บท
ตั้งค่า

บทที่ 1 ตอนที่ 4

สองสัปดาห์หลังจากนั้น...ดาวพรายก็ไม่ได้พบเห็นเจ้าของเกาะหนุ่มอีกเลย พลอยทับทิมเป็นคนสอนงานให้เธอด้วยตัวเอง ซึ่งก็ไม่ได้เกินความสามารถ เนื่องจากตอนสมัยเรียน เธอก็ฝึกงานด้านนี้มาแล้ว แต่ก็ต้องปรับตัว ปรับวิธีการทำงานเป็นการใหญ่เหมือนกัน เพราะ ณ จุดนี้เธอได้ทำงานจริงๆ แล้วอย่างเต็มตัว ในตำแหน่งพนักงานบริการทั่วไป

เนื่องจากเป็นรีสอร์ตไม่ใหญ่นัก ลูกค้าก็มีจำกัด ดังนั้นพนักงานจึงไม่ได้มีมากมาย บริหารงานเป็นระบบครอบครัว ทุกคนต้องรู้งาน หรือรู้ว่าต้องแก้ปัญหาอย่างไรจึงจะสอดคล้องกับความต้องการของลูกค้า

ทั้งนี้ดาวพรายได้มีโอกาสออกภาคสนามด้วย เป็นการพาลูกค้าล่องเรือไปชมทัศนียภาพภายนอก ตามเกาะต่างๆ และดำน้ำดูปะการัง ซึ่งเป็นทริปเสริมที่ทางรีสอร์ตมีไว้บริการนักท่องเที่ยว ยามว่างก็มีกิจกรรมนันทนาการกับชาวบ้านบ้าง พนักงานบ้าง

เธอสนิทกับผู้คนบนเกาะมากขึ้น จึงได้รู้เกาะแห่งนี้มีบ้านอยู่ไม่ถึงร้อยหลังคาเรือนด้วยซ้ำ และบ้านเรือนเหล่านั้นก็ปลูกอยู่บนพื้นที่ของข่าน หรือเตศวร ธรรมพิทักษ์ พวกเขาไม่ได้มีสิทธิ์ขาดโดยชอบธรรมแต่อย่างใด

ในสมัยก่อน เกาะหมอกถือได้ว่าเป็นเกาะร้าง ด้วยทัศนียภาพที่เป็นหมอกควันหนาทึบบดบัง โดยรอบ มีแต่ชาวเรือที่รู้จัก แต่ก็หวาดกลัวว่าจะมีอาถรรพ์ จึงไม่มีใครกล้ารุกล้ำเข้ามาเหมือนเกาะอื่นๆ

แต่เมื่อปู่ทวดของเตศวรซึ่งเป็นเจ้าของบ่อพลอยในจังหวัดจันทบุรีมาพบเข้า ก็เกิดถูกใจ และเข้ามาถือกรรมสิทธิ์สร้างบ้านพักตากอากาศอย่างถูกต้องตามกฎหมาย

เพราะเมื่อเกือบร้อยปีที่แล้วที่ดินสามารถจับจองกันได้โดยอิสระ และหลังจากนั้นรุ่นต่อๆ มาแจ้งกับทางการให้เข้ามาสำรวจ เพื่อดำเนินการเรื่องเอกสารให้ถูกต้องตามกระบวนการ

จากบ้านพักชั่วคราว ก็กลายเป็นบ้านที่อยู่อาศัยถาวร เมื่อตกทอดรุ่นสู่รุ่น และได้มีการพัฒนาจนกลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวในสังคมชั้นสูงทั้งในและต่างประเทศ

กาลก่อน...ได้เกิดพายุถล่มเกาะขนาดเล็กแห่งหนึ่งในหมู่เกาะช้าง ผู้คนบนเกาะนั้นไร้ที่อยู่อาศัย ไร้ที่พักพิง พ่อปู่ทวดของเตศวรจึงอนุญาตให้ชาวบ้านย้ายเข้ามาอยู่ในเกาะหมอกได้ แต่ไม่แบ่งขาย จะให้เช่า หรือยกให้เป็นกรณีไป

