บท
ตั้งค่า

2

เจ็ดปีก่อน

“ผลสอบออกแล้ว ไปตรวจดูคะแนนได้ที่บอร์ด ใครรู้ตัวว่าไม่ผ่าน จบคาบมากองกันที่โต๊ะครูได้เลย ณัชชาเดี๋ยวไปพบอาจารย์รัชนีที่ห้องธุรการด้วยนะ นี่จ๊ะของรางวัลสำหรับคนทำคะแนนได้สูงสุด”

คุณครูประจำวิชาบอกจบส่งกล่องของให้ณัชชา พร้อมมองด้วยสายตาชื่นชมเปิดเผย พวกผู้ชายเกเรในห้องส่งเสียงต่อว่าอาจารย์ผู้สอนกันยกใหญ่

“น่าจะให้คนได้คะแนนน้อยนะครับ”

“มานี่มา ครูมีของให้” ท่านว่ายิ้ม มือข้างหนึ่งจับไม้บนโต๊ะเคาะเบาๆ แล้วใครเล่าจะกล้าออกไปรับรางวัลกัน

“หนังสือก็ไม่ยอมอ่าน ดูณัชชาเป็นตัวอย่างกันบ้างซิ”

ท่านบ่นจบ ยื่นใบงานให้นักเรียนคนที่อยู่ใกล้สุดส่งให้คนอื่นในชั้นเรียน แล้วเริ่มทำการสอนต่อจากนั้น

นพรัตน์ละสายตาจากวิวนอกอาคารเรียนที่เป็นบ้านและตึกสูงลดหลั่นกันไปมาไม่เป็นระเบียบเท่าไรนัก มองไปทางหน้าห้องที่โต๊ะมุมซ้ายสุดตรงหน้าครูผู้สอน

นักเรียนหญิงผมไม่เป็นทรงฟูและหนา สวมแว่นสายตาเชยๆขอบสีดำ ที่ซึ่งเขารู้มาจากเพื่อนคนอื่นอีกทีว่าเธอคนนั้นสายตาสั้นสุดๆ เลยทำให้ปิดบังใบหน้าที่เขาคิดว่าน่ารักอยู่มากเหมือนกันไปเกือบครึ่ง ก่อนจะคิดอะไรเกี่ยวกับอีกฝ่ายต่อ พร้อมจ้องแผ่นหลังเธออยู่อย่างนั้นเป็นนาน

เมื่อถูกจ้องมากเข้าก็รู้สึกตัวในที่สุด เด็กเรียนดีเอี้ยวมองทางต้นตอของสายตาคู่ที่จับจ้องตนเองอยู่ ทางนั้นพยักหน้าเบาๆมาให้ ณัชชาไม่ได้ตอบรับอะไรอีกฝ่าย แล้วหันกลับมามองที่ครูผู้สอนอย่างเดิม

เด็กหนุ่มหน้าตาหล่อเหลาขั้นสุดในชั้นเรียน ไม่สิ น่าจะเป็นในโรงเรียนเลยด้วยซ้ำ คนนั้นคือเพื่อนร่วมชั้นที่ใครๆก็รู้ว่าเป็นลูกชายจากตระกูลดังตระกูลใหญ่ ที่แม้แต่ผู้อำนวยการของโรงเรียนยังต้องเกรง

จวบจนจบคาบเรียนซึ่งเป็นวิชาสุดท้ายของวันพอดี นพรัตน์บอกเพื่อนร่วมก๊วนว่าให้ลงไปรอที่ด้านล่างก่อน กระซิบบอกเพื่อนคนหนึ่งให้จัดการอะไรให้หน่อย ทางนั้นพยักหน้าตอบรับก็รอจังหวะให้อีกฝ่ายปฏิบัติการ

อึดใจเดียวทางนั้นก็ตะโกนบอกเพื่อนผู้ชายคนหนึ่งที่กำลังตรงไปหาเด็กเรียนดีที่เขาเล็งเอาไว้

“ไอ้แว่น อาจารย์ขจีเรียกมึงน่ะ”

เจ้าของชื่อ ‘ไอ้แว่น’ ชะงักแล้วชี้มือหาอกตัวเอง ถามงงๆ

“เรียกกูหรือ เรียกทำไมวะ”

“กูจะไปรู้ได้ยังไง ไปเร็ว อยู่อาคารสามนู่นเลย”

แล้วใช้จังหวะที่คนอื่น ทยอยออกจากห้องจนหมดแล้ว เดินไปยังโต๊ะเรียนของ ‘เธอคนนั้น’

นพรัตน์ อัศวหาญญ์วรกุล วางกระเป๋าหนังสือที่แบนราบไม่มีอะไรในนั้นเลยนอกจากปากการาคาสูงลิบลงตรงโต๊ะว่างข้างๆ แล้วทิ้งสะโพกกับขอบโต๊ะของครู ข้างหน้าเธอ เอ่ยขึ้น

“คะแนนนำโด่งอีกแล้วนะ”

นักเรียนหญิงผมฟูสั้นเสมอติ่งหูสวมแว่นหนาเหลือบมองที่เขา ก่อนก้มหน้าลงขีดเขียนอะไรลงบนกระดาษ ค่อยหันไปมองรอบๆห้องแล้วจึงส่งมาที่ตรงหน้าเด็กหนุ่ม

นพรัตน์มองที่กระดาษแล้วถามพร้อมกับยิ้มน้อยๆ

“อะไร ที่ตกลงกันไว้ไม่ใช่ราคานี้นี่”

คนพูดน้อยส่ายหน้าราวเอือมระอาเขา ดึงกระดาษที่ส่งให้อ่านเอากลับมาพับเก็บใส่ถุงเครื่องเขียนที่เก่าแต่สะอาดของตนเองดังเดิม พร้อมสาละวนกับของชิ้นอื่นจับใส่ลงในกระเป๋า ไม่สนใจคนตรงหน้าอีกแล้ว

คนอยากชวนคุย เห็นท่าทีเฉยเมยของอีกฝ่าย หัวใจพานแกว่งไกวแปลกๆ ถามง้อๆ

“เงินสดหรือให้เอาเข้าบัญชี”

“เงินสดสิ”

“ทีเรื่องเงินล่ะยอมพูดนะ” แกล้งแหย่เสียหน่อย พอเห็นสายตาใต้แว่นตวัดมองมา หัวใจก็กระตุกเต้นถี่ๆหนักๆขึ้นในทันที กลั้นยิ้ม ถามคล้ายจะเอาใจ อย่างที่ไม่เคยทำกับใครมาก่อนเลยแม้แต่คนเดียว

“ตอนนี้?”

“มีมาหรือเปล่าล่ะ ถ้ามีก็เอามาเลย”

เด็กหนุ่มมองจ้องทะลุผ่านแว่นสายตาหนาเตอะครู่เดียว ล้วงเอาเงินในกระเป๋าส่งให้ นักเรียนเรียนดีมารยาทเด่นมองไปรอบๆด้วยแววตาไม่พอใจ เห็นว่าไม่มีเพื่อนคนอื่นในห้อง ก็ถอนหายใจเบาๆ ติงด้วยเสียงเข้มงวด

“ทีหลัง ต้องดูคนก่อนให้ด้วยนะ”

สวนกลับด้วยอารมณ์ติดฉุนเล็กน้อย “กลัวไอ้แว่นมันเห็น?”

“อือ” รับคำสั้นๆ อย่างคนพูดน้อย จริงๆไม่ได้ใส่ใจในคำถามยอกย้อนนั่นมากกว่า แล้วรับธนบัตรมานับ เห็นว่าครบถ้วนตามที่ตกลงไว้ จึงใส่ลงในกระเป๋ากระโปรงนักเรียน ขยับตัวลุกจากเก้าอี้จะออกจากห้องบ้าง

นพรัตน์รีบเรียกเอาไว้ทันที เขาอยากคุยกับเธอมากกว่านี้อีกนิด “เดี๋ยวณัช...ณัชชา”

เจ้าของชื่อ หันมาหาทั้งตัว ถามเสียงเบา “อะไร”

“เอาโครงงานฟิสิกส์ไปทำให้ด้วยดิ่”

“ไม่ทำเองล่ะ”

“ไม่ว่าง”

“นัดดูหนังกับสาวๆอีกสินะ”

เด็กหนุ่มยิ้มจนตาเรียวหยี ถามกลับทันที “ทำไมรู้”

เลยหน้าชาวาบขึ้นตอนนั้น บอกปัดเขาไป

“ของเรายังไม่ได้ทำเลย”

“ทำให้หน่อยน่า...นะ เดี๋ยวให้อีกห้าเท่าของเมื่อกี๊”

“ห้าเท่า?” เด็กเรียนดีทวนเบาๆ

นพรัตน์มองแล้วก็ว่า “น้อยไปหรือไง งั้นให้อีกเจ็ดเท่าเลย”

“สิบ” ต่อรองสั้นๆแต่น้ำเสียงค่อนไปทางหนักแน่นพอควร

บ่นกลับคำเดียวเหมือนกัน “เคี่ยว!”

“เราไม่ว่าง เอาไปทำเองเถอะ” ตัดบทอย่างไม่สนใจ

“ดีล สิบก็สิบ” ตอบรับทันที ที่ทำทีเป็นวางท่าเรื่องมากเพราะอยากคุยกับคนพูดน้อยให้นานกว่านี้อีกหน่อยเท่านั้น รีบรวบรัดนัดแนะต่อเป็นการมัดมือชกอีกฝ่าย

“เดี๋ยวเอาของไปให้ที่บ้านนะ”

มองคนรวบรัดเอาแต่ใจ เงียบไปครู่ บอกอย่างแฟร์ๆ ไม่อยากเอาเปรียบเขา “ไม่ต้องหรอก เดี๋ยวเราหาของเองได้”

“มันต้องแบบนี้สิ คิดราคาก็แพงต้องหาของให้ด้วย”

“ไปนะ” ทำท่าจะเดินออกจากห้อง เด็กหนุ่มเรียกไว้อีกด้วยเสียงอ่อนลง

“เดี๋ยว”

เธอหยุดแล้วหันมามองหน้า ทำนองว่ามีอะไรอีก ก็ให้อึกอักเล็กน้อย บอก “เราว่า...เราเอาของไปให้ดีกว่า บ้านอยู่ในซอย...ใช่ไหม”

เอ่ยชื่อซอยที่ตั้งของบ้านอีกฝ่ายออกไปอย่างไม่ติดขัด ราวกับรู้มาตลอดว่าคนตรงหน้าพักอยู่ที่ใด ณัชชาพยักหน้าตอบกลับมาว่า ‘ใช่’ เลยอ้อมแอ้มบอกอีกที

“ไว้เดี๋ยวเจอกันที่บ้านเธอนะ”

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel