บทนำ นางร้ายหน้าโง่
เสียงฝนกระทบกระจกหน้าต่างห้องเล็กดังเบา ๆ ในยามค่ำคืน หญิงสาวคนหนึ่งนั่งกอดเข่าบนฟูกในห้องเช่าแคบขนาดไม่ถึงยี่สิบตารางเมตร ตรงหน้าคือโทรศัพท์มือถือจอสว่างที่แสดงนิยายเรื่องหนึ่งที่นางอ่านค้างไว้
“…สุดท้าย นางร้ายก็ถูกฆ่าตายด้วยน้ำมือของคนที่ตนรักหมดใจ”
นางถอนหายใจแรง ใบหน้าที่ซีดเซียวเหน็ดเหนื่อยจากการตรากตรำทำงานมาทั้งวันยิ่งดูเคร่งเครียดขึ้นไปอีกทั้งที่คิดว่าจะมาหาความสนุกจากการอ่านนิยายด้วยซ้ำ
“โง่สิ้นดี…” นางบ่นพึมพำ
“ครอบครัวก็ดีขนาดนั้น ทั้งพ่อก็เป็นขุนนางใหญ่ทั้งรักทั้งเอาใจ แม่ก็ร่ำรวย ทำการค้าเก่งจนคนต่างอิจฉา ยังจะไปหลงรักผู้ชายที่ไม่เคยแยแสตนเองอีกเนี่ยนะ?”
ความหงุดหงิดตีขึ้นถึงขมับ นางปาดผมที่ปรกหน้าผากแล้วเบะปากอย่างขัดใจก่อนว่าต่อ
“ถ้าเป็นฉันนะ...ฉันไม่เอาใครทั้งนั้น ไม่ว่าจะพระเอกผู้มุ่งมั่นก้าวหน้า หรือตัวร้ายโหดเลือดเย็นรักแต่นางเอกคนเดียวนั่นน่ะ ฉันจะหนีออกจากเส้นเรื่องแล้วเกาะพ่อแม่กินให้หนำใจ อยู่อย่างคุณหนูไร้สาระไปจนแก่ตาย!”
เสียงบ่นของนางจบลงพร้อมกับการเลื่อนมือไปปิดหน้าจอทั้งที่นิยายเรื่องนี้ยังอ่านไปไม่ถึงครึ่งเรื่องด้วยซ้ำ ร่างบางล้มตัวลงนอนลงท่ามกลางความเงียบงัน ไฟในห้องดับลงเหลือเพียงแสงสลัวจากเมืองที่ส่องลอดหน้าต่างมา
แต่แล้ว...
ขณะที่เปลือกตากำลังปิดลง โลกทั้งใบก็บิดเบี้ยว
ความเย็นเยียบแล่นไปตามสันหลัง
นางพยายามขยับตัว แต่รู้สึกหนักอึ้ง เหมือนร่างกำลังถูกดึงจมหายลงไปในความมืดอย่างช้า ๆ
เสียงสุดท้ายที่ดังแผ่วเบาในหูของนางคือเสียงหัวใจตนเองที่เต้นถี่รัว พร้อมความรู้สึกกลัวสุดท้ายก่อนทุกอย่างดับวูบ
“คุณหนู! คุณหนูเจ้าขา! ตื่นเถิดเจ้าค่ะ! ฮือ ๆๆๆ”
ใบหน้ากลมมนเรียวรูปไข่ของเยี่ยนอวี่ซินขมวดเข้าหากันอย่างรำคาญ ก่อนจะค่อย ๆ ลืมตาขึ้นอย่างเชื่องช้า ราวกับสมองยังจมอยู่ในหมอกหนาที่ไม่จากไปสักที
สิ่งแรกที่รู้สึกได้คือ...กลิ่น
กลิ่นของไม้หอมไม่คุ้นจมูกแทนที่จะเป็นกลิ่นอับของห้องเก่า ๆ ลอยฟุ้งอยู่ในอากาศ
สิ่งต่อมาคือเสียง… เสียงร้องไห้ของเด็กสาวที่กำลังสะอื้นอยู่ใกล้ๆ
และสุดท้ายคือมือสองข้างขอใครบางคนกำลังเขย่าตัวนางแทบหลุดปลิวออกจากเตียงด้วยซ้ำ
“คุณหนู! อย่าทิ้งบ่าวไปนะเจ้าคะ ฮืออออ”
“พอ... พอแล้ว!”
หัวและสติหมุนติ้ว...
เพดานเหนือหัวไม่ใช่เพดานห้องเช่าราคาถูก
เครื่องเรือนรอบกายคือไม้แกะสลักลายประณีต
ม่านโปร่งบางไหวล้อสายลม เสียงนกร้องแบบที่ไม่เคยได้ยินในเมืองที่อยู่
“นี่…ที่ไหน?”