ชาวบ้านสามารถปลูกบ้านอยู่จนชั่วลูกชั่วหลาน แต่เมื่อใดครอบครัวของเขาต้องการที่ดินคืน จะต้องคืนกลับให้ทันที โดยจะมีการจ่ายค่าชดเชยให้ตามความเหมาะสม

พวกชาวบ้านหาเลี้ยงชีพด้วยการทำประมง ปลูกผัก นอกจากนี้ยังมีงานที่บ้านเจ้าของเกาะให้ผลัดเปลี่ยนกันทำ ลูกใครหลานใครได้เรียนหนังสือ พอจะมีความรู้ก็ได้เข้าทำงานที่รีสอร์ตในตำแหน่งต่างๆ ถือได้ว่าเป็นเกาะที่รายล้อมไปด้วยความเป็นกันเอง และอบอุ่น... “ทำไมเราไม่พานักท่องเที่ยวไปฝั่งโน้นของเกาะบ้างคะป้านัน ไม่มีที่ให้เที่ยวเหรอคะ เห็นออกเรือทุกทีก็ไปแต่เกาะหวาย เกาะขาม เกาะหมอก ฝั่งนั้น” ดาวพรายหยิบบาบีคิวหมูเข้าปากไปพลาง ถามป้าแม่บ้านของโรงแรมไปพลาง ในขณะที่ทุกคนกำลังวุ่นวายอยู่กับปาร์ตี้เล็กๆ ของพนักงาน

“คุณดาว...อย่าพูดเชียวค่ะ ไม่ดี” ป้านันขยิบตา สีหน้าไม่สู้ดีขึ้นมาทันที

“อ้าว...ทำไมคะป้า” เธอชวนคุยไปเรื่อยเปื่อย ให้พอได้แก้เครียดแก้เบื่อฆ่าเวลา

“ปกติเราเดินเรือเส้นทางเดียวนั้นมาแต่โบราณแล้วค่ะ ไม่มีใครไปทางทิศใต้นั้นหรอก มันมีแต่หินโสโครก คลื่นก็แรง ประเดี๋ยวเรือก็อัปปางเอาค่ะ”

“อ๋อค่ะ...” เธอพยักหน้ารับรู้ แต่ก็ยังสังเกตได้ถึงความผิดปกของป้านัน ท่าทีเลิ่กลั่กมองซ้ายมองขวากระตุ้นความอยากรู้ได้เป็นอย่างดี แต่เธอก็ฉลาดพอจะไม่ซักไซ้ไล่เลียง เพราะมั่นใจว่าป้านันไม่ยอมปริปากง่ายๆ เป็นแน่

แต่ไม่เป็นไร...เพราะไม่ใช่เรื่องสำคัญ

“คุณดาวรีบขึ้นไปนอนเถอะ พรุ่งนี้มีทริปออกเรือแต่เช้า เดี๋ยวจะตื่นไม่ไหวเอานะคะ ป้าก็ต้องไปแล้วเหมือนกัน” ป้านันรีบตัดบท แล้วลุกขึ้นยืนปัดเศษทรายออกจากกระโปรงหยาบๆ ยังคงยิ้มแย้มกับดาวพรายพลางเชื้อเชิญ

“ก็ว่าจะขึ้นไปนอนเหมือนกันค่ะป้านัน แต่เดี๋ยวขอไปเดินเล่นชายหาดสักหน่อย คืนนี้พระจันทร์เต็มดวงสวยเชียว ดวงก็เต็มท้องฟ้าเลย” เธอกอดเข่า เงยหน้าสนทนากับป้านัน

สาวใหญ่แม่บ้านของโรงแรมพยักหน้า แล้วก็เดินจากไป ท่ามกลางเพื่อนพนักงานอีกหกเจ็ดคนที่ยังคงปิ้งย่างอาหารทะเล ดื่มกินเคล้าเสียงเพลงเบาๆ รื่นเริงกันตามประสา

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel