The Follow Love 7. เธอเป็นใคร?
The Follow Love 7.
เธอเป็นใคร?
หลายวันต่อมา...
“พราว ช่วยเอาเอกสารนี่ไปส่งให้ฝ่ายบัญชีให้พี่หน่อย บอกด้วยนะว่างบประมาณให้เพิ่มขึ้นอีกนิด เดี๋ยวพี่จะให้มาร์เก็ตติงไปคุยด้วยอีกที”
เกษมณียื่นเอกสารการสั่งซื้อให้กับพราวมุกและสั่งงานเธอไปด้วย เพราะว่าช่วงนี้เป็นช่วงที่เครื่องใช้ไฟฟ้ารุ่นใหม่กำลังออกสู่ตลาด ทำให้ทั้งติณภัทร เกษมณี และพราวมุกต่างวิ่งวุ่นกันหมด เพราะงานนี้เป็นหนึ่งในโปรเจกต์ใหม่ของติณภัทร ที่ต้องทำเพื่อพิสูจน์ตนเองให้ทางคณะกรรมการบริหารไว้วางใจ ในอนาคตหากเขาจะขึ้นเป็นประธานบริษัทจะได้ไม่มีปัญหา
“ได้ค่ะพี่เกด” พราวมุกลุกขึ้นแล้วเดินมารับเอกสารจากเกษมณีไป
“จ้ะ ฝากด้วยนะ” เกษมณีเอ่ยขอบคุณผู้ช่วยแล้วเดินโทรหาประชาสัมพันธ์ด้านล่าง แต่ก็ไม่มีคนรับ เธอจึงเอ่ยเรียกพราวมุกที่กำลังจะเดินไปไว้ก่อน “เดี๋ยว พราว”
พราวมุกหันมามองเกษมณีอย่างตั้งคำถาม
“ลงไปบอกที่ด้านล่างให้พี่ก่อนนะ ว่าจะมีลูกค้ามา ให้รอรับดี ๆ แล้วโทรมาแจ้งพี่ นี่ชื่อลูกค้าและรายการที่พี่สั่งมารับรองแขก”
เกษมณีมอบหมายงานให้ผู้ช่วยของตนเองอีกเรื่อง เพราะช่วงบ่ายติณภัทรมีพบลูกค้าหลายคน จึงต้องให้ประชาสัมพันธ์รับรองแขกไว้ให้ก่อน
“ได้ค่ะ” พราวมุกรับคำแล้วเดินมาหยิบเอกสารอีกชุดไปถือไว้
“เหนื่อยหน่อยนะช่วงนี้ งานเร่งน่ะ” เกษมณีมองผู้ช่วยของตนด้วยความเอ็นดู เพราะพราวมุกเองก็สู้งานเหลือเกิน ให้ทำอะไรก็ไม่บ่น ไม่เกี่ยง สอนงานแต่ละครั้งก็ไม่เคยทำให้ผิดหวัง ตั้งใจและเรียนรู้เร็วเป็นอย่างมาก
“ไม่เป็นไรค่ะ สนุกดี ได้ทำอะไรใหม่ ๆ มากมายเลย” พราวมุกตอบกลับด้วยรอยยิ้มสดใส เธอเองก็โล่งใจที่งานมันออกมาได้ด้วยดี ได้แบ่งเบาภาระของเกษมณีได้บ้าง
“จ้ะ ไปเถอะ”
พราวมุกเดินเข้าลิฟต์ของผู้บริหารมาแล้วกดลงไปที่ชั้นล่าง เพราะเธอทำงานที่ชั้นของผู้บริหาร จึงทำให้เธอสามารถใช้ลิฟต์ตัวนี้ได้
ติ๊ง
เมื่อลิฟต์เปิด พราวมุกก็ก้าวขาออกมาตามปกติ แต่ทว่า...
