ตอนที่ 5 หมอเทวะ และผู้คุมหอ
“ท่านรู้นามอาจารย์ข้าได้อย่างไร”
“อวิ๋นซีถอยออกมา พวกเขาไม่ใช่คนร้าย”
“ถวายบังคมท่านอ๋องห้า และท่านอ๋องเก้าพ่ะย่ะค่ะ”
เมื่ออวิ๋นซีหันไปมองบุรุษที่ยืนนิ่งอยู่ข้าง ๆ นางก็เริ่มเข้าใจ เข็มเงินถูกเก็บเข้าไปอีกครั้งก่อนที่บุรุษที่ยืนเกร็งอยู่จะถอนหายใจยาว เขาดูเยาว์กว่าอีกคนหนึ่งแต่ท่าทางถือดีและพูดมากนั้นทำให้นางเดาได้ทันที
“ท่านก็คือเสิ่นอ๋อง แห่งเสิ่นโจว”
“ล่วงเกินแล้ว ข้า “เฉินเฟิ่งเซียว” องค์ชายห้าแห่งเฉินซาน ยินดีที่ได้พบ นี่น้องเก้าของข้า…"เฉินรั่วเฟิง" ต้องขออภัย แต่ตอนนี้ข้าคิดว่ารีบจัดการเรื่องตรงหน้าก่อนจะดีกว่า”
“น้องห้า น้องเก้า เกิดอะไรขึ้นที่นี่ ข้าให้พวกเจ้าเฝ้าดูเอาไว้มิใช่หรือ”
“ท่านแม่!”
เสียงของใต้เท้าเพ่ยดังขึ้นเมื่อเขาเดินตามมาถึงและเห็นบางอย่างอยู่ในห้อง เสียงร้องโหยหวนเริ่มดังขึ้นเมื่อทุกคนหันไป ร่างของฮูหยินผู้เฒ่าถูกแขวนตาค้างอยู่บนคานในห้องของตัวเอง
“นี่มันเกิดอะไรขึ้น!”
“คนร้ายเบี่ยงความสนใจ ทำท่าว่าจะไปโจมตีท่านด้านใน แต่ที่จริงแล้วเป้าหมายของพวกมันอยู่ที่ฮูหยินผู้เฒ่า”
“มันเกิดขึ้นได้อย่างไร! นี่มันเกิดอะไรขึ้น”
“เรียนนายท่าน ข้ากับสาวใช้อีกสองคนพาฮูหยินผู้เฒ่าเดินกลับมาเพื่อจะมาพักผ่อน หลังจากเดินออกไปก็ได้ยินเสียงของตกจึงได้รีบกลับมาดู ไม่คิดว่า… จะเห็นฮูหยิน...”
“ท่านแม่! ฮือ….”
ท่านอ๋องหันไปมองสภาพศพที่ตายังค้างอยู่ซึ่งตอนนี้เริ่มมีเลือดไหลออกมาจากดวงตา ซึ่งนับว่าผิดปกติของผู้ที่จะฆ่าตัวตาย และแน่นอนว่าไม่มีผู้ใดเชื่อว่านางฆ่าตัวตายอย่างแน่นอน
“นางถูกพิษ”
“เจ้าว่าอย่างไรนะ”
“เฉินเฟิ่งเซียว” เอ่ยขึ้นเมื่อเห็นสีหน้าและสภาพศพที่เริ่มเปลี่ยนไป
“ฝ่ามือคล้ำ โลหิตไหลตามห้าทวาร นางถูกพิษเซ่าจู่ก่อนจะถูกฆ่า”
“เจ้ารู้เรื่องพิษด้วยหรืออวิ๋นซี”
“หึ พี่สามท่านดูแคลนศิษย์ของอาจารย์ไป๋เกินไปแล้ว ดูท่าเรื่องในคืนนี้คงจะซับซ้อนกว่าที่เราคิดเอาไว้”
“ท่านอ๋อง พวกเราจับผู้ต้องสงสัยมาได้คนหนึ่งพ่ะย่ะค่ะ”
คนร้ายที่ถูกมัดโดยมีทหารองครักษ์นำตัวออกมาสวมชุดบ่าวของสกุลเพ่ย แม้ว่าเขาจะไม่พูดแต่ใต้เท้าเพ่ยกลับจำได้
“จื่อหลง! เหตุใดเป็นเจ้า”
“ระวัง เขาจะกัดยาพิษ!”
“ปึก!”
“พี่ห้า!”
