บทย่อ
‘เพราะอุบัติเหตุในครั้งนั้น ทำให้เขาสูญเสียคู่หมั้นที่รักหมดหัวใจ และ...เธอคือผู้ที่ต้องรับผิดชอบ’ โปรยปราย เรียกน้ำย่อย “จะไปไหน” “ขอโทษนะคะ ฉันว่าเราไม่เคยรู้จักกัน” เพราะพยายามมองแล้วแต่ชายตรงหน้าไม่คุ้นตาเลย ทำให้ตันหยงพยายามเดินเลี่ยงออกมา แต่ก็ถูกชายคนนั้นตามเข้ามาขวางเอาไว้อีกครั้ง “แน่ใจเหรอว่าเราไม่เคยรู้จักกัน” เอ่ยจบทิวาก็สบตาตันหยงตรงๆ และนั่นก็ทำให้เธอตกใจที่รู้ว่าคือเขา ไม่คิดว่าระยะเวลาเกือบสามเดือนที่ไม่ได้เจอหน้ากัน ทิวาจะเปลี่ยนไปได้มากถึงขนาดนี้ “คุณทิวา!” “ฉันถามว่าเธอจะไปไหน” เสียงห้วนเอ่ยถามขึ้นอีกครั้ง ทั้งๆ ที่เขารู้คำตอบดีอยู่แล้ว คำถามจากเขาทำให้ตันหยงอึกๆ อักๆ ขึ้นมา “คือว่าฉัน...” “จะหนีไปใช้ชีวิตอย่างมีความสุขที่ไหนไม่ทราบ” “ฉันไม่ได้หนีค่ะ ฉันแค่จะไป...” ยังไม่ทันที่ตันหยงจะเอ่ยบอกว่าเธอแค่จะตามไปดูแลพี่สาว ทิวาก็เอ่ยแทรกขึ้นเสียก่อน “ลืมไปแล้วหรือไงว่าเธอสัญญาอะไรกับฉันไว้” “ฉันไม่เคยลืมว่าจะไถ่โทษเรื่องที่เกิดขึ้นให้คุณ” นี่คือสิ่งที่ตันหยงตั้งใจจะทำตั้งแต่แรก “ไม่ลืมก็ไปกับฉัน” เอ่ยจบทิวาก็คว้าเข้าที่ข้อมือของตันหยง แล้วออกแรงรั้งให้เธอเดินตามมา แต่เพราะยังไม่รู้ว่าเขานั้นจะพาเธอไปที่ไหน ตันหยงจึงยื้อไว้ “จะไปไหนคะ” “เธอมีสิทธิ์ถามด้วยเหรอ”
บทที่ 1
เอี๊ยดดดด
โครมมมมม
เสียงรถประสานงาดังสนั่นหวั่นไหวไปทั่วบริเวณ ก่อนที่รถทั้งสองคันจะกระเด็นไปคนละทิศคนละทาง แต่สุดท้ายรถของพวกเขากลับมาหยุดอยู่บริเวณไม่ห่างกันนัก คันหนึ่งชนเข้ากับเสาไฟฟ้า อีกคันพลิกตะแคงอยู่บนพื้น ซึ่งอุบัติเหตุในครั้งนี้ล้วนแต่สร้างความเสียหายให้ทั้งสองฝ่าย โดยเฉพาะรถฝั่งตรงข้ามที่ผู้โดยสารนั้นเสียชีวิตคาที่
รถเอสยูวีสีขาวที่ชนติดอยู่กับต้นไม้คือต้นเหตุของอุบัติเหตุในครั้งนี้ เพราะคนขับนั้นดื่มเหล้ามาหลายแก้ว จนทำให้ควบคุมรถได้ไม่เต็มร้อยเปอร์เซ็นต์ ก่อให้เกิดอุบัติเหตุครั้งนี้ขึ้น
“มีคนตายไหมตันหยง” น้ำเสียงตื่นๆ ของดาหลาเอ่ยถามขึ้น สติเริ่มไม่อยู่กับเนื้อกับตัว
“น้องว่ามะ...มี” ตันหยงที่หัวแตกเล็กน้อยเอ่ยตอบเสียงสั่น นั่นเพราะเธอมองเห็นร่างที่น่าจะไร้วิญญาณของผู้หญิงคนหนึ่ง ที่เวลานี้นอนพาดออกมาจากตัวรถ