“เดี๋ยว!” แต่ในขณะที่กำลังจะเดินผ่านออกไป ก็มีเสียงเรียกดังขึ้น แต่พราวมุกไม่ได้สนใจอะไรเพราะไม่คิดว่าจะมีคนเรียกเธอ
ลลิตาดาราสาวที่กำลังยืนรอลิฟต์ที่ด้านหน้าเห็นผู้หญิงที่สวยมากเดินออกมาจากลิฟต์ของผู้บริหารและแต่งตัวธรรมดาจึงเอ่ยเรียกตัวไว้ด้วยความสงสัย
“นี่หล่อน!!” แต่เมื่อคนที่เธอเรียกไม่หยุด ลลิตาจึงพูดขึ้นเสียงดังกว่าเดิม
“คะ? คุยกับฉันเหรอคะ?” นั่นทำให้พราวมุกหันไปมอง
และพอเห็นว่าคนที่พูดกำลังจ้องมาที่เธอเขม็งก็เอ่ยถามพร้อมกับชี้มือเข้าหาตนเองเพื่อความแน่ใจ เพราะเธอไม่ได้รู้จักอีกฝ่าย
“ใช่ ฉันเรียกเธอนั่นแหละ ว่าแต่เธอเป็นใคร? ทำไมถึงใช้ลิฟต์ตัวนั้นได้” ลลิตาถามขึ้นด้วยความสงสัย
“อ่อ...” พราวมุกไม่รู้จะตอบว่ายังไงดี เพราะดูจากน้ำเสียงแล้ว ไม่น่าจะมาดีแน่
ระหว่างนั้นพนักงานประชาสัมพันธ์ที่เพิ่งเดินออกมาจากห้องน้ำ เหลือบไปมองที่ลิฟต์แล้วเห็นว่าใครกำลังยืนคุยกันอยู่ก็เดินไปหาทันที
“น้องพราว” เธอเรียกผู้ช่วยเลขาของท่านรองประธานด้วยความคุ้นเคย เพราะพราวมุกชอบลงมากินข้าวกับเธอและเพื่อนทุกวัน
“พี่เจน” พราวมุกหันไปมองและยิ้มหวานให้อีกฝ่าย
“มีอะไรหรือเปล่า?” เจนนี่เดินมาถึงตัวพราวมุกและเอ่ยถาม
“คือคุณผู้หญิงท่านนี้เรียกพราวน่ะค่ะ” พราวมุกตอบแล้วก็หันไปมองลลิตา เธอรู้สึกคุ้นหน้าคุ้นตาผู้หญิงตรงหน้าไม่น้อย แต่ก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าเคยเจอที่ไหน
“คุณลลิตา แลกบัตรก่อนเข้ามาหรือยังคะ?”
เจนนี่ที่รู้จักลลิตาอยู่แล้วเพราะว่าคนที่ลลิตามีเรื่องด้วยครั้งก่อนก็คือเพื่อนของเธอเองจึงเอ่ยถามขึ้น เพราะทางลลิตาถูกห้ามจากภรรยาของท่านประธานหรือคุณหญิงแม่ของติณภัทรไม่ให้มาที่บริษัทอีก แต่ไม่รู้ว่าทำไมวันนี้ถึงมาโผล่ที่นี่ได้ หลังจากที่ไม่ได้มานานมาก และยิ่งการเข้าบริษัทเข้มงวดกว่าแต่ก่อนมาก ก็ไม่รู้อีกฝ่ายบอกพนักงานรักษาความปลอดภัยที่หน้าบริษัทว่าอย่างไร ไหนจะบัตรผ่านลิฟต์ในมือของลลิตาอีก ใครให้มา
“ทำไมฉันต้องแลกด้วย” ลลิตาที่ถูกถามอย่างนั้นก็รู้สึกเสียหน้า แต่เธอจะยอมไม่ได้จึงพูดขึ้นอย่างเชิด ๆ พร้อมกับยกบัตรผ่านลิฟต์ขึ้นมาโชว์
“แต่ทางบริษัทออกกฎห้ามคนนอกเข้ามาบริษัท ทุกครั้งต้องได้รับอนุญาตหรือแลกบัตรก่อนเข้ามานะคะ” เจนนี่พูดขึ้นอย่างไม่ยอม เพราะครั้งก่อนเธอเองก็ไม่พอใจอีกฝ่ายที่มาทำร้ายร่างกายเพื่อนของเธอ อีกอย่าง พวกเธอได้ไฟเขียวมาจากคุณหญิงแม่แล้ว ก็ไม่ต้องเกรงใจกันอีก
“ฉันไม่จำเป็นต้องแลก ฉันจะขึ้นไปหาติณ” ลลิตาจึงพูดขึ้นอย่างไม่ยอมและมองหน้าเจนนี่อย่างท้าทาย “หรือเธอมีปัญหากับฉันหรือไง?”