ฝ่ามือของอ๋องห้าฟาดลงไปที่ต้นคอ
“ล้วงเอายาพิษออกมา ข้าจะไปตรวจดูว่าเป็นพิษชนิดใด”
“พ่ะย่ะค่ะ”
ทหารทำตามคำสั่งทันที อวิ๋นซีไม่คิดเลยว่าจะมีคนที่รวดเร็วกว่านาง หากเดาไม่ผิดเขาน่าจะเป็นหมอเทวดารุ่นหลังที่อาจารย์เคยบอกเอาไว้จริง ๆ
“หมอเทวะรุ่นเยาว์ นับถือแล้ว”
“ขออภัยที่จริงข้าเองก็อยากเห็นพิษของเข็มวารี แต่เพราะข้าอยู่ใกล้กว่าลงมือได้ง่ายกว่าเจ้าก็เลยจัดการเสียก่อน”
“พี่สาม ข้าให้คนพาพวกมันกลับไปที่คุกหลวงของหลิงโจวแล้ว”
“ใต้เท้าเพ่ย เรื่องนี้ข้าจะสอบสวนด้วยตัวเอง ทานไม่ต้องห่วง”
“ขอบพระทัยท่านอ๋องพ่ะย่ะค่ะ”
ท่านอ๋องเดินมาตบไหล่ของใต้เท้าเพ่ยที่พึ่งจะจัดงานเลี้ยงเพื่ออวยพรมารดาของตนเอง แต่วันนี้กลับเป็นวันตายของนาง
“โปรดหักห้ามใจด้วย ข้าจะส่งคนมาจัดงานศพให้ฮูหยินผู้เฒ่าอ่างสมเกียรติ”
“ขอบพระทัยท่านอ๋องพ่ะย่ะค่ะ”
ทุกคนเดินกลับออกมา แต่สองท่านอ๋องกลับเลือกจะใช้ม้าเป็นพาหนะแทน
“นางก็จะไปกับพวกเราหรือพี่สาม นางคือใครกัน คงไม่ใช่ว่าท่านหาพี่สะใภ้ให้ข้าได้แล้วหรอกนะ เรื่องนี้ข้าพลาดไปได้เช่นไร สายข่าวของหอหรงเยว่ไม่เคยพลาดแต่ทำไม…”
“น้องเก้า! เจ้าพูดมากไปแล้ว”
ท่านอ๋องหันไปมองหน้าอวิ๋นซีที่ทำเพียงกอดอกและยืนขมวดคิ้วให้กับเฉินรั่วเฟิง แต่ท่านอ๋องที่พักตร์เริ่มแดงและรู้สึกร้อนผ่าวจึงรีบหันไปตวาดทันที
“รีบตามข้ากลับวัง ส่วนเจ้าขึ้นรถม้ากลับไปกับข้า”
“ข้าจะกลับไปพร้อมกับนางรำคนอื่น ๆ เอาไว้ค่อยตามพวกท่านเข้าวังจะได้ไม่ทำให้ดูน่าสงสัย ทุกท่านขอตัวก่อน”
ว่าแล้วอวิ๋นซีก็เดินกลับไปยังรถม้าของหอลั่วฟางที่จอดรออยู่ด้านหลัง รั่วเฟิงหันไปมองตามร่างอรชรที่เดินไปจนสุดสายตา เมื่อหันกลับมาจึงเห็นว่าพี่สามของตนเองมองนางอยู่เช่นกัน กรามที่กัดแน่นเพราะความหงุดหงิดเล็กน้อยเรียกความสนใจของรั่วเฟิงจนใคร่รู้
“นางไปถึงรถม้าแล้วกระมังพี่สาม หากท่านอยากให้นางกลับไปด้วยทำไมไม่พูดดี ๆ เล่า หรือว่าออกคำสั่งจนเคยตัว”
“น้องเก้าเจ้าพูดมากไปแล้ว เช่นนั้นก็เอาม้าข้ากลับไปด้วย ข้าจะนั่งรถม้าไปกับพี่สาม”
“อ้าวเดี๋ยวสิพี่ห้า! ท่านทิ้งกันเช่นนี้เลยหรือ ไม่เอา เสี่ยวอวี้ ไป่อี้ พวกเจ้าจัดการที ข้าจะไปนั่งรถม้า ขี่ม้ามาสามวันสามคืนเมื่อยจะตาย”
“รีบกลับเถอะ”
ทั้งสามเดินขึ้นรถม้าไปพร้อมกัน และพูดคุยระหว่างทาง
“ครั้งนี้ไม่ใช่หอฟงหรู แต่คิดไม่ถึงเลยว่าคนร้ายจะแบ่งเป็นสองกลุ่ม”
