บทที่ 2 ตัวน่ารังเกียจ ( 1/2)
"โจวหมิง ท่านเองหรือ" เฉิงซินขมวดคิ้ว ประตูที่พังครืนลงเมื่อสักครู่เป็นฝีมือองครักษ์ผู้นี้หรอกหรือ เหตุใดจึงมาเอะอะโวยวายแต่เช้าเยี่ยงนี้เล่า
"เอ่อ...ฮูหยิน ข้าน้อยขออภัย บังเอิญมือหนักไปนิดก็เพียงเท่านั้น วันนี้ท่านแม่ทัพติดพันงานหลวง จึงไม่สะดวกมาพบท่าน" โจวหมิงองครักษ์คนสนิทของเว่ยจวินอี้สาวเท้าเข้ามาภายในพร้อมถาดอาหารหอมกรุ่น เขายอบกายลงวางถาดไว้ยังโต๊ะฝั่งตรงข้าม เมื่อสักครู่เขาไม่ทันสังเกตอย่างแจ่มชัดนัก ทว่าเมื่อตนเหลียวมองคนบนเตียงกลับพบว่าเฉิงซินถูกมัดมือไว้บริเวณเสาไม้อย่างน่าเวทนา
"ฮะ...ฮูหยิน นี่ท่านแม่ทัพ..." โจวหมิงหัวเราะไม่ได้ร้องไห้ไม่ออก
"เหอะ! ข้าคงมัดตัวเองได้กระมัง มัวยืนบื้อทำไมเล่า หรือเจ้าอยากให้แขนของข้าเลือดลมไม่เดินจนต้องตัดมือทิ้งกันเล่า" เฉิงซินกล่าวหน้าคว่ำ
โจวหมิงกระวีกระวาดเข้ามาแล้วจึงปลดเข็มขัดที่ผูกรัดข้อมือออกให้เฉิงซิน แขนที่ห้อยต่องแต่งชาดิกจนไม่อาจขยับ ใบหน้าเฉิงซินเหยเก ความกรุ่นโกรธปะทะขึ้นหน้าเสียจนอยากระเบิดมันออกมาเดี๋ยวนั้น
"เว่ย จวิน อี้ ข้าจะฆ่าท่าน!"
โจวหมิงลอบกลืนน้ำลายลงคอดังอึก คาดไม่ถึงว่าวันวิวาห์ของแม่ทัพเว่ยกลับปล่อยให้ฮูหยินนอนเปล่าเปลี่ยวเอกาอยู่เพียงลำพัง ซ้ำยังผูกนางติดกับเสาราวนักโทษผู้หนึ่ง แม้โจวหมิงไม่ชอบใจนักที่นางกล้ามัดมือชกแม่ทัพของตนเช่นนี้ แต่ทว่าเฉิงซินก็เป็นสตรี หากบุ่มบ่ามใช้กำลังมากไปรังแต่จะถูกบ่าวไพร่ใต้หล้าครหานินทาว่ารังแกสตรีไม่มีทางสู้ ซ้ำนางยังเป็นถึงบุตรีเสนาบดีสำนักตรวจราชการ หากนางขี่ม้าสามศอกไปบอกบิดาตน เรื่องนี้ถึงพระกรรณฮ่องเต้ หาไม่แล้วนายของเขาคงไม่พ้นอาญาโทษเป็นแน่
"ฮูหยิน ท่านอย่าได้โกรธเคืองท่านแม่ทัพเลยนะขอรับ เมื่อคืนแม่ทัพของข้าคงดื่มหนักไปหน่อย" โจวหมิงพยายามหว่านล้อม เขาลอบมองใบหน้าบอกบุญไม่รับด้วยความหวาดหวั่น
เขาไม่ได้กลัวสตรีนางนี้ แต่ทว่าใครก็รู้ดีว่านางนั้นปากสว่างเพียงใด ถูกรังแกนิดหน่อยเป็นไม่ได้ ถือว่าบิดาตนเป็นคนใหญ่คนโตจึงกระทำทุกอย่างตามใจ ขนาดที่ว่าแม่ทัพยังตกหลุมพรางนางเข้าอย่างเต็มเปา
"ไม่โกรธหรือ เจ้าลองถูกกระทำเช่นข้าหรือไม่เล่า ข้าจะไปพบเขา เขาอยู่ที่ใด" เฉิงซินตวัดสายตามอง
"ท่านแม่ทัพอยู่หอตำราขอรับ เอ๊ย...ท่านแม่ทัพไม่อยู่จวน..."
"โกหก"
โจวหมิงยกฝ่ามือตีปากตนดังแปะ เขาหลงลืมไปเสียแล้วว่าแม่ทัพกำชับตนไว้ว่าอย่างไร ห้ามบอกฮูหยินว่าเขายังทำงานอยู่ที่จวน แท้จริงแล้วสมรสพระราชทานครั้งนี้ ฮ่องเต้ถึงกับเห็นดีเห็นงาม ให้แม่ทัพหยุดราชการได้ถึงสามวัน ทว่าเว่ยจวินอี้กลับยังดึงดันทำหน้าที่ต่อแม้จะไม่ถูกอนุญาตให้เข้าราชวังตลอดเวลาของการพักราชการก็ตาม เพียงเพราะเขาไม่อยากพบหน้าฮูหยินที่เพิ่งตบแต่งเข้ามาด้วยความจำใจ
เฉิงซินตั้งท่าลุกขึ้นทว่ากลับต้องเซถลาล้มพับลงนั่งพังพาบไม่เป็นท่าอยู่กับที่ นางถูกตรึงไว้นานจนเกินไป แขนขาตอนนี้ไร้กำลังจนแทบก้าวไม่ออก
"ฮูหยินท่านเป็นเช่นไรบ้าง"
โจวหมิงหน้าตื่น รุดเข้าประคองเฉิงซินเอาไว้ด้วยความตระหนก
"ข้าเวียนศีรษะยิ่งนัก" เฉิงซินนิ่วหน้า หอบหายใจเหนื่อย
"ท่านทานอาหาร และผลัดเสื้อผ้าพักผ่อนอีกสักหน่อยดีกว่า หากออกไปเช่นนี้ เป็นลมเป็นแล้งขึ้นมา ผู้อื่นจะได้ครหาว่าท่านแม่ทัพรังแกท่าน" โจวหมิงกล่าวโดยไร้การยั้งคิด
เฉิงซินช้อนดวงตาขึ้นมอง เอ่ยน้ำเสียงกระด้าง "แล้วไม่จริงหรือ"
"เอ่อ..." โจวหมิงทำหน้าหลุกหลิก เขาจึงคิดหาหนทางเพื่อปลีกกายออกจากความอึดอัดและแดดันตรงนี้เสีย "ขออภัยฮูหยิน ข้ามีงานอีกมากต้องไปสะสาง ประเดี๋ยวจะให้บ่าวในจวนเข้ามาดูแล"
โจวหมิงค้อมศีรษะ แล้วเร่งหมุนกายจากไป เขาได้ยินเสียงหัวเราะหึดังไล่หลัง พลอยให้เกิดอาการเย็นเยียบขึ้นมาจนถึงไขสันหลัง สตรีนางนี้ช่างน่ากลัวโดยแท้ หญิงสาวใต้หล้านี้จะมีผู้ใดหน้าหนาได้เท่านางกันอีกเล่า แม่ทัพของเขาช่างดวงกุดเสียนี่ปะไร