ep1
เพล้ง!
เสียงจากกระเบื้องกระทบพื้นแตกกระจาย พร้อมเสียงโวยวายลั่นบ้านของสองผัวเมียที่ใครๆ ต่างก็ระอาที่จะห้ามปราม
“มึงไม่ต้องมาห้ามกู มึงเอาเงินไปซ่อนที่ไหน มึงบอกกูมาเดี๋ยวนี้ ไม่งั้นกูตบ!”
เพี๊ยะ!
“นี่มึงกล้าตบกูเหรอ ไอ้เฒ่า งั้นมึงอย่าอยู่เลย”
ผลัก ผัวะ ๆ ตุ๊บๆ
“โอ๊ย...อีบ้านี่ มึงเอาจริงเหรอ”
“เอาซิวะ มึงเข้ามา”
หน้าประตูบ้าน ชายกลางคนกำลังวิ่งออกนอกบ้านพร้อมมือที่กุมหัวเลือดไหลอาบ ส่วนที่หน้าบ้าน มีหญิงวัยกลางคนยืนถมึงทึง สายตาโกรธเกรี้ยว ในมือถือดุ้นฟืนอันใหญ่ ที่ยกขึ้นชี้แล้วด่าไล่หลัง
“ไอ้ผัวเฮงซวย มึงไม่ต้องมาเหยียบบ้านกูอีกเลยนะ หนอย...กูทำมาหาเลี้ยงมึงอยู่ทุกวัน ดันมาตบกูได้”
นางยืนหายใจเหนื่อยหอบ มองว่าคู่กรณีวิ่งหนีไปไกลแล้วก็ทรุดนั่งลงที่บริเวณหน้าประตู พร้อมกับน้ำตาที่รินไหลออกมาเงียบๆ อย่างทดท้อใจ กระทั่งมีมือๆ หนึ่งมาจับที่บ่าอย่างปลอบโยน
“เอ็งมาเมื่อไหร่ นังลัน”
นางพูดโดยไม่หันไปมองก็รู้ว่าเป็นลูกสาวคนเดียวของนาง
“ก็ทันเห็นศึกใหญ่เมื่อสักครู่นั่นแหละ”
ลันดา หรือลัน หญิงสาววัยรุ่นผู้มีดวงตากลมโต จมูกโด่งเล็กและเข้ารูปกับใบหน้าวงไข่ รับริมฝีปากอวบอิ่มที่ยิ้มแย้มอยู่สม่ำเสมอ
“คราวนี้ พ่อเขาก่อเหตุอะไรอีกล่ะแม่”
เธอพยุงแม่เข้าบ้าน เพราะรู้ว่าแม่ใช้พลังงานไปหมดแล้วกับการด่าและไล่ตีพ่อ ราวกับคนไม่เคยรักกันมาก่อน
“มันจะขอเงินไปซื้อเหล้า แม่คงหยิบให้ช้าไม่ทันใจ มันเลยตบเปรี้ยงเข้าให้”
นางฟ้องลูกสาวทันที ลันดาหัวเราะเบาๆ รู้ว่าแม่พูดความจริงไม่หมด แต่ไม่ถือสา พ่อของเธอชื่อยงยุทธ เป็นอดีตพระเอกลิเกที่มีแม่ยกมากมาย แต่มาตกหลุมรัก แม่ค้าอย่างงามตา แม่ของเธอ ทั้งคู่หอบผ้าหอบผ่อนหนีมาด้วยกัน แล้วตั้งรกรากอยู่ที่นครนายก
งามตามีแผงขายอาหารตามสั่งที่ปากทางเข้าน้ำตกแห่งหนึ่ง โดยกู้หนี้ยืมสินมาจากเจ้าของรีสอร์ตที่อยู่ใกล้ๆ กัน ร้านอาหารของงามตาขายดี และน่าจะมีรายได้เพียงพอ หากว่ายงยุทธไม่ติดเหล้าและการพนัน
“แล้วนี่แม่ไล่พ่อเขาไปแบบนั้น ถ้าเขาไม่กลับมา แม่จะทำยังไง”
“ก็ดีนะสิ ทุกวันนี้ แม่ก็เหนื่อยสายตัวแทบขาด เพราะเลี้ยงมันนี่แหละ หาเงินเท่าไหร่เอาไปลงขวดเหล้าหมด นี่ยังไม่นับมันเอาไปเลี้ยงเมียน้อยมันอีก พูดแล้วเจ็บใจ”