“ไม่ใช่ พวกเจ้าคิดผิดแล้ว วิธีการน่าจะเป็นพวกมันอย่างแน่นอนแต่ว่าครั้งนี้ คงจะปิดบังเอาไว้หรือไม่ก็ให้นักฆ่าหน้าใหม่มาทำงานแทน ก็เลยยังไม่มีรอยสัก”
“นักฆ่าฝึกหัดงั้นหรือ พี่สามที่ท่านพูดมาน่าสนใจยิ่งนัก น้องเก้าเจ้าคิดว่าอย่างไร”
“แน่นอนว่าหอฟงหรูมีนักฆ่าสี่ระดับ นักฆ่าฝึกหัด นักฆ่าสายลับ นักฆ่าแดนมืด และภูตมรณะ ที่ลงมือกับฮูหยินผู้เฒ่าก็คือนักฆ่าแดนมืดที่ใช้พิษเป็น”
“ถึงกับใช้นักฆ่าขั้นสองกับคนแก่คนหนึ่ง พวกมันต้องการสิ่งใด”
“พี่ห้ากล่าวผิดแล้ว ที่เขาต้องใช้นักฆ่าระดับสองนั่นเป็นเพราะว่าวันนี้พวกมันรู้ว่าพี่สามจะมาที่นี่ ต่างหากเล่า”
“เช่นนั้นก็น่าแปลก สกุลขุนนางเก่าแก่กับสตรีวัยชราคนหนึ่ง เหตุใดจึงต้องสังหารนาง สามคนก่อนหน้านั้นที่ตายมิใช่ว่าเป็นขุนนางของราชวงศ์ก่อนหรอกหรือ”
“ใช่ พวกมันฆ่าขุนนางก่อนหน้านี้ก็เพราะพวกเขาเป็นขุนนางเก่าแก่จากราชวงศ์ก่อน แต่ก็อย่าลืมว่าฮูหยินผู้เฒ่าเพ่ยก็เป็นฮูหยินตราตั้งเช่นกัน สกุลเพ่ยน่าจะมีบางอย่างที่ดึงดูดพวกมันมา”
“คือสิ่งใดกัน”
“ว่ากันว่าฮูหยินผู้เฒ่าผู้นี้เป็นฮูหยินตราตั้งระดับสาม อดีตจักรพรรดิคนก่อนเป็นผู้แต่งตั้งให้นางเพราะความชอบที่นางช่วยเหลือฮองเฮาเอาไว้ในตอนที่นางคลอดพระโอรสออกมา พี่สามหรือว่าพวกมันต้องการตำรับยาของฮูหยินผู้เฒ่า”
“แต่ตำรับเหล่านั้นถูกส่งต่อมาให้ใต้เท้าเพ่ยที่เป็นหมอหลวงอยู่แล้ว เหตุใดจึงต้องไปเค้นเอากับมารดาของเขา หรือว่า...”
“น่าสนใจยิ่ง เบื้องหลังของฮูหยินผู้เฒ่าคนนี้น่าจะไม่ธรรมดาแน่แล้ว ข้าจะให้หอหรงเยว่สืบเรื่องนี้ต่อเอง”
“อืม เช่นนั้นก็ฝากเจ้าด้วย”
“เอ๊ะพี่สาม ว่าแต่นางรำคนเมื่อครู่นี้ พี่ห้าบอกว่านางใช้เข็มพิษวารีของอาจารย์ไป๋ผู้เลื่องชื่อนั่น ท่านกับนางไปรู้จักกันได้อย่างไร อีกอย่างเหตุใดนางจึงมาอยู่ที่นี่แล้วยังเป็นนางรำ ท่านยังออกปากชวนนางกลับด้วยกัน นี่มันไม่ธรรมดาเลยนะ”
“อะแฮ่ม เจ้าพูดเพ้อเจ้ออะไรกัน มิใช่ว่าเจ้าสืบจนรู้หมดแล้วงั้นหรือ”
“ข้าจะไปรู้ได้เช่นไร ข้ารู้แค่ว่าท่านไปที่หอซิงเฟยเพื่อช่วยคนแต่ไม่ทัน ไม่คิดว่าจะได้สตรีงดงามมากด้วยพิษร้ายกาจเช่นนางกลับไปด้วยนี่ เล่ามาเถอะพี่สาม”
“น้องเก้า เจ้าอย่าพึ่งไปคาดคั้นพี่สาม ในตอนนี้สิ่งที่ควรทำคือรีบสืบเรื่องของสกุลเพ่ย”
“อ้อ ใช่ ๆ พี่ห้าท่านพูดถูก แต่เรื่องนี้ข้าไม่หยุดถามแน่”
“พูดมากจริง ๆ นางก็แค่องครักษ์ข้างกายคนใหม่ของข้าเท่านั้น”
""อะไรนะ! องครักษ์ข้างกายงั้นหรือ""