“พี่ขับรถชนคนตายอย่างนั้นเหรอ”
“ตะ...แต่ว่าเขาอาจไม่เป็นอะไรก็ได้นะพี่ดาหลา”
“ไม่ได้เด็ดขาด เป็นแบบนี้ไม่ได้” ดาหลาเอ่ยอย่างลนลานนั่นเพราะเธอกำลังจะไปเรียนต่อปริญญาโทที่เมืองนอก ขืนมีประวัติเมาแล้วขับจนทำให้คนตายแบบนี้ต้องไม่ดีแน่
“พี่ดาหลาจะทำอะไร”
“เธอมาเปลี่ยนที่นั่งกับพี่ เร็วๆ สิ”
“ตะ...แต่ว่า” ตันหยงลังเล นั่นเพราะอนาคตของเธอหลังจากนี้จะเป็นยังไงเธอก็ยากจะเดา
“พี่ดื่มเหล้ามาหลายแก้ว ขืนเป็นคนขับแล้วเกิดอุบัติเหตุต้องไม่ดีแน่ เธออยากให้พี่ติดคุกหรือไงตันหยง” ดาหลาไม่รอฟังคำตอบ แม้จะรู้สึกเจ็บตามร่างกายแต่เธอก็ยังสามารถก้าวลงไปจากรถ จากนั้นก็เข้าไปลากตัวน้องสาวให้มานั่งตรงหลังพวงมาลัยแทนเธอ
ดาหลากับตันหยงสลับที่นั่งกันได้ไม่นาน ก็มีพลเมืองดีรวมไปถึงรถกู้ภัยเข้ามาช่วยเหลือ โดยระหว่างนั้นก็มีอีกหลายคนเข้าไปช่วยคู่กรณี โดยเฉพาะผู้ชายที่ยังออกมาจากตัวรถไม่ได้
ซึ่งผู้ชายคนนั้นคือทิวา ขาชายหนุ่มหักและติดอยู่กับหน้ารถ เขาพยายามยื้อเพื่อพาตัวเองออกไปหาคู่หมั้นสาวที่เวลานี้นอนนิ่งอยู่บนพื้น พร้อมทั้งพยายามตะโกนเรียกชื่อเธอตลอดเวลา แต่แป้งร่ำกลับไม่ตอบสนอง
ทีมกู้ภัยต้องใช้อุปกรณ์ตัดถ่างเข้ามาช่วยทิวา เวลานี้ชายหนุ่มเองก็เสียเลือดมาก ระหว่างรอการช่วยเหลือเขาก็ยังคงตะโกนเรียกแป้งร่ำอยู่ตลอดเวลา ซึ่งขณะนั้นทีมกู้ภัยกำลังปั้มหัวใจเพื่อยื้อชีวิตของเธออยู่
ทันทีที่หลุดออกมาจากตัวรถได้ ทิวาก็พุ่งตัวเข้าไปหา แป้งร่ำ โดยไม่สนใจอาการเจ็บของตัวเองแม้แต่น้อย
“แป้ง...แป้งเป็นยังไงบ้าง” มือที่เต็มไปด้วยเลือดของทิวาลูบใบหน้าซีดเผือดของคู่หมั้นสาว
“เราต้องรีบพาเธอไปโรงพยาบาล” หนึ่งในทีมกู้ภัยเอ่ยบอกทิวา นั่นเพราะตอนนี้ชีวิตของแป้งร่ำตกอยู่ในอันตรายมาก ช้าไม่ได้แม้แต่วินาทีเดียว
“อย่าเป็นอะไรไปนะ ผมคงอยู่ไม่ได้แน่ถ้าไม่มีคุณ” ทิวาเอ่ยบอกแป้งร่ำเสียงสั่นเครือ เขากุมมือเธอไว้และทั้งคู่ก็ค่อยๆ ห่างกันเมื่อแป้งร่ำที่นอนไม่ได้สติอยู่บนเปลพยาบาลถูกเข็นห่างออกไป