นางกะพริบตาปริบ ๆ มองเด็กสาวในชุดผ้าเรียบลื่นสีเรียบที่ยังร้องไห้ไม่หยุดเสียที
“หรือข้าฝัน…ฝันใช่ไหม?”
“ฝะ...ฝันอะไรเจ้าคะ!? ท่านเกือบตายแล้วนะเจ้าคะ ฮือ! จมน้ำไป บ่าว...บ่าวไม่รู้ว่าเหตุใดคุณหนูถึงได้ไม่รักตัวเองเช่นนี้ ทำไมจู่ ๆ ถึงกระโดดลงน้ำทั้งที่ว่ายไม่เป็น! ฮือ...ถ้าเป็นอะไรไปจริง ๆ บ่าวจะทำอย่างไร...!”
“เดี๋ยว!” อวี่ซินตะโกนขัดขึ้นอย่างทนสับสนไม่ไหว มือโบกตัดอากาศ “เจ้า...เจ้าชื่ออะไร?”
สาวใช้ชะงักน้ำตาค้าง ดวงตากลมโตมองมาอย่างงุนงง
“หงเซียงเจ้าค่ะ…” นี่คุณหนูของนางจมน้ำจนจำอันใดไม่ได้แล้วหรือ?
อวี่ซินหน้าซีดทันใด
หงเซียง...?
นี่ไม่ใช่... นามบ่าวของนางร้ายอวี่ซินในนิยายที่นางอ่านก่อนนอนเมื่อคืนหรือ!?
“ข้า...ข้าชื่ออะไร?” เสียงนางเริ่มสั่นเครืออย่างไม่อาจห้ามได้
“ก็...อวี่ซินอย่างไรเจ้าคะ คุณหนูของบ่าวเสียใจจนลืมสิ้นแล้วหรือ!” หงเซียงร้องไห้หนักกว่าเดิมอีก “อย่าทำบ่าวตกใจแบบนี้อีกนะเจ้าคะ ฮือ...ใจบ่าวจะขาด!”
“...บ้าเอ๊ย” วิญญาณใหม่ในร่างของอวี่ซินนางร้ายในนิยายสบถเบา ๆ ก่อนจะโพล่งลั่นต่อมาทันใด
“เอาคันฉ่องมาให้ข้าดู!”
ไม่นานนัก หงเซียงก็ยกคันฉ่องลวดลายวิจิตรมาให้อย่างมือไม้สั่น นางรับมาถือไว้ มองภาพในนั้นแล้วต้องกลืนน้ำลาย
ในคันฉ่องนั้นคือหญิงสาวหน้าหวาน ผิวขาวดั่งหยก ริมฝีปากแดงระเรื่อ ดวงตาเรียวน่าหลงใหลไม่ต่างจากคำบรรยายในนิยายที่นางเคยอ่านเลย
“…นี่มันเรื่องจริงหรือนี่?!...”
นางพึมพำเสียงเบาก่อนจะเบิกตากว้าง หันขวับไปมองสาวใช้ที่ยังสะอื้น “เจ้า...เจ้าแน่ใจนะว่าชื่อหงเซียง?”
“เจ้าค่ะ! ฮือ บ่าวอยู่กับคุณหนูมาตั้งแต่เด็กนะเจ้าคะ!”
“ข้าอยากพักผ่อนคนเดียว เจ้าไสหัวไปให้พ้นเดี๋ยวนี้!”
...ในห้องตกอยู่ในความเงียบอีกครั้ง
หญิงสาวบนเตียงยกมือขึ้นกุมขมับ พึมพำอย่างไม่อยากเชื่อในสิ่งที่เกิดขึ้นคราแล้วคราเล่า
“…นี่ข้าทะลุเข้ามาในนิยายจริง ๆ เหรอเนี่ย?”
เสียงฝีเท้ากระทบพื้นหินอ่อนดังถี่รัวตามพื้นทางเดินไปยังเรือนใหญ่ แม้จะถูกคุณหนูของตนไล่ออกมาอย่างตกใจปนโกรธเมื่อครู่ แต่สิ่งที่ติดอยู่ในใจนางไม่ใช่เสียงดุ เสียงไล่
สิ่งที่รบกวนใจไม่หยุดคือ…
คุณหนูเกือบตายไปแล้วจริง ๆ
หงเซียงใจหายวาบทุกครั้งที่นึกถึงภาพตอนบ่าวช่วยกันลากร่างคุณหนูขึ้นมาจากสระน้ำ แม้ชีพจรยังเต้นแต่ดวงหน้าซีดเผือด และริมฝีปากที่เย็นชืดยังคงหลอนติดตาไม่คลาย
“การที่คุณหนูตัดสินใจกระโดดน้ำเป็นเพราะนายหญิงไม่เห็นด้วยเรื่องแต่งงานกับคุณชายหวงคนที่คุณหนูหลงรัก...?”
หงเซียงเม้มปากแน่น นางรู้ดีว่าคุณชายหวงจื่อหานเป็นบุรุษรูปงาม เปี่ยมความสามารถยิ่งกว่าบุรุษใดในเมืองหลวง แต่น่าเสียดาย...ตระกูลหวงนั้นต่ำต้อยกว่าสกุลเยี่ยนหลายขั้น มารดาของคุณหนูย่อมไม่เห็นชอบ
คุณหนูเพียงเอ่ยบอกความในใจที่มีต่อคุณชายหวงให้มารดารู้ก็ถูกบอกให้ตัดใจจนทำให้เกิดเรื่องคอขาดบาดตายเช่นนี้
แต่หากบ่าวเช่นนางไม่ช่วย ใครจะช่วยคุณหนูเล่า!
เมื่อคิดได้เช่นนั้น หงเซียงก็ตัดสินใจเด็ดขาด วิ่งตรงไปยังเรือนของนายท่านเยี่ยนเช่นตอนนี้
“บ่าวขอพบนายท่าน! ด่วนที่สุดเลยเจ้าค่ะ!”
หงเซียงร้องเสียงดัง หน้าเปื้อนเหงื่อ เสื้อผ้ายับย่นจากการวิ่งจนคนเฝ้าเรือนใหญ่ตกใจ
ผ่านไปเพียงครู่ เยี่ยนจิ้งเฉินขุนนางใหญ่แห่งราชสำนัก ผู้เป็นที่หวั่นเกรงของทั้งราชสำนักก็ก้าวออกมาด้วยสีหน้าเคร่งขรึม
“เกิดอะไรขึ้นกับอวี่ซินหรือ?”
หงเซียงทรุดตัวลงคุกเข่าแทบทันที
“นายท่านเจ้าขา! คุณหนู…คุณหนูเกือบฆ่าตัวตายเจ้าค่ะ!”
“อะไรนะ!?”
ดวงตาเยี่ยนจิ้งเฉินเบิกกว้างในทันใด น้ำเสียงทรงอำนาจสั่นไหวเล็กน้อยอย่างที่หาได้ยากนัก
หงเซียงฟูมฟาย รีบบอกสิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมด
“คุณหนูเครียดที่นายหญิงไม่เห็นด้วยกับการแต่งงานกับคุณชายหวงจื่อหาน…บ่าวไม่รู้รายละเอียดนัก แต่คุณหนูร้องไห้ทั้งคืน แล้วรุ่งเช้าก็...ก็...อยู่ในสระเจ้าค่ะ! ตอนนี้ฟื้นแล้วเอาแต่นั่งซึมอยู่ในห้องคนเดียว”
เยี่ยนจิ้งเฉินนิ่งงันไปเพียงครู่เดียว ก่อนจะกำหมัดแน่นเดินไปมาอย่างว้าวุ่นใจ
“เด็กโง่...เรื่องแค่นี้ถึงกับทำให้คิดสั้นเชียวหรือ?”
แต่แม้ปากจะว่า ทว่าแววตาของเขากลับเต็มไปด้วยความห่วงใยเต็มเปี่ยม
ลูกสาวเพียงคนเดียวของเขา ที่เป็นดั่งดวงใจ ตั้งแต่เกิดมาเขาก็ไม่เคยขัดใจนางสักครั้ง จะผิด จะถูก จะเหลวไหลแค่ไหน ขอแค่ไม่ทำให้บาดเจ็บหรือเสียใจ เขาก็พร้อมจะสนับสนุนเสมอ
และตอนนี้...นางถึงกับยอมเสี่ยงตายเพียงเพื่อจะได้แต่งกับบุรุษที่รัก
...นั่นเพียงพอแล้ว
เขาหันไปสั่งเสียงหนักแน่นกับบ่าวใกล้ตัวทันที
“ส่งสารไปยังสกุลหวง บอกว่าตระกูลเยี่ยนต้องการสู่ขอลูกชายพวกเขาให้แต่งกับอวี่ซิน นัดเจรจาเร็วที่สุด!”
“นายท่าน! จะไม่ปรึกษานายหญิงก่อนหรือเจ้าคะ?”
“ไม่มีเวลาแล้ว!” เยี่ยนจิ้งเฉินตอบอย่างเด็ดขาด “อวี่ซินเกือบตายเพราะเรื่องนี้ หากไม่รีบทำให้สำเร็จ นางอาจ...”
เขาเม้มริมฝีปากแน่น ไม่อาจเอ่ยคำต้องห้ามนั้นออกมา
แม้ใจหนึ่งจะรู้ภรรยาของเขาอย่างหลัวซื่อเหม่ยไม่มีทางเห็นด้วยแน่นอน แต่อีกใจก็ไม่อยากให้บุตรสาวเพียงคนเดียวเป็นอันใดไป
เพื่อบุตรสาว...เขายอมทุกอย่าง