นางพูดอย่างแค้นๆ น้ำตารินจนต้องใช้หลังมือเช็ดป้อยๆ เกือบยี่สิบปีที่อยู่ด้วยกันมา ล้มลุกคลุกคลานกันมา แต่ไม่เคยมีครั้งไหนที่ทุกข์ใจเท่าที่รู้ข่าวว่า ผัวไปมีเมียน้อย
“ช่างเขาเถอะแม่ ถ้าพ่อเขามีเมียใหม่จริง แม่ก็มีผัวใหม่บ้างสิ”
“เอ๊ะ นังนี่”
งามตาถลึงตาเข้าใส่ลูกสาวแล้วฟาดเพี้ยะลงที่ต้นแขน ลันดาถึงกับเอามือลูบผิว เพราะมันแสบขึ้นมาทันที รสมือแม่ หล่อนโดนมาตั้งแต่เด็ก เพิ่งจะห่างหายไปก็ตอนเข้าไปเรียนอาชีวะในเมืองหลวง
“แม่สอนแล้วใช่ไหม ว่าต้องซื่อสัตย์ รักใครก็รัก มีปัญหาก็ต้องแก้ ไม่ใช่หนีปัญหา” งามตาหันกลับมาสอนลูกทันที
“โธ่...แล้วแม่จะบ่นทำไม ถ้าแม่ไม่หนีปัญหาโดยตัดพ่อเขาทิ้งไป แม่ก็ทนแก้ปัญหาพ่อติดเหล้า ติดผู้หญิงไปเถอะ”
ลันดาพูดอย่างปลงๆ เพราะนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่แม่ฟูมฟายเรื่องพ่อติดเหล้าและติดผู้หญิง แต่ทุกครั้งที่พ่อกลับมา แม่ก็ปรนนิบัติพ่อเหมือนเดิม และก็เริ่มศึกยกใหม่ เวลาพ่อจะออกจากบ้าน
“เอ็งยังไม่รู้จักความรัก และถ้าเอ็งรักใครสักคน เอ็งจะไม่พูดแบบนี้”
งามตาชี้หน้าด่าลูกสาว ขณะที่ลันดายิ้มทะเล้นกับแม่ แล้วรีบกลับเข้าห้องของตัวเองอย่างรวดเร็ว เพราะไม่งั้นก็คงเจอคำบ่นของแม่ยืดยาวยิ่งกว่านี้
******
ภายในห้องนอนของลันดา เธอหยิบจดหมายออกมาเปิดอ่าน สีหน้ากังวลและหนักใจ เทอมนี้เป็นเทอมสุดท้ายที่เธอจะจบอาชีวะในระดับ ปวช. ซึ่งแน่นอนว่าแม่คงไม่มีปัญญาส่งเธอไปในระดับปริญญาได้ แต่ที่น่าหนักกว่านั้นคือ เธอค้างค่าเทอมอยู่หลายหมื่น ซึ่งผัดผ่อนจนถึงเทอมสุดท้าย และถ้าเธอไม่จ่าย..ทางวิทยาลัยระบุว่า เธอจะไม่ได้รับวุฒิการศึกษา
ไม่มีวุฒิ จะไปสมัครงานที่ไหนได้ เธอตั้งใจว่า จะออกมาหางานทำสักระยะ เพื่อเรียนต่อปริญญาตรี แต่ตอนนี้มันถึงทางตันแล้วจริงๆ และเธอแน่ใจว่าจะไม่กลับไปอยู่กับญาติทางแม่อีกแล้ว เพราะตลอดระยะเวลาสามปีที่เธอถูกส่งไปเรียนอาชีวะ ต้องอาศัยกับญาติทางแม่ ช่วยงานค้าขายตั้งแต่เช้ามืดก่อนไปเรียน กลับมาก็เก็บข้าวของและทำงานบ้าน กว่าจะได้นอนก็เกือบจะเที่ยงคืน เพื่อแลกกับการได้ที่อยู่ที่อาศัย เธอจึงแทบไม่มีเวลาทบทวนบทเรียนด้วยซ้ำ อาศัยว่าตั้งใจเรียนในชั่วโมง จึงผ่านพ้นมาได้
