ตอนที่2 ความกังวลของบิดา
หลิวตงโผเข้ากอดบุตรสาวด้วยความรู้สึกผิด น้ำตาที่กลั้นไว้ไหลออกมาเป็นสาย หลิวหลิงลี่เองก็ไม่ต่างกัน น้ำใส ๆ ไหลเป็นทางอาบแก้ม สองพ่อลูกกอดกันร่ำไห้ หลิวตงถึงจะเหมือนได้ยกภูเขาออกจากอก แต่ทว่ากลับไม่รู้สึกสบายใจเลยแม้แต่น้อย เขาใช้มือปาดน้ำตาของตนเองก่อนจะผละบุตรสาวออก แล้วเช็ดน้ำตาที่ไหลอาบแก้มของบุตรีอย่างเบามือ
“ลี่เอ๋อร์พ่อต้องขอโทษเจ้าด้วย ที่จำต้องส่งเจ้าไปแต่งงานยังเมืองอันหยางกับคนสกุลหลัว หลัวหยางโหว”
“ไยต้องขอโทษลูกด้วย ลูกต้องขอบคุณท่านพ่อด้วยซ้ำที่ให้ลูกได้แต่งกับหลัวหยางโหว ถึงลูกจะอยู่แต่ในจวน แต่ข่าวที่บุรุษผู้นี้ได้กระทำเป็นที่กล่าวขานไปทั่ว จนลูกเองก็เคยได้ยินข่าวของเขามาไม่น้อย”
ตั้งแต่หลิวหลิงลี่ถึงวัยปักปิ่นนางก็เก็บตัวอยู่แต่ในจวนเจ้าเมืองมาตลอด เพราะการออกจากจวนไปให้ผู้คนได้เห็นจนเป็นที่ร่ำลือถึงความงามของนาง ทำให้บิดาต้องปฏิเสธการสู่ขอหลายครั้ง บางคนก็ยอมรับในคำปฏิเสธได้ แต่บางคนก็แสดงออกชัดว่าไม่พอใจ หลายปีนี้นางจึงไม่ย่างเท้าออกจากจวนไปไหนเลย เพื่อจะได้ไม่ทำให้บิดาของนางต้องลำบากใจ
“แต่เจ้าก็รู้ดีว่าแต่ก่อนตระกูลหลิวกับตระกูลหลัวเคยเปิดศึกกันหลายครั้ง ปู่ของเขาฆ่าท่านลุงของเจ้า ต่อมาปู่ของเจ้าก็ได้ฆ่าปู่ของเขาเช่นกัน และศึกครั้งสุดท้ายท่านปู่ของเจ้ายังฆ่าบิดาของเขาอีก มิหนำซ้ำหลังจากฆ่าบิดาของเขาท่านปู่ของเจ้าก็ยังไล่ตามหมายจะฆ่าเขาอีก แต่หลัวหยางผู้นี้ยังโชคดีที่มีแม่ทัพใจกล้า ฝ่าวงล้อมมาช่วยจนหนีเข้าเมืองไปได้ หากท่านปู่ของเจ้าไม่เจ็บหนักจนถึงขั้นต้องรักษาตัวอยู่หลายวัน จนทัพจากเมืองเฉินมาถึงและช่วยหลัวหยางโหวต้านทัพท่านปู่ไว้ได้ ป่านี้หลัวหยางโหวคงตายไปในสงครามครั้งนั้นแล้ว ถึงบัดนี้สงครามนั้นจะผ่านมา7ปีแล้ว แต่ก็หารู้ใจเขาได้ไม่ว่าคิดแค้นสกุลเรามากเพียงใด”
“ท่านพ่ออย่าได้กังวล ในเมื่อวันนี้เขาตอบรับ ก็แสดงให้เห็นว่า เขาปล่อยวางความแค้นได้แล้วระดับหนึ่ง”
“คนที่ตอบรับหาใช่หลัวหยางโหวไม่ แต่เป็นมารดาของเขาหลัวฮูหยินที่ตอบรับกลับมา นั่นเพราะตอนที่ท่านทูตไปถึงเมืองอันหยาง หลัวหยางโหวได้ออกเดินทางไปปราบโจรกบฏแล้ว ทูตที่ส่งไปจึงได้สนทนากับหลัวฮูหยินแทน”
“ถ้าอย่างนั้นท่านพ่อก็ยิ่งไม่ต้องเป็นกังวล ลูกได้ข่าวว่าหลัวฮูหยินจิตใจกว้างขวาง มีเมตตา และรักษาคำพูด ในเมื่อหลัวฮูหยินตอบรับงานมงคลนี้ ก็ย่อมอยากประสานความสัมพันธ์อันดีของเราสองตระกูลเป็นแน่” หลิวหลิงลี่เอ่ยให้บิดาคลายกังวล ถึงจะไม่รู้ว่าความจริงแล้วที่หลัวฮูหยินตอบตกลงมานั้นมีเจตนาอันใดแอบแฝงอยู่ก็ตาม
“แต่บุตรชายของเขา..” ถึงจะได้ยินบุตรีเอ่ยปลอบ แต่หลิวตงก็ไม่อาจวางใจได้