“พี่เจนคะ” พราวมุกรีบดึงแขนเจนนี่ไว้ เพราะอีกฝ่ายกำลังเหมือนคนที่ควบคุมตนเองไม่อยู่
“พราวลงมาทำอะไร?” เสียงเรียกนั่นทำให้เจนนี่มีสติ จึงเลิกสนใจ ลลิตาแล้วหันมาถามพราวมุกแทน
“พราวเอาเอกสารมาให้พี่เจนค่ะ พอดีข้างบนโทรลงมาไม่มีคนรับสาย” พราวมุกนึกขึ้นได้แล้วยื่นเอกสารให้กับเจนนี่ไป
“อ๋อ พี่ไปเข้าห้องน้ำมา ส่วนปลารับรองแขกอยู่น่ะ” เจนนี่รับเอกสารมาดูแล้วก็บอกถึงเพื่อนสนิทที่เคยมีเรื่องกับลลิตา
“ถ้าอย่างนั้นพราวขอตัวนะคะ” พราวมุกเห็นบรรยากาศไม่ดีและเธอยังมีอีกที่ที่ต้องไป จึงเอ่ยขอตัว
“จ้ะ” เจนพยักหน้าให้ยิ้ม ๆ
แต่ในขณะที่พราวมุกจะเดินไปกดลิฟต์ ลลิตาก็ไม่ยอมหยุด จึงเดินไปจับแขนพราวมุกไว้แล้วถามขึ้นเสียงแข็ง
“เดี๋ยว เธอยังไม่ตอบฉันเลยว่าเธอเป็นใคร? กล้าดียังไงมาใช้ลิฟต์ของผู้บริหาร ไม่รู้หรือไงว่าเขาพนักงานใช้ห้าม”
“นี่คุณ! ปล่อยนะคะ ฉันเจ็บ” พราวมุกพยายามบิดมือออกจากการเกาะกุมเพราะอีกฝ่ายบีบแขนเธอแรงมาก
“ฉันถามก็ตอบสิ!!” ลลิตายังตะคอกถามเสียงดัง และดึงแขนของพราวมุกไว้ไม่ยอมปล่อย อีกทั้งยังจิกเล็บลงที่แขนเธอด้วย
“คุณลลิตา ปล่อยพราวเดี๋ยวนี้ ถ้าคุณจะมาหาเรื่องพนักงานอีก เรื่องนี้ท่านประธานไม่ปล่อยไว้แน่ ฉันจะรายงานให้คุณหญิงรู้” เจนนี่เห็นท่าไม่ดีก็เลยเข้ามาห้ามและเตือนลลิตาไป
“แกกล้าขู่ฉันเหรอ?” ลลิตาเห็นว่าพราวมุกไม่ได้ตอบโต้อะไรจึงหันมาเอาเรื่องเจนนี่แทน
“ฉันไม่ได้ขู่ แต่ลองไหมล่ะคะ? ถ้าคุณไม่ออกไปดี ๆ เรื่องนี้ถึงหูคุณหญิง” เจนนี่ก็ไม่กลัวเหมือนกัน ทั้งยังข่มขู่อีกฝ่ายสวนกลับไปอีกต่างหาก เพราะเธอรู้ดีว่าคุณหญิงแม่ของติณภัทรไม่ได้ชอบในตัวลลิตาสักเท่าไรนัก ถ้าเรื่องนี้ถึงหูท่าน ต้องเป็นเรื่องใหญ่แน่ ๆ
“แก ฝากไว้ก่อนเถอะ” ลลิตาที่มีประเด็นอยู่แล้วจึงยอมถอยแล้วเดินไปที่ลิฟต์พนักงานที่เธอใช้ได้ หากยังต่อกรกับเจนนี่มีหวังเธอได้ถูกหมายหัวหนักกว่าเก่าเป็นแน่
“ใครเหรอคะ?” พราวมุกหันไปถามเจนนี่ด้วยความสงสัย
“คนบ้าน่ะ อย่าไปสนใจเลย ไปทำงานเถอะ” เจนนี่ไม่อยากพูดถึงอีกฝ่ายให้อารมณ์เสีย จึงบอกปัดไป
“ค่ะ” พราวมุกจึงพยักหน้ารับรู้ และเดินเข้าลิฟต์ที่เปิดรอไว้เพื่อไปทำงานต่อ
ฝ่ายลลิตาเดินออกจากลิฟต์มาด้วยความหัวเสีย และเดินมาถึงหน้าห้องทำงานของติณภัทรก็พบว่าไม่มีคนอยู่ที่หน้าห้อง เธอจึงเดินผ่านไป โดยไม่ได้สังเกตว่าที่หน้าห้องมีโต๊ะทำงานถึงสองโต๊ะ
แกร๊ก...
เธอเปิดประตูเข้ามาโดยไม่ได้เคาะแล้วก็ร้องเรียกแฟนหนุ่มเสียงดังลั่น “ติณคะ!!”
“ลิตา? นี่คุณมาได้ยังไง” ติณภัทรเงยหน้าจากเอกสาร มองคนที่จู่ ๆ ก็เปิดประตูเข้ามาด้วยความตกใจ
“ติณ! ติณต้องจัดการให้ลิตานะคะ พนักงานของคุณไม่ให้เกียรติลิตาเลย” ลลิตาไม่ตอบคำถามของติณภัทร แต่ตรงดิ่งเข้าไปหาติณภัทรและฟ้องขึ้นมาทันที
“นี่คุณมีเรื่องกับพนักงานของผมมาเหรอ?” ใจติณภัทรกระตุกวาบ เพราะเขาเข้าใจว่าลลิตาคงเจอเข้ากับเกษมณีและพราวมุกมาแล้วแน่ ๆ
“ค่ะ พนักงานต้อนรับข้างล่างน่ะ ไหนคุณบอกว่าคุณจะจัดการให้ลิตาไงคะ ทำไมมันยังไม่โดนไล่ออกไปอีก” ลลิตาพูดขึ้นอย่างไม่พอใจ เพราะครั้งก่อนติณภัทรบอกว่าจะจัดการไล่พวกนั้นพนักงานออกให้ แต่เธอก็ยังเจอพนักงานที่เคยดูถูกและไม่เคารพเธอสักนิด
“พนักงานด้านล่างเหรอ?” เมื่อได้ยินอย่างนั้นติณภัทรก็รู้สึกโล่งใจขึ้นมา
“ค่ะ ติณต้องจัดการให้ลิตานะคะ ไล่พวกมันออกให้หมดเลย” ลลิตาเดินเข้ามานั่งตักติณภัทรและออดอ้อนเขาทันที
“คุณก็รู้ว่าผมทำอะไรไม่ได้”
ติณภัทรถอนหายใจออกมาแล้วพูดขึ้นอย่างจนปัญญา เพราะครั้งก่อนที่ลลิตาก่อเรื่อง แม่ของเขาไม่พอใจมาก สั่งห้ามเขาลงโทษพนักงานและสั่งห้ามไม่ให้ลลิตามาที่บริษัทอีก แต่ที่เธอมาวันนี้ก็คงเพราะเขาไม่ค่อยได้ไปหาเธอเลยช่วงนี้ และที่เธอขึ้นมาได้ก็เพราะเขาเคยให้บัตรผ่านลิฟต์เธอไว้นั่นเอง สงสัยจะต้องหาทางเอาบัตรคืนมาก่อน
“แต่คุณก็ควรให้พวกมันให้เกียรติลิตาบ้าง ลิตาเป็นแฟนคุณนะ” ลลิตาพูดขึ้นอย่างแงงอน เพราะคิดว่ายังไงแฟนหนุ่มก็ต้องเข้าข้างเธอ
“เห้อ เอาเป็นว่าผมจะตักเตือนให้ก็แล้วกัน” ติณภัทรถอนหายใจออกมาและเอ่ยรับปากไปส่ง ๆ
“แล้วนี่คุณหญิงแม่ของคุณว่างให้ลิตาพบตอนไหนคะ?”
ลลิตาได้ยินอย่างนั้นก็พอใจและเปลี่ยนเรื่องไปถามถึงแม่ของติณภัทรที่ทำให้เธอมาที่นี่ลำบาก ว่าเมื่อไรท่านจะหายโกรธและยอมให้เธอเข้าไปพบเพื่อแสดงตัวว่าเธอเป็นคนรักของเขาสักทีสักที
“เอ่อ” ติณภัทรตอบไม่ได้เลยคำถามนี้ เพราะนับวันแม่เขายิ่งไม่ชอบแฟนสาวของเขามากขึ้น ไม่ใช่นานวันจะเลิกเกลียดอย่างที่ควรจะเป็น
“คุณแม่คุณคงเกลียดลิตามากสินะ ที่ลิตาเป็นแค่ดาราเต้นกินรำกินไม่ใช่ลูกคุณหญิงคุณนายพวกนั้น” ลลิตาก้มหน้าลงแล้วทำเสียงเศร้าหวังให้แฟนหนุ่มเห็นใจ
“ไม่หรอกครับลิตา คุณอย่าคิดมากสิ” ติณภัทรได้ยินก็รีบพูดเอาใจเธอทันที
“แต่...”
“เชื่อผมนะครับ ว่าสักวันคุณแม่ต้องใจอ่อนให้คุณ” ติณภัทรเอ่ยขึ้นเพื่อให้ลลิตาสบายใจ ทั้งที่ตัวเขาเองยังคิดว่าสิ่งที่พูดไปเป็นไปได้ยากหรืออาจจะเป็นไปไม่ได้ก็ตาม
“ค่ะ แล้วนี่ติณว่างไหมคะ? ลิตาจะชวนติณไปทานข้าว” ลลิตาจึงพยักหน้ารับอย่างจำยอม จากนั้นก็เอ่ยชวนติณภัทรไปทานข้าวด้วยกัน
“คือผมยังไม่ว่างเลยช่วงนี้ งานยุ่งมาก ขอโทษทีนะครับ นี่ไง ผมต้องตรวจเอกสารอีกเต็มโต๊ะเลย” ติณภัทรพูดขึ้นพร้อมกับชี้นิ้วไปที่กองสารกองโตที่เขานั่งตรวจอยู่
“เหรอคะ” ลลิตาทำหน้าผิดหวังขึ้นมาทันทีที่ได้รับคำตอบจากแฟนหนุ่มของตนเอง
“ลิตา คุณอย่าโกรธผมนะ ช่วงนี้งานผมยุ่งจริง ๆ” ติณภัทรจึงเอ่ยขอโทษและขอให้ลลิตาเข้าใจในงานของเขา
“ลิตาเข้าใจคุณค่ะ ไม่ได้โกรธอะไรสักหน่อย”
แม้ลึก ๆ จะไม่พอใจ แต่ลลิตาก็รู้ดีว่างานของติณภัทรสำคัญแค่ไหน ซึ่งเธอเองก็ไม่ขัดขวางการเจริญก้าวหน้าของติณภัทรแน่ ๆ เพราะเธอหวังว่าสักวันจะได้เป็นภรรยาของเขาและได้ผลประโยชน์มากมายในอนาคต
“คุณกลับไปก่อนนะครับ เดี๋ยวผมรีบทำงานแล้วจะโทรหาคุณเองนะ” ติณภัทรยิ้มออกมาและขอให้แฟนสาวกลับไปก่อน
‘ก่อนที่เกษมณีกับพราวมุกจะกลับมา’ ติณภัทรคิดในใจ
“ก็ได้ค่ะ โทรหาลิตาด้วยนะคะ จุ๊บ” ลลิตาพยักหน้ารับอย่างว่าง่ายและโน้มตัวไปจูบปากติณภัทรตามประสาคู่รักสมัยใหม่
“ครับ” ติณภัทรจูบตอบแล้วพอผละออกเขาก็ตอบรับทันที
“เฮ้ออออ... นี่ถ้าเกิดแม่รู้ตายแน่ ๆ เลยกู ดีนะที่วันนี้ยอมกลับไปง่าย ๆ”
เมื่อลลิตาเดินออกไปแล้ว ติณภัทรก็ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอกแล้วบ่นขึ้นกับตนเองเบา ๆ
