1/5
‘ถ้าแม่ว่าใครดี ก็แสดงว่าคนนั้นดีสิครับ’
ผู้หญิงที่ขยันเทียวไล้เทียวขื่อผู้ชายจนถึงบ้าน สวรรค์ยาไม่อยากได้เป็นสะใภ้ แต่ถ้ากีรติจะถูกใจใครสักคนเธอก็ไม่ว่า ถ้าลูกชอบ แม่ก็ชอบ ถ้าลูกรัก แม่ก็รัก ปลูกเรือนตามใจผู้อยู่ แม่ไม่คิดจะบังคับฝืนใจแน่นอน
“มีที่ไหนล่ะครับแม่ ผมทำแต่งาน สนใจแต่จอเรดาเท่านั้นล่ะครับ”
“อย่าสนใจแต่เครื่องบินจนลืมครอบครัวนะกี้ ถึงยังไงแม่ก็ยังอยากอุ้มหลาน”
“ผมบอกแล้วไงครับแม่ ถ้าแม่เจอใครที่ถูกใจก็บอกหรือแนะนำผมได้”
“กี้ก็รู้ว่าแม่ไม่มีทางทำแบบนั้น แล้วนี่จะกลับมาอยู่กับแม่กี่วัน ที่จริงกองบินกับบ้านนี้ก็อยู่ในจังหวัดเดียวกัน กี้น่าจะกลับมาอยู่กับแม่”
“ผมขี้เกียจขับรถนี่ครับ เอ่อ...แม่ครับ ท่านฝากความระลึกถึงมาถึงแม่ด้วยนะครับ”
สวรรค์ยายิ้มน้อยๆ กีรติถอยห่างออกมาหย่อนสะโพกอิงโต๊ะไม้กลางห้องครัวที่มีไว้สำหรับประกอบอาหาร
“ถ้าเจอเขาอีก ก็ฝากความระลึกถึงเขาด้วยนะกี้”
“ได้ครับ โอ้ย...ง่วงนอนจัง ขอผมขึ้นไปหลับสักงีบแล้วจะลงมาทานข้าวเย็นด้วยนะครับแม่”
“ไปเถอะ”
สวรรค์ยามองตามลูกชายตัวโตเดินแบกเป้เข้าห้องนอน ชีวิตครอบครัวที่มีอยู่เพียงแม่กับลูกไม่เคยมีความรู้สึกว่าขาด กีรติไม่เคยเรียกร้องหาความรักจากพ่อ ไม่เคยอิจฉาใครก็ตามที่เดินข้างพ่อ พ่อของกีรติอยู่ในใจเสมอ เขาจึงไม่เคยขาด เธอเองก็เหมือนกัน แม้จะหย่าขาดจากสามีในตอนแรกๆ เธอก็ปรับตัวปรับใจได้ไม่ยาก ด้วยความเป็นคนเข้าวัดเข้าวาอยู่สม่ำเสมอจึงเข้าใจถึงสัจธรรมชีวิตเป็นอย่างดี
การหย่าขาดกับพ่อของกีรติเป็นเรื่องที่ทั้งสองฝ่ายไตร่ตรองแล้ว และกีรติก็ยอมรับสภาพได้ด้วยหัวใจที่เด็ดเดียว เขาเข้าใจถึงสาเหตุทั้งฝ่ายพ่อและฝ่ายแม่ และได้เลือกที่จะอยู่กับแม่เพื่อปกป้องคุ้มครองดูแลแม่ผู้ให้กำเนิดอย่างไม่คิดจะสนใจความร่ำรวยที่จะทำให้เขาสุขสบาย แต่สุดท้ายเขาก็ได้ทุกอย่างที่พึงได้ พ่อแบ่งทรัพย์สมบัติให้จำนวนหนึ่งซึ่งมากมายเหลือเกิน กีรติเคยคิดจะเอาไปคืนหรือแบ่งกลับไปให้น้องๆ ที่เกิดจากแม่ใหม่ แต่พ่อไม่ยอมรับ ทุกคนที่เป็นครอบครัวใหม่ของพ่อไม่ยอมรับ ทั้งยังคิดว่ากีรติสมควรได้ทุกอย่างแล้ว
ครอบครัวใหม่ของพ่อช่างดีนัก นี่คือสาเหตุหนึ่งที่แม่ไร้ความกังวลใจเกี่ยวกับเรื่องของพ่อ
สวรรค์ยาหันกลับไปปรุงรสชาติของแกงในหม้อจนได้ที่ก็ดับไฟ ก่อนจะเปิดตู้เย็นคว้าสับปะรดออกมาปอกเปลือกโรยเกลือนิดๆ เอาไปแช่เย็นรอจนกว่าลูกชายจะตื่นมาทานข้าวเย็นด้วยกัน
ประตูห้องนอนบนชั้นสองของบ้านหลังใหญ่สีขาวบนเนื้อที่ 5 ไร่ ถูกเคาะหลังจากเจ้าของห้องเพิ่งหย่อนสะโพกนั่งบนเตียงไม่กี่นาที อริสราถอนใจเฮือก อยากหาอะไรที่ยัดใส่รูหูแล้วทุกอย่างจะเงียบเชียบ อยากหลับตานอนเป็นตายไม่ต้องตื่นขึ้นมารับรู้เรื่องที่กำลังจะเกิดขึ้น อยากหยุดหายใจหากการกระทำนั้นจะยับยั้งทุกสิ่งทุกอย่างได้
แต่...เธอทำไม่ได้
ร่างบางอรชรเดินไปเปิดประตูอย่างเสียมิได้ แล้วเมื่อเผชิญหน้ากับบิดาเธอก็อยากกลั้นใจตายเสียตอนนั้น
“ทำไมกลับมาเร็ว ไหนคุณอิทธิพลว่าจะพาไปเที่ยวต่อ”
นายทรงสิทธิ์ เจริญศักดิ์เสนา นักธุรกิจเจ้าของห้างสรรพสินค้าชื่อดังของจังหวัดนครราชสีมากำลังขมวดคิ้วมองอริสราซึ่งเป็นลูกสาวที่ขอมาเลี้ยงจากสถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้า ความสวยและน่ารักของเธอเป็นต้นทุนที่จะทำกำไรมหาศาลให้กับตระกูล นักธุรกิจอย่างเขาคิดได้เท่านี้ ไม่มีอะไรสำคัญไปกว่าปัจจัยเลี้ยงชีพ เงินและเงิน
เมื่อยิ่งโตอริสราก็ยิ่งสวยจนสะดุดตาหนุ่มโสดไม่โสดทายาทเศรษฐีทั้งหลาย แล้วทำไมคนเป็นพ่ออย่างเขาจึงไม่คิดสนับสนุน ไม่ใช่เพียงแต่อริสราจะสบาย แต่จะทำให้ฐานะที่เริ่มง่อนแง่นแข็งแกร่งใหญ่โตขึ้นมาอีกครั้ง
“ขนุนเหนื่อยค่ะ ก็เลยขอให้พี่พลพากลับบ้านก่อน”
ไม่มีความจำเป็นต้องขยายความใดๆ เพราะไม่มีความหมาย ไม่ว่าเธอจะพูดอะไร คิดอะไร ทำอะไร มันก็ไม่เคยมีค่าในสายตาใครอยู่แล้ว
“แกอย่าคิดว่าจะหนีได้ตลอดรอดฝั่ง ดีเท่าไหร่แล้วที่คุณอิทธิพลยังเข้าตามตรอกออกตามประตู ไม่พาแกไปปู้ยี่ปู้ยำที่ไหน ในเมื่อเขาให้เกียรติแก แกก็ควรจะให้เกียรติเขาบ้าง”
“ขนุนขอโทษค่ะ แต่ขนุน...”
“พรุ่งนี้แกมีนัดกับคุณบดินทร์ ทายาทเจ้าของโรงแรมใหญ่ที่สุดในจังหวัดเชียงใหม่ เขาจะไปที่ห้างฯ แกจะต้องไปรอพบเขากับฉัน”
“คุณพ่อคะ ขนุนยัง...”
“แกคิดจะเนรคุณคนที่ให้กินข้าวแดงแกงร้อนอย่างฉันรึขนุน แกมีทุกวันนี้เพราะใคร จากเด็กกำพร้าไม่มีอนาคตเป็นคุณหนูไฮโซฐานะร่ำรวยเพราะใคร แกลืมไปแล้วเรอะ”
ทวงบุญคุณอีกแล้ว ไม่ได้ดั่งใจก็ทวงบุญคุณ บุญคุณท่วมหัวเธอไม่มีวันลืม แบบนี้ใช่ไหมที่เขาต้องการ คนที่เรียกตัวเองว่าพ่อต้องการให้ลูกเลี้ยงอย่างเธอจับผู้ชายรวยๆ ให้ได้สักคน นี่หรือการชดใช้บุญคุณข้าวแดงแกงร้อน!
“ขนุนไม่เคยลืมค่ะคุณพ่อ”
“ดี ถ้าคิดจะเนรคุณฉันก็ไปให้พ้นหน้าแล้วอย่ากลับมาอีก แต่ถ้ายังสำนึกในบุญคุณของฉัน พรุ่งนี้แกต้องแต่งตัวสวยๆ ไปห้างฯ กับฉัน แล้วจำไว้อย่าทำให้ฉันผิดหวัง ไม่อย่างนั้นทุกอย่างที่แกเคยได้แกจะไม่มีวันได้อีกต่อไป”