“ท่านพ่ออย่าได้กังวลไป ตราบใดที่หลัวฮูหยินยังอยู่ บุตรชายของเขาย่อมไม่กล้าทำอันใดให้หลัวฮูหยินต้องเสียสัจจะ และข้าเชื่อว่าหลัวฮูหยินจะต้องมีอายุยืนยาว ดังนั้นนี่ก็จะกลายเป็นโอกาสของเรา ท่านพ่อตอนนี้อาลี่ก็โตมากแล้ว และชอบการต่อสู้ หลังจากนี้พวกเราควรปรับปรุงการทหารเสียใหม่ได้แล้ว เผื่อวันหน้าหากลูกไม่สามารถทำให้หลัวหยางโหวรักลูกได้ และยิ่งหากไม่สามารถละลายความแค้นระหว่างสองสกุลลงได้ อย่างน้อยเราก็ยังพอปกป้องตัวเองได้บ้าง”
“แต่เจ้าก็รู้ว่าพ่อ” น้ำเสียงของหลิวตงเจือไปด้วยความละอายใจ เพราะเขานั้นรู้ตัวดีว่าไม่มีความสามารถทางด้านการทหาร
หลิวตงยังไม่ทันที่จะได้เอ่ยจบ ประตูที่ปิดอยู่ก็เปิดออก หนุ่มน้อยวัย15หนาวเดินเข้ามาในห้อง ถึงร่างกายจะไม่กำยำล่ำสันแต่ก็ไม่ดูอ่อนแอ่ปวกเปียก หน้าตาที่เนียนใสบวกกับรูปหน้าที่ได้รูป ทำให้เขากลายเป็นหนุ่มน้อยรูปงามคนหนึ่งทีเดียว
หลิวตงและหลิวหลิงลี่หันไปมองหนุ่มน้อยที่เปิดประตูเข้ามา คนทั้งสองไม่รู้เลยว่านานเท่าใดแล้ว ที่บุรุษอายุน้อยมาแอบฟังคนทั้งสองคุยกัน
“เจ้ามาได้อย่างไร ข้าให้แม่ทัพลี่หม่าพาเจ้าไปช่วยชาวบ้านที่ลี้ภัยน้ำท่วมที่อำเภอหาวหนานไม่ใช่หรือ?” บุรุษวัยกลางคนเอ่ยถามบุตรชาย
ตั้งแต่ที่พวกขุนนางเหล่านั้นร่วมกันกดดันให้หลิวตงส่งทูตไปเจรจา แม่ทัพที่อยู่ในที่ประชุม5คนก็คัดค้านไม่เห็นด้วยที่จะให้ส่งหลิวหลิงลี่ไปเพื่อแต่งงานเชื่อมสัมพันธ์ ถึงไม่ได้สู้รบกับกองทัพใหญ่มานาน แต่อย่างไรพวกเขาก็เคยร่วมทัพกับอดีตเจ้าเมืองสู้ศึกกับตระกูลหลัวมาหลายครั้ง ไหนเลยแม่ทัพทั้ง5จะยอมใช้สตรีเพื่อหลบหลีกศึกให้เสียเกียรติ
แต่ทว่าแม่ทัพทั้ง5ก็ไม่อาจคัดค้านเสียงขุนนางที่มากกว่าได้ เหล่าแม่ทัพหัวเสียจึงมาดื่มสุราและตั้งวงสนทนากัน หลิวเลี่ยงลี่ที่ชอบไปคลุกคลีกับเหล่าทหารจึงได้ยินเข้า จึงมาเล่าให้หลิวหลิงลี่ฟัง หวังว่าจะให้นางไปพูดกับบิดา เพื่อให้บิดาเปลี่ยนใจ แต่พี่สาวกลับปฏิเสธ หลิวเลี่ยงลี่เลยไปพูดกับบิดาด้วยตนเอง
แต่การพูดคุยด้วยอารมณ์ระหว่างบิดาและบุตรชาย ไม่ได้ทำให้อะไรดีขึ้น คำบางคำที่เป็นแผลใจของผู้เป็นบิดา เมื่อถูกบุตรชายกล่าวออกมา ย่อมสร้างความเดือดดาลให้กับบิดาเป็นธรรมดา หลิวตงจึงสั่งให้หลิวเลี่ยงลี่ไปช่วยชาวบ้านที่กำลังลี้ภัย
หลิวเลี่ยงลี่ที่โดนบิดาและพี่สาวตามใจมาตั้งแต่เด็ก เมื่อโดนผู้เป็นบิดาตวาดใส่แถมโดนไล่มีหรือจะไม่รู้สึกโกรธ แต่ก็ยอมไปเพราะเป็นคำสั่งของเจ้าเมือง แต่ครั้นได้ไปช่วยชาวบ้านครั้งนี้ ทำให้เขาได้เข้าใจความรู้สึกของผู้เป็นบิดาและภาระหน้าที่ของผู้เป็นเจ้าเมืองมากยิ่งขึ้น
5วันก่อน ณ อำเภอหาวหนาน
เมื่อหลิวเลี่ยงลี่และเหล่าทหารนำเสบียงสำหรับผู้ลี้ภัยมาถึง หลิวเลี่ยงลี่ก็นั่งเกวียนขนเสบียงนำอาหารไปแจกให้ผู้อพยพที่เดินทางมาไม่ถึงตัวอำเภอ เมื่อเขามองไปเห็นหญิงชรากับเด็กสาวอายุราวเจ็ดแปดหนาวนั่งพักอยู่ท้ายแถวขบวน จึงสั่งให้คนขับเกวียนเข้าไปใกล้ ๆ สตรีทั้งสอง ก่อนที่หลิวเลี่ยงลี่จะลงเดินเข้าไปหาและพาสตรีทั้งสองมานั่งเกวียนด้วยกัน
ครั้นขึ้นเกวียนมาแล้วหลิวเลี่ยงลี่ก็ได้เอ่ยชวนหญิงชราพูดคุยระหว่างทาง
“ท่านย่า ท่านอยู่กับหลานเพียงสองคนอย่างนั้นหรือ?”