เหตุการณ์ที่ดังขึ้นทุกอย่างนั้นตกอยู่ในสายตาของตันหยงที่เวลายังนี้มีสติดี เธอรู้สึกสงสารชายตรงหน้ามาก แววตาที่เขาแสดงออกบ่งบอกถึงความหวาดกลัวและเจ็บปวดไม่น้อย ก่อนที่เขาจะถูกนำตัวขึ้นรถกู้ภัยอีกคัน ส่วนเธอกับดาหลาพี่สาวก็ขึ้นอีกคัน โดยเป้าหมายคือโรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุด
เพราะร่างกายของแป้งร่ำได้รับความกระทบกระเทือนเป็นอย่างมาก เธอจึงเสียชีวิตในเวลาต่อมา ทิวาขาซ้ายหัก กระดูกซี่โครงหักและทิ่มปอดของชายหนุ่ม หัวแตกเย็บเกือบสิบเข็ม ในขณะที่ดาหลากับตันหยงแทบไม่ได้รับบาดเจ็บด้วยซ้ำ ผลตรวจร่างกายอย่างละเอียดของทั้งคู่ก็ไม่มีอะไรที่ต้องน่าเป็นห่วง
“เราจะไปเยี่ยมพวกเขาวันนี้นะคะพี่ดาหลา” ตันหยงชวนพี่สาวไปเยี่ยมทิวา ไปแสดงความเสียใจต่อเรื่องที่เกิดขึ้น แต่ทว่าดาหลากลับปฏิเสธที่จะไป
“พี่ไม่ไป”
“แต่น้องว่าเราควรจะไปแสดงความเสียใจ”
“มันเป็นอุบัติเหตุ จะอะไรนักหนา ถ้าเธออยากไปก็ไปเองคนเดียวสิ ถ้าหากญาติฝ่ายนั้นถามถึงพี่ เธอก็ให้บอกไปว่าพี่เจ็บหนัก ลุกไม่ไหว”
“เกิดอะไรขึ้น เสียงเอะอะออกไปถึงข้างนอก” เสียงของแก้วตาดังขึ้น เพราะทันทีที่ก้าวเข้ามาในห้องพักฟื้น ก็ได้ยินเสียงเอะอะของดาหลาและตันหยง
“ก็ตันหยงเซ้าซี้ให้ดาหลาไปเยี่ยมฝ่ายนั้นค่ะแม่” ดาหลาได้ทีรีบฟ้อง เพราะมั่นใจว่าผู้เป็นแม่ต้องเข้าข้างเธออย่างแน่นอน
“ไปทำไม ไม่ต้องไปหรอก เดี๋ยวแม่ส่งทนายไป” และคำตอบของผู้เป็นแม่ก็ไม่ได้ต่างไปจากสิ่งที่ดาหลาคิด ถึงอย่างนั้นตันหยงก็ยังคงพยายามหว่านล้อม
“แต่เราก็ควรไปด้วยตัวเองนะคะคุณแม่”
“ใช่...ตันหยงพูดถูก เราควรจะไปแสดงความเสียใจด้วยตัวเอง” ภาสุเอ่ยเห็นด้วย
“งั้นคุณกับตันหยงก็ไปเองแล้วกัน ฉันกับดาหลาไม่ไปค่ะ” เอ่ยจบแก้วตาก็เข้าไปโอ๋ลูกสาวคนโต ที่เธอยอมรับว่าได้มอบความรักให้มากกว่าลูกสาวคนเล็ก
“ไปแล้วก็อย่าไปใจอ่อนพูดเชียวละ ว่าคืนนั้นใครเป็นคนขับรถ” ดาหลากำชับเรื่องนี้กับน้องสาวอีกครั้ง เพราะรู้ว่าตันหยงนั้นขี้ใจอ่อนมากแค่ไหน จนถึงตอนนี้ดาหลาก็ยังไม่ไว้ใจว่าทุกอย่างจะไม่สาวมาถึงตัว
“ใช่...ห้ามพูดเชียวนะตันหยง ไม่อย่างนั้นพี่ต้องติดคุกเข้าใจไหม” แก้วตาเอ่ยกำชับขึ้นอีกคน ภาสุได้แต่ถอนหายใจออกมาหนักๆ นั่นเพราะรู้เรื่องนี้แล้วเช่นกัน แทนที่ทำผิดแล้วจะรับแต่ดาหลากลับปฏิเสธ แถมยังโยนความผิดมาที่น้องอีก
“ค่ะคุณแม่” ตันหยงเอ่ยรับ