางที่มีระเบียงติดกับธารน้ำไหลระริน ท่ามกลางหมู่แมกไม้ที่เขียวชอุ่ม นี่ถ้าเธอไม่ได้เข้าพัก ก็อาจจะเปิดห้องนี้ให้แขกได้พักก็น่าจะดี เพราะทิวทัศน์ของบ้านหลังนี้งดงามทีเดียว
เตียงนอนขนาด 6 ฟุตตั้งอยู่กลางห้อง ใหญ่เกินไปสำหรับการอยู่คนเดียว อนินนาถถอดแหวนนาคาที่เพิ่งได้มาในช่วงกลางวันวางไว้ข้างโคมไฟหัวเตียง แล้วควานลงไปในกระเป๋าถือหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาเปิดเครื่อง มีสัญญาณเล็กน้อย สามารถโทร.ได้ แต่เธอแค่เพียงเปิดดูว่า มีใครโทร.หาเธอบ้าง อนินนาถไม่ได้หวังว่าใครจะโทร. เพราะเบอร์เก่านี้เพิ่งไปเปิดใช้บริการหลังจากที่เธอสึกออกมา miss call บอกว่า ตะติยะ 1 สาย และ เบอร์ใครไม่รู้ 6 สาย น่าจะเป็นเบอร์สำคัญที่เรียกเข้าเครื่องเธอถึง 6 สาย อนินนาถแอบคิดในใจว่า ทศวาร โทร.หาเธอ
“ช่างมันเถอะ ตัดขาดกันแล้ว ก็ไม่ควรเหลือเยื่อใย” อนินนาถ ตัดใจในห้วงคำนึงทันทีที่คิดถึงทศวาร เธอหยิบผ้าเช็ดตัวออกจากตู้ แล้วเดินหายเข้าไปในห้องน้ำ
มรกตที่ติดไว้ในตำแหน่งดวงตาของแหวนนาคา เปล่งประกายแวบหนึ่ง ก่อนมีควันพวยพุ่งออกมารวมเป็นเงาร่างของบุรุษหนุ่มผู้หนึ่งที่สวมรัดเกล้าสีทอง สวมภูษาสีน้ำตาลขลิบทองเปลือยท่อนบนที่เต็มไปด้วยมัดกล้าม มีเส้นสังวาลคล้องอยู่สองสายทำด้วยอัญมณีสีสด ข้อมือสวมทองพระกร (กำไล) และต้นแขนสวมพารุหัด (เครื่องประดับรัดต้นแขน)
“พระธำมะรงค์นาคา นำพาให้เราพบนางจนได้” บุรุษแย้มยิ้มดีใจ เมื่อปรากฏร่างอยู่ท่ามกลางห้องหับที่แปลกตา สายตาของบุรุษหนุ่มเพ่งมองไปที่แหวนนาคา เลื่อนมันขึ้นมาพินิจตรงหน้า
“เล็กลง” ยามเมื่อช่างทองถ่ายแบบ แหวนวงนี้ มีพิธีกรรมบวงสรวงไปถึงเจ้าของแหวน ก่อนจะหลอมแหวนและทำขึ้นมาใหม่ตามแบบเดิม ความกร่อนกลายที่สลายไปตามกาลเวลาทำให้ทองเก่าเหลืออยู่เพียงเท่านี้ ยังดีที่นางยังใส่ได้ โชคชะตาลิขิตแล้ว
“นิลกาฬ เรากลับมาปกป้องเจ้าแล้ว แต่จักทำเช่นใด เจ้าจึงจักระลึกถึงเราได้” บุรุษผู้สง่างามถอนหายใจเงียบงัน ทรุดนั่งลงข้างเตียง มองพระธำมะรงค์นาคาที่ลอยอยู่ตรงหน้าอย่างเหม่อลอย
เสียงเปิดประตูห้องน้ำ เป็นสัญญาณให้บุรุษแปลกหน้าสลายร่าง แหวนนาคาจึงกลิ้งอยู่บนที่นอนที่ขาวสะอาด อนินนาถสวมเสื้อคลุมออกมาจากห้องน้ำหน้าตาและผมที่เปียกลู่มีน้ำหยดพราว เดินหาเสื้อผ้าที่ถูกนำขึ้นแขวนไว้ในตู้ ฮัมเพลงอยู่ในลำคอด้วยความสุขใจ ทำให้บุรุษผู้แฝงร่างอยู่ในห้องนี้อดยิ้มไม่ได้ นางมีความสุขดีจริง
เหมือนกระแสบางอย่างทำให้เธอรู้สึกราวว่าไม่ได้อยู่คนเดียว อาการเหลียวหาใครในห้องจึงสร้างความขบขันให้กับบุรุษอารมณ์ดีนักหนา
“ใครหัวเราะอยู่” เสียงเข้มเขียวดังขึ้น บุรุษผู้นั้นเลิกคิ้วสงสัย นางรับรู้ได้ จึงเงียบไว้ ไตร่ตรอง
อนินนาถ เหลียวมองมาทางแหวนนาคา พบกลิ้งอยู่บนที่นอน จึงเอื้อมมือหยิบขึ้นมา เธอแน่ใจว่า เธอวางมันไว้ที่โคมไฟหัวเตียง เหตุใด ตอนนี้จึงกลิ้งอยู่กลางที่นอน ใครเข้ามา ประตูล็อค หน้าต่างล็อค ประตูระเบียงล็อค .....
“ใครอยู่ในห้องนี้ ออกมาเดี๋ยวนี้นะ” เสียงอนินนาถสั่นเครือ แต่ต้องรู้ให้ได้ว่า ภายในห้องนี้มีใครอยู่ แม้กลัว แต่เธอก็จะสู้ ข่มความกลัวไว้ภายใน บุรุษอารมณ์ดียิ้มแย้ม ไม่ปรากฏร่าง แต่ฉวยสูดดมแก้มของผู้หวาดกลัวเป็นรางวัลก่อนหายไป